เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 794 เขาจ้องมองมารดา
บทที่ 794 เขาจ้องมองมารดา
วันถัดมา
ตู้ชิงหยูตื่นขึ้นมาด้วยอาการเวียนศีรษะ เมื่อวานนี้นางดื่มมากเกินไป
นางลุกขึ้นนั่ง เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อวานก็ให้ละอายใจจนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าตนเอง นางเมาจนเปิดเผยเรื่องเก่าที่ติดอยู่ในใจมานานกับกู้หวนอวี้ แต่กลายเป็นว่ากู้หวนอวี้ไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง เขาค้นพบความลับของจี้หยก จนไขปมที่อยู่ในใจของนางนานนับสิบปีได้
ตู้ชิงหยูหยิบจี้หยกที่ห้อยอยู่รอบคอของตนออกมาแล้วกำไว้ในฝ่ามือ ให้ความรู้สึกเหมือนว่านางได้จับมือของมารดาเอาไว้
ท่านแม่ ท่านไม่ต้องห่วงลูกแล้ว ลูกจะไม่โทษตัวเอง ต่อไป ลูกจะใช้ชีวิตให้มีความสุข
หมอกควันที่มองไม่เห็นบนใบหน้าของตู้ชิงหยูได้สลายหายไปจนหมด นางลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า พอเดินออกมาจากห้องก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้ามา ไม่นานถังหลี่ก็เดินเข้ามาในห้อง นางมองตู้ชิงหยูแล้วเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าตื่นแล้วหรือ? มากินโจ๊กกันเถอะ” ตู้ชิงหยูนั่งลงแล้วดื่มโจ๊กที่มีกลิ่นหอมและอ่อนนุ่ม ให้ความรู้สึกที่ดีกับท้อง
“เสี่ยวถังหลี่ช่างมีน้ำใจกับข้า” ตู้ชิงหยูกล่าวชม
“เทียบกับพี่รองของข้าแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?” นางถามยิ้มๆ
ตู้ชิงหยูอึดอัดที่จะตอบคำถาม
“กู้หวนอวี้จะเทียบกับเสี่ยวถังหลี่ได้อย่างไร?” หลังจากฟังน้ำเสียงของนางแล้วถังหลี่รู้สึกได้ว่าตู้ชิงหยูเขินอายที่จะพูดถึงเรื่องพี่รองของนาง ไม่ใช่ว่านางจะไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย
ทั้งสองสนทนากันสักพัก ถังหลี่จีงเอ่ยถามชิงหยูว่า
“ชิงหยู เสิ่นเว่ยเฟิงผู้นี้ เป็นศิษย์พี่ของเจ้าหรือ?” นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สามีนางได้ย้ำเอาไว้ ถังหลี่จึงไม่กล้าลืม
พอพูดถึงเสิ่นเว่ยเฟิง ตู้ชิงหยูนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าจึงได้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ใช่ เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ?”
“เขามีตำแหน่งเป็นอัครเสนาบดีแห่งแคว้นฉู่ ครั้งนี้เขาเป็นทูตเดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นต้าโจวของเรา สามีข้าจึงต้องการข้อมูลส่วนตัวของเขาเพิ่มเติม”
“ศิษย์พี่ของข้า..” ตู้ชิงหยูคิดย้อนไปในวันแรกที่นางได้พบกับเขา..ตอนนั้นนางยังเป็นเด็กติดตามอาจารย์เข้าไปในหุบเขากุยกูเป็นครั้งแรก ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวล้วนแปลกใหม่ นางจับแขนอาจารย์ไว้ หันดูรอบกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่ออาจารย์ได้พาเดินผ่านหินก้อนใหญ่ ตู้ชิงหยูเห็นเด็กชายตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งนอนหลับอยู่บนก้อนหินนั้น เขาแต่งกายเรียบๆ ท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย เมื่ออาจารย์แนะนำนางให้รู้จัก เขาก็เรียกนางว่าน้องสาวด้วยรอยยิ้มที่สดใส ตู้ชิงหยูประทับใจพี่ชายหน้าตาดีผู้นี้เป็นอย่างมาก แต่ไม่นานนักนางจึงได้รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขา เขาชอบแกล้งและล้อนางยามที่ไม่มีใครเห็น ตู้ชิงหยูยังเป็นเด็กเล็กนางจึงโดนเขารังแกแต่ฝ่ายเดียว จนกระทั่งนางได้เติบโตขึ้น จึงได้สู้เขากลับ
ทั้งคู่ทะเลาะกันเป็นประจำ ต่อมาก็เดิมพันกันว่าให้แต่ละฝ่ายรับลูกศิษย์ของตนขึ้นมาแล้วสั่งสอน จากนั้นค่อยนำมาแข่งขันกันว่าศิษย์ของใครจะเก่งกว่ากัน
นางอยู่แคว้นต้าโจว หลังจากได้รับเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเป็นศิษย์แล้ว ต่อมานางได้พาเด็กทั้งสองเดินทางไปยังที่ต่างๆ มากมาย แต่ศิษย์พี่ของนางกลับไปแคว้นต้าฉู่ และได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นนั้น นิสัยของเขาคาดเดาได้ยาก ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรหรือได้วางแผนอะไรอยู่ในหัว
“ที่จริงแล้วอัครเสนาบดีไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเอง นี่อาจจะเป็นความคิดของศิษย์พี่ของข้า” ตู้ชิงหยูว่า
“ศิษย์พี่ของข้าเป็นคนไร้กฎเกณฑ์มากกว่าข้าเสียอีก เขาไปๆ มาๆ ยิ่งกว่าลมพัด ข้าถึงได้แปลกใจที่เขามีตำแหน่งเป็นถึงอัครเสนาบดี พี่ชายข้าหน้าตาดี ชอบคนงาม ข้าเดาว่าเขาอยู่แคว้นฉู่เพราะชื่นชอบสาวงามที่นั่น”
ศิษย์พี่เขียนจดหมายมาหานางหลายฉบับชวนให้นางไปหาเขาที่แคว้นฉู่ แต่ตู้ชิงหยูโยนจดหมายทิ้ง นางไม่อยากไป จะให้นางเลื่อนการออกไปเตร็ดเตร่กับสาวงามเพราะเขาน่ะหรือ? ไม่มีทาง!
จากคำอธิบายของตู้ชิงหยู ถังหลี่ได้วาดภาพชายผู้หนึ่งท่าทางเป็นบัณฑิตหากมีนิสัยเจ้าชู้ไว้ในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หรือว่าการชื่นชอบคนงามจะเป็นธรรมเนียมของสำนักศึกษาของพวกเขา?
“ศิษย์พี่ของข้ารับมือได้ยาก เขามีลิ้นที่แหลมคม ยามพูดจากับเขาต้องระวังอย่าได้ตกหลุมพรางคำพูดของเขา ไม่เช่นนั้นอาจติดกับดักโดยไม่ได้ตั้งใจ”
ตู้ชิงหยูทรยศต่อศิษย์พี่ของนางโดยไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่น้อย
ถังหลี่เขียนเรื่องที่ตู้ชิงหยูเล่าให้นางฟังลงในกระดาษให้เว่ยฉิง แม้สามีของนางจะให้คนไปสืบข้อมูลของเสิ่นเว่ยเฟิงแล้วก็ตาม แต่ข้อมูลของตู้ชิงหยูมีรายละเอียดมากกว่า
“ผู้ที่ขอให้เสินเว่ยเฟิงอยู่ในแคว้นฉู่น่าจะเป็นองค์หญิงฉู่ พวกเขามาต้าโจวด้วยกันในครั้งนี้…. ภรรยา ข้าได้พบเรื่องบางอย่าง”
“เรื่องอะไรหรือ?” ถังหลี่ถาม
“ตู้ชิงหยูและเสิ่นเว่ยเฟิงเคยมีสัญญาหมั้นหมายกัน”
“ชิงหยูกับศิษย์พี่เคยหมั้นหมายกันกันด้วยหรือ?” ถังหลี่ตกใจ
นางจำได้ว่าตอนที่ได้พบกับตู้ชิงหยูตอนเช้า เมื่อนางเอ่ยถึงเสิ่นเว่ยเฟิง สีหน้าของตู้ชิงหยูเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง
ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเขาอาจมีสายสัมพันธ์บางอย่างไม่ใช่แต่ศิษย์ร่วมสำนักธรรมดา
อดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้ตู้ชิงหยูคิดอย่างไรกับเสิ่นเว่ยเฟิง…
ความสัมพันธ์ของพี่รองกับนางคงไม่ราบรื่นเสียแล้ว
“พวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ได้หมั้นหมายแต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน โอกาสที่จะได้พบเจอกันก็น้อยมาก การหมั้นหมายอาจเป็นเรื่องบังเอิญ เสินเว่ยเฟิงอาจเป็นเหมือนพี่ชายของนาง แต่พี่รองของเจ้าอาจจะเป็นเนื้อคู่ของชิงหยูก็เป็นไปได้”
ถังหลี่พยักหน้ารับ การมีคลื่นลมอาจจะไม่ใช่สิ่งเลวร้าย หากต้านไม่ไหวก็เลิกราไป แต่ไม่แน่ว่าคลื่นลมในครั้งนี้อาจพัดพาให้พี่รองเข้าไปอยู่ในใจตู้ชิงหยูสำเร็จก็เป็นได้
ไม่กี่วันหลังจากนั้นทูตแคว้นฉู่ก็มาถึงเมืองหลวง
ถังหลี่อยากรู้เรื่องของเสิ่นเว่ยเฟิงมาก นางจึงไปนั่งรอชมดูขบวนทูตที่ห้องอาหารในร้านหนิงเฟิ่ง ทำเลของที่ร้านดีมาก สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ทั่วเมือง ก่อนจะออกมานางได้ชวนตู้ชิงหยูมาดูด้วยกัน หากทว่าตู้ชิงหยูปฏิเสธ
“แค่เห็นเขาก็ปวดหัวแล้ว” นางว่า “ข้าไม่ไปหาเขาหรอก หากเขาอยากเจอข้าก็ให้เขามาหาข้าเองเถอะ”
ถังหลี่จึงไปชมขบวนทูตกับลูกแฝดสองคนของนาง มู่เป่านั่งเก้าอี้เล็กๆ ของตัวเองพลางกินขนมไปด้วย ในขณะที่ถังเป่าตามติดถังหลี่อย่างตื่นเต้น
ถังหลี่ยืนอยู่ข้างหน้า นางให้ถังเป่ายืนบนม้านั่งตัวเล็ก จนหัวของนางโผล่ขึ้นมา เด็กหญิงกวาดสายตาไปที่ท้องถนน ทันใดนั้นมีเสียงดังเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ขอให้ผู้คนยืนดูอย่างสงบที่ข้างทาง
นางมองเห็นขบวนรถม้ามาแต่ไกล
มีคนสองคนขี่ม้านำขบวนมา คนหนึ่งสวมชุดเครื่องแบบของราชสำนัก เขาน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพิธีการของแคว้นต้าโจวที่ถูกส่งมาต้อนรับทูต ส่วนอีกคนหนึ่งอายุราวๆ ยี่สิบกลางๆ มีดวงตาดอกท้อ ใส่เสื้อผ้างดงามหลากสีราวกับผีเสื้อ เขาน่าจะเป็นเสินเว่ยเฟิง ศิษย์ผู้พี่ของตู้ชิงหยู
ดวงตาดอกท้อของเขากวาดสายตาไปทั่ว เขาดูหล่อเหลาจนหญิงสาวพากันเขินอายเมื่อได้สบตา
ชายหนุ่มผู้นั้นยังกวาดสายตามองไปจนกระทั่งเขาเห็นถังหลี่ สายตาของเขาหยุดชะงักที่นางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงขยิบตาให้ ถังหลี่เห็นท่าทางเจ้าชู้ของเขาแล้วนางได้แต่กลอกตาตอบ
เดิมทีถังเป่าคิดว่าท่านอาผู้นี้หน้าตาดีจริงๆ ต่อมาเมื่อนางเห็นเขาจ้องมองมารดาของนาง ความประทับใจที่นางมีต่อเขาลดลงเหลือศูนย์ทันที
“ก็แค่นั้นแหละ หล่อสู้ท่านพ่อไม่ได้” ถังเป่าว่า มู่เป่าถือขนมยืนอยู่ข้างๆ พี่สาว เขาพยายามเขย่งเท้าชะเง้อดูอย่างตื่นเต้น แต่หัวกลับโผล่ออกมาไม่ได้มากนัก มู่เป่าแทบมองไม่เห็นะไรเลย เด็กน้อยได้ยินคำพูดของพี่สาว ในฐานะลูกชาย เขาเอ่ยชมบิดาของตนเองตามถังเป่าทันที
“พ่อหล่อที่สุด”
ถังหลี่ขบขันเด็กแฝดสองคนมาก
ขบวนทูตจากแคว้นฉู่เข้าพำนักที่เรือนรับรอง ถังหลี่จึงได้กลับไปยังจวนสกุลอู่
ตอนเย็นเมื่อเว่ยฉิงกลับมาที่จวน ถังหลี่จึงได้เล่าให้สามีฟังถึงเรื่องของเสิ่นเวยเฟิง ท่าทางเขาเหมือนนายน้อยเสเพล แต่มีจิตวิญญาณเหมือนจิ้งจอกเฒ่า ดูไปแล้วน่าจะจัดการได้ยาก
“เขาจ้องท่านแม่ด้วย” ถังเป่ากระซิบฟ้องบิดา
เมื่อเว่ยฉิงได้ยิน แต่เดิมเขาตั้งใจว่าจะไม่ให้แคว้นฉู่และเสิ่นเว่ยเฟิงได้เปรียบในการเจรจา แต่ตอนนี้เขากลับมีเป้าหมายว่านอกจากไม่ได้เปรียบแล้วต้องทำให้เขาสูญเสียมากๆ อีกด้วย