เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 796 แปลก
บทที่ 796 แปลก
ในช่วงท้ายของมื้ออาหาร พวกเขาไม่ได้พูดคุยในเรื่องที่มีสาระมากนัก
“ฮูหยิน ข้าไม่ชอบเสิ่นเว่ยเฟิงเลย!” เว่ยฉิงแอบกระซิบกับภรรยา เมื่อคิดถึงสายตาของเขาที่จ้องมองภรรยาของตนเองยามที่เดินเข้ามาในโถงจัดเลี้ยง เขาแทบอยากไปควักลูกตาของชายผู้นั้นออกมาเสีย
แต่กระนั้นเว่ยฉิงก็ได้แต่แอบบ่นกับภรรยาเขาเท่านั้น ต่อหน้านางแล้ว เขาทำได้แต่สีหน้าอ่อนโยน นุ่มนวลเท่านั้น อย่างมากสุดก็ได้แต่ทำสีหน้าไร้อารมณ์เท่านั้น
นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังต้องพิจารณาข้อเสนอของเสิ่นเว่ยเฟิงอย่างรอบคอบเพื่อที่จะพยายามกำจัดเขาออกไป
“สามี ท่านตรวจสอบดูแล้วเจออะไรบ้างหรือไม่?” ถังหลี่ถามเขา พยายามเพิกเฉยกับพฤติกรรมเหมือนเด็กๆ ของเขา
“คนผู้นี้สนใจตู้ชิงหยูมาก” เว่ยฉิงตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น เมื่อเขาพูดถึงตู้ชิงหยู ดูเขาเป็นกังวลจนอดถามถึงนางอีกหลายครั้งไม่ได้
“ชิงหยูอยู่กับพี่รอง หากเขาสนใจนางจริง เหตุใดจึงไม่มาหานางเล่า?”
“ข้าไม่รู้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาช่างน่าอึดอัดใจนัก”
คำว่าน่า ‘อึดอัดใจ’ ของเว่ยฉิงเป็นเพียงคำบ่นของเขาเท่านั้น แท้จริงแล้วตู้ชิงหยูและเสิ่นเว่ยเฟิงมีความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดมาตลอดตั้งแต่ที่พวกเขายังเป็นเด็กแล้ว ทั้งคู่ชอบทะเลาะเบาะแว้ง และเกี่ยงที่จะเข้าหาอีกฝ่ายมาตลอด
เสิ่นเว่ยเฟิงมีความคิดว่า เขาเดินทางจากแค้วนฉู่มาถึงแคว้นต้าโจวแล้ว เป็นธรรมดาที่ศิษย์น้องย่อมเป็นฝ่ายต้องเข้ามาหาเขาไม่ใช่หรือ?
แต่ตู้ชิงหยูกลับมองว่าเขาเป็นทูตมาต้าโจวเพื่อหารือเกี่ยวกับการค้า เหตุใดต้องเกี่ยวข้องกับนางด้วยเล่า!
ยามนางไปแคว้นฉู่ก็ไม่เห็นจะต้องวิ่งไปขอให้เขามาต้อนรับตนเองเลยนี่
แต่หลังจากได้รับจดหมายจากเขาหลายฉบับ นางให้รำคาญใจเป็นอันมาก ในที่สุดจึงได้ตัดสินใจไปหาเขาที่เรือนรับรอง
วันนั้นกู้หวนอวี้ชวนนางไปชมทิวทัศน์นางจึงได้ปฏิเสธเขาไป ชายหนุ่มผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกงามจางลง
ตู้ชิงหยูใจอ่อนพูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้ข้าอยากจะไปเยี่ยมศิษย์พี่ของข้าน่ะ”
ศิษย์พี่ของนาง? เสิ่นเว่ยเฟิงหรือ?
เสิ่นเว่ยเฟิงมาถึงเมืองหลวงหลายวันแล้วแต่เขายังไม่ได้พบกับตู้ชิงหยูอีกหรือ แปลกจริง แต่ไม่ว่าอย่างไรในเมื่อพวกเขาเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน ย่อมสมควรที่จะทักทายกันอยู่เป็นธรรมดา
กู้หวนอวี้อารมณ์ดีขึ้น เขาพยักหน้า “ไม่ได้เจอกันนาน พูดคุยกันดีๆล่ะ” หญิงสาวพยักหน้า นางจะทักทายเขาดีๆ แต่เขาสิจะดีกับนางหรือเปล่า?
เช้าวันรุ่งขึ้นที่เรือนรับรอง
องค์หญิงเหยาเยว่มองเสินเว่ยเฟิงที่ยืนอยู่ด้านนอก เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา ผมเกล้ารวบไว้ด้วยกวานหยกเนื้อดีดูสง่างามไม่น้อย นางอดไม่ได้จนต้องเดินวนชมดูเขาเสียหลายรอบ
“ท่านอัครเสนาบดี วันนี้ท่านดูเปลี่ยนไปนะ” องค์หญิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จู่ๆ นางก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้
“วันนี้น้องสาวท่านจะมาพบท่านหรือ?”
เสิ่นเว่ยเฟิงพยักหน้ารับอย่างสงวนท่าที
พวกเขาต่างถือทิฐิกันมาหลายวันแล้ว ในที่สุดศิษย์น้องเขาก็เป็นฝ่ายถอย ยอมเข้าหาเขาก่อน
เสิ่นเว่ยเฟิงไม่สบายใจ เขาอยากพบนาง แต่เมื่อนางกำลังจะมาหาเขาเข้าจริงๆ เขากลับทำตัวไม่ถูก
แม้แต่องค์หญิงเหยาเยว่เองก็มีความอยากรู้อยากเห็นในตัวของหญิงสาวผู้นี้เช่นกัน
…..
ตู้ชิงหยูมาตามที่สัญญาไว้ บ่าวรับใช้พานางไปยังลานที่เสิ่นเว่ยเฟิงอยู่ เมื่อเข้ามาในลาน นางเห็นชายผู้หนึ่งยืนพิงราวบันได สวมใส่เสื้อผ้างดงามสะดุดตา ดวงตาดอกท้อของเขาเปล่งประกายยินดี หัวใจของนางอ่อนโยนลง ไม่ได้เจอกันเจ็ดหรือแปดปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ใหญ่”
“ศิษย์น้อง” ดวงตาของเสิ่นเว่ยเฟิงกวาดมองใบหน้าของนางอย่างรวดเร็ว “นั่งลงพูดคุยกันก่อนเถอะ”
มีโต๊ะหินและม้านั่งอยู่ในสนาม ตู้ชิงหยูนั่งลงตรงข้ามกับเขา
ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน พวกเขาทะเลาะและชอบพนันขันต่อกันมาตลอด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สนิทกัน
ในตอนนั้นทั้งมารดาของนางและอาจารย์ได้เสียชีวิตไปแล้ว ตู้ชิงหยูจึงได้ถือว่าศิษย์พี่ใหญ่ของนางคนนี้เป็นเสมือนญาติที่นางเหลืออยู่แต่ผู้เดียว เมื่อนางได้ยินว่าเขาจะเดินทางไปแคว้นฉู่ นางจึงได้เศร้าใจไม่น้อย
แต่หลังจากหลายปีผ่านไป ความเจ็บปวดและความคับข้องใจก็ได้เลือนหายไปตามวันเวลา นางและศิษย์พี่จึงได้ห่างเหินไม่สนิทกันเหมือนยามเยาว์วัย
เวลาได้เปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่ง เป็นเรื่องจริงแท้อย่างที่มีคนเอ่ยไว้
“ศิษย์พี่ ท่านเคยบอกกับข้าว่าจะไปตามหาญาติที่แคว้นฉู่ก่อนหน้านี้ ท่านได้เจอพวกเขาหรือไม่?” ตู้ชิงหยูเอ่ยถาม
เสิ่นเว่ยเฟิงนิ่งงัน เขาจำได้ว่าตนเองบอกกับนางเช่นนั้น แต่แท้จริงกลับไม่ใช่…
ในตอนนั้นการเดิมพันของพวกเขาไร้สาระมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาใช้การสู้รบมาวางเดิมพันเสียด้วยซ้ำ
แต่หลังจากเดิมพันกันไปไม่กี่วัน เขารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระ เหลวไหล จนในที่สุดเขาจึงได้ขอเลิกการหมั้นหมายกับนาง
ในตอนที่เขาถอนหมั้นนั้นมีเหตุผลบางอย่าง เพราะเขารู้สึกว่าศิษย์น้องมีใจให้เขา ทำให้เขาตื่นตระหนก คิดว่าหากเป็นเช่นนี้อีกต่อไปคงไม่ดี เขาจึงหาข้ออ้างที่จะเดินทางไปแคว้นฉู่ โดยหวังว่านางจะตัดใจจากเขา เวลาผ่านไปแปดปีเขาคิดว่านางน่าจะตัดใจจากเขาได้แล้ว
“พบ..แต่พวกเขาเสียชีวิตกันหมดแล้ว”
“เหตุใดศิษย์พี่ถึงได้อยากเป็นอัครเสนาบดีของแคว้นฉู่ล่ะ?” ตู้ชิงหยูถามต่อ ในตอนนั้นเองมีหญิงผู้หนึ่งเดินมายกชาให้ นางดูมีเสน่ห์ หน้าตางดงามกิริยามารยาทดูงามสง่า
ตู้ชิงหยูคาดเดาได้ทันทีว่าน่าจะเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นฉู่ที่ได้ร่วมเดินทางมากับขบวนทูตของศิษย์พี่ใหญ่
องค์หญิงเหยาเยว่เป็นพระธิดาของฮ่องเต้แคว้นฉู่ นางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้มาก ตู้ชิงหยูมองแล้วคิดว่านางไม่ได้มีคุณสมบัติที่โดดเด่นแต่อย่างใด นอกเสียจากความงามของนางเท่านั้น
ตู้ชิงหยูเองก็ยังอดที่จะมองสตรีผู้นี้ถึงสองสามครั้งไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจที่ศิษย์พี่ใหญ่ชอบนางจนเต็มใจที่จะพำนักอยู่ในแค้วนฉู่เพื่อคนงามเช่นนี้
“องค์หญิงเหยาเยว่” ตู้ชิงหยูทักทาย
องค์หญิงเหยาเยวพยักหน้า “แม่นางตู้”
“ท่านรู้จักข้าด้วยหรือ?” ตู้ชิงหยูถาม
“ท่านอัครเสนาบดีมักเอ่ยถึงท่าน” เมื่อองค์หญิงตรัสจบ ทั้งสองคนต่างทำหน้าไม่ถูก ตู้ชิงหยูแปลกใจ ส่วนเสิ่นเว่ยเฟิงไม่สบายใจนัก
“ท่านอย่าเอ่ยวาจาเหลวไหล” เสิ่นเว่ยเฟิงไม่พอใจ
“เอาล่ะ ข้าต้องขอตัวก่อน เชิญพวกท่านพูดคุยกันต่อเถอะ” องค์หญิงเหยาเยว่รู้ทัน
“องค์หญิง ขอเชิญท่านอยู่สนทนากับพวกข้าต่อเถอะ” ตู้ชิงหยูยิ้มเอ่ยชวน นางเบื่อที่จะมองหน้าศิษย์พี่ หากได้มององค์หญิงแทนน่าจะเจริญตากว่า
องค์หญิงเหยาเยว่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตู้ชิงหยูเช่นกัน จึงรับคำเชิญประทับนั่งต่อไป คำพูดและเรื่องราวที่ตู้ชิงหยูเล่าสนุกมาก ทำให้องค์หญิงแย้มสรวลออกมาบ่อยครั้ง
ใบหน้าของเสิ่นเว่ยเฟิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พวกเขาไม่ได้เจอกันหลายปี เหตุใดน้องสาวจึงให้ความสำคัญกับองค์หญิงมากกว่าเขา?
“ศิษย์น้อง เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับข้าไม่ใช่หรือ?”
ในช่วงเวลานั้น ตู้ชิงหยูดูผิวเผินแล้วไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือเป็นกังวล แต่จิตใจของนางกลับย่ำแย่เป็นอย่างมาก เสี่ยวไป๋ยังเล็ก นางไม่เหลือใครนอกจากศิษย์พี่ผู้นี้ นางอยากเล่าเรื่องปมในหัวใจที่เก็บซ่อนมาหลายปีให้เขาฟัง แต่เขากลับจากไปโดยไม่ร่ำลา นางจึงได้แต่เก็บเรื่องต่างๆ เอาไว้อยู่เช่นนั้น
“ไม่มีอะไร….เรื่องนี้ได้ถูกแก้ไขแล้ว” ตู้ชิงหยูตอบ นางได้เจอคนที่ยินดีรับฟังและเข้าใจนางแล้ว เสิ่นเว่ยเฟิงรู้สึกสังหรณ์ว่าเขาได้พลาดสิ่งสำคัญบางอย่างไปเสียแล้ว
หลังจากพวกเขาสนทนากันอยู่สักพัก ตู้ชิงหยูจึงได้เอ่ยปากร่ำลาแล้วลุกเดินจากไป
“ศิษย์พี่ ถ้าหากท่านต้องการเจอข้าในครั้งหน้า ท่านต้องเป็นฝ่ายมาหาข้าเองแล้วนะ อีกอย่าง…” นางมององค์หญิง
“หญิงงามหาได้ยาก ท่านต้องรู้จักทะนุถนอมให้ดี” องค์หญิงเหยาเยว่มองด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังจากไป นั่นเป็นสตรีที่ผู้ชายข้างกายนางคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
“ท่านอัครเสนาบดี ท่านไม่ได้บอกข้าหรือว่าศิษย์น้องมีใจให้ท่าน แต่ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น หากนางชอบท่านจริง นางน่าจะอิจฉาพวกเราไม่ใช่หรือ?”
นั่นคือสิ่งที่เสิ่นเว่ยเฟิงตั้งใจ แต่เหตุใดเมื่อเป็นไปตามที่เขาคิด เขากลับไม่สบายใจ อึดอัด?
ศิษย์น้องสงบนิ่งมากขึ้น เขาสมควรพอใจแต่กลับไม่คุ้นเคย นางเปลี่ยนไป
ในใจเขาว่างเปล่าราวกับขาดของสำคัญไป…