เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 798 คู่แข่งความรักมาพบกัน
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 798 คู่แข่งความรักมาพบกัน
บทที่ 798 คู่แข่งความรักมาพบกัน
ตู้ชิงหยูเดินตามเสิ่นเวยเฟิงไปยังที่เปลี่ยวไร้ผู้คน
“ศิษย์พี่ ท่านอยากพูดอะไรกับข้าหรือ?” นางไม่คุ้นเคยกับท่าทางลึกลับของพี่ชายเลย
เขาเอาแต่มองใบหน้าของนางอยู่เช่นนั้น เมื่อเห็นเขายังไม่เอ่ยอะไรออกมานางรู้สึกหนังหัวชาหนึบ
“ศิษย์พี่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพูดออกมาไม่ได้…”
“ชิงหยูช่วงนี้ข้าเอาแต่คิดเรื่องนี้…” เสิ่นเว่ยเฟิงเริ่มพูด
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของเขา ตู้ชิงหยูอดไม่ได้ที่จะยืนตัวตรง หากศิษย์พี่ดูจริงจังเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่เขาต้องตัดสินใจ
“ข้าเสียใจที่ยกเลิกการหมั้นหมายกับเจ้า”
นางแปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
ในตอนแรกนั้นการหมั้นที่ว่าช่างเป็นเรื่องไร้สาระ ทว่ามันเป็นการเดิมพัน ตู้ชิงหยูไม่ใช่คนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ หากศิษย์พี่ของนางต้องการจะแต่งงาน นางย่อมติดตามเขาไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวอย่างแน่นอน แต่นี่เป็นตัวเขาที่เอ่ยปากถอนหมั้นเอง ตอนนั้นเป็นนางที่จิตใจไม่สงบเพราะยังกังวลเรื่องของมารดาที่คอยหลอกหลอนตัวนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่นางอยากแต่งงานกับศิษย์พี่จริงๆ
แต่ถ้าเป็นไปตามนั้น พวกเขาอาจจะคิดเสียใจในภายหลัง นางคิดว่าศิษย์พี่จะคิดเช่นเดียวกัน เมื่อได้ยินเขาพูด นางถึงได้ประหลาดใจ
“ศิษย์น้อง…ที่จริงแล้วข้า..ชอบเจ้า” เสิ่นเว่ยเฟิงพูดออกมาจนได้แม้จะยากเย็น แต่เมื่อได้พูดออกมาดังๆ กลับไม่ยากเหมือนกับที่คิด
ตู้ชิงหยูมองศิษย์พี่ของนางอย่างตกตะลึง เขาพูดอะไรน่ะ เขาชอบนาง?
“พี่ชาย ไม่ใช่ว่าพี่พนันกับใครเอาไว้หรือ? แล้วพี่จะพูดแบบนี้ได้อย่างไร?”
“ศิษย์น้อง ข้าพูดความจริง ข้าเพิ่งรู้ใจตนเองไม่นานมานี้เอง”
เสินเว่ยเฟิงท่องเที่ยวไปหลายที่ แต่เขาไม่เคยสนใจเรื่องรักใคร่เลย ตอนนี้เขาจึงรู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วคนที่เขารักอย่างแท้จริงอยู่รอบตัวเขา คนบางคนจะรู้จักทะนุถนอมหลังจากที่ได้สูญเสียของรักของตนไปแล้ว
ตู้ชิงหยูถามเขาอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะรับรู้ว่าเขาจริงจังไม่ได้ล้อเล่น
ศิษย์พี่ชอบนางจริงหรือ? แล้วเหตุใดเขายังอยากไปเที่ยวเตร่โฉบชมดอกไม้ดอกอื่นอีกเล่า?
หญิงสาวใช้เวลาอยู่สักพักถึงได้ยอมรับความจริงในเรื่องนี้
“ศิษย์น้องเจ้าเคยมีความรู้สึกบางอย่างกับข้าหรือไม่?”
ความรู้สึกบางอย่าง? อาการเต้นของหัวใจ? ตู้ชิงหยูไม่รู้ว่าจะตอบเขาได้อย่างไร? เมื่อก่อนยามที่นางได้เห็นเสิ่นเว่ยเฟิงเข้าใกล้เด็กสาวคนอื่นๆ ภายในใจนางให้อึดอัดไม่สบายใจอยู่เสมอ แต่นางไม่เข้าใจถึงสาเหตุอาการเช่นนี้ คิดแต่ว่าเป็นเพราะตนเองกลัวว่าจะมีใครมาแย่งพี่ชายของนางไป
หรือว่านั่นคืออาการสั่นไหวของหัวใจ?
แต่ที่แน่นอนก็คือตอนนี้นางไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว
ตู้ชิงหยูส่ายศีรษะ ใบหน้าของของเสิ่นเว่ยเฟิงหม่นลง แต่เขายังอดถามไม่ได้อีกว่า
“ศิษย์น้อง ถ้าหากข้าไม่จากไปโดยที่ไม่บอกลาเจ้าก่อนหน้า เจ้าจะ..ชอบข้าหรือไม่?”
ไม่รู้..นางไม่รู้จริงๆ ตอนนั้นตู้ชิงหยูอ่อนไหว จิตใจเปราะบาง ต้องการคนให้กำลังใจ บางทีนางอาจจะหวั่นไหวไปได้
“ศิษย์พี่ สิ่งที่ผ่านไปแล้วล้วนเป็นอดีตที่ไม่หวนคืน การตั้งสมมติฐานไม่นำพาให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
ใช่ เรื่องราวได้ผ่านไปแล้ว เขาไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่ยังมีอนาคตข้างหน้ารออยู่ ถ้าหากเขายังไม่ถอดใจและ..
ในตอนนั้นเอง เสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้น
“ชิงหยู…” ตู้ชิงหยูหันกลับไปเห็นกู้หวนอวี้ยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากคนทั้งคู่มากนัก
เหตุใดเขาถึงได้มาที่นี่ล่ะ? เขาได้ยินบทสนทนาของนางกับศิษย์พี่ไปมากเพียงใด?
กู้หวนอวี้เดินไปที่ด้านข้าง เขายิ้มให้เสิ่นเว่ยเฟิงอย่างอ่อนโยน
“ท่านเป็นศิษย์พี่ของชิงหยู่สินะ ข้าเคยได้ยินนางเอ่ยถึงท่าน ข้าชื่อกู้หวนอวี้” กู้หวนอวี้ทักทายเขา
เสิ่นเว่ยเฟิงละทิ้งท่าทีหม่นหมองและหงุดหงิดออกไป เขากลายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์เสเพลเช่นเดิม
“ข้าเสิ่นเว่ยเฟิงยินดีที่ได้รู้จัก ได้ยินมาว่าท่านดูแลศิษย์น้องข้าเป็นอย่างดี ขอบคุณท่านมาก”
“ชิงหยูและข้ามีความสนใจในเรื่องเดียวกัน พวกเราต่างช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี”
ผู้ชายสองคนยิ้มแย้มเจรจากันอย่างสุภาพ แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดและคลื่นใต้น้ำของพวกเขาทั้งคู่
ตู้ชิงหยูฉลาด นางย่อมจับสังเกตได้ นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งผู้ชายทั้งสองคนอย่างเช่นกู้หวนอวี้และศิษย์พี่ของนางจะเกิดอารมณ์หึงหวงนางเช่นนี้
หญิงสาวไม่สบายใจ นางจงใจปกป้อง ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างพวกเขา
“กู้หวนอวี้ เหตุใดท่านถึงได้มาที่นี่ล่ะ?” ตู้ชิงหยูถามอย่างแปลกใจ
“ข้ามาไม่ได้หรือ?” กู้หวนอวี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเสียใจแฝงอยู่ ตู้ชิงหยูรับมือเขาไม่ไหว นางจึงได้แต่พูดอย่างจนปัญญาว่า
“แน่นอน ท่านมาได้”
“ข้ายังไม่ได้กินอาหารกลางวันเลย ข้าหิวแล้ว” กู้หวนอวี้โอดครวญ
“โอ้..งั้นพวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ” น้ำเสียงของตู้ชิงหยูเอาใจและใส่ใจเขาโดยที่นางไม่รู้ตัว
เสิ่นเว่ยเฟิงพูดไม่ออก ท่าทางที่เขาแสดงก่อนหน้าเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกยามที่ได้เผชิญกับศัตรูคู่แข่งด้านความรักถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง สีหน้าเขาน่าเกลียดไปทันที
ก่อนหน้านี้เขาเห็นท่าทีของศิษย์น้องจากไกลๆ เขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่านางดีกับกู้หวนอวี้ แต่ครั้งนี้เมื่อได้เห็นอย่างใกล้ชิด รับรู้ถึงบรรยากาศที่คลุมเครือราวกับไม่มีที่ให้บุคคลที่สามเข้าไปแทรกได้ เขาจึงมั่นใจมากขึ้น
นางใส่ใจกู้หวนอวี้จริงๆ
ต่อให้เขาไม่อยากปล่อยมือก็สายเกินไปเสียแล้ว
นี่เป็นความผิดของเขา เป็นความผิดที่เขาทิ้งนางไปเมื่อแปดปีก่อน
“ศิษย์น้อง ข้าบังเอิญมีภารกิจต้องไปทำ ข้าขอตัวก่อน” หลังจากเสิ่นเว่ยเฟิงพูดจบ เขาก็รีบวิ่งไปทันที
ตู้ชิงหยูเป็นคนสนิทกับเขามานานหลายปี พอเห็นเช่นนี้นางจึงเป็นกังวลไม่สบายใจขึ้นมา
“ท้องข้าร้องแล้ว…” กู้หวนอวี้รีบดึงความสนใจ
ถ้าถังหลี่อยู่ที่นี่นางจะต้องชมพี่รองของนางเป็นแน่เมื่อได้เห็นฉากนี้ นางคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าพี่รองของนางนอกจากจะเป็นหนุ่มคลั่งรักแล้ว เขายังมีความสามารถในการชงชาเขียวอีกด้วย!
ความสนใจของตู้ชิงหยูโดนดึงดูดโดยกู้หวนอวี้ไปในทันที
“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เสี่ยวหลี่เอ๋อร์อยู่ที่นี่ด้วย พวกเรากำลังจะไปกินอาหารที่ร้านหนิงเฟิ่ง”
ตู้ชิงหยูเคาะประตูห้อง มู่เป่าเห็นกู้หวนอวี้ เขาวิ่งไปกอดขาท่านลุงทันที
“ลุงรอง” นางเรียกเขาเสียงหวาน
กู้หวนอวี้ขานรับ เขามองถังเป่า นางเชิดหน้าขึ้น
ท่านลุง ถังเป่าทำดีใช่หรือไม่?
กู้หวนอวี้ยกนิ้วให้หลานสาวคนเก่งของเขา
ตู้ชิงหยูชวนถังหลี่และเด็กแฝดให้ไปกินอาหารเย็นที่ร้านหนิงเฟิ่ง แน่นอนว่าถังหลี่ไม่ใช่คนโง่ นางอยากให้ทั้งคู่ได้มีเวลาใกล้ชิดกัน นางจึงหาข้อแก้ตัว
“น้องชาย..นกน้อยของเจ้าน่าจะหิวแล้ว” มู่เป่าและนกตัวน้อยเป็นเพื่อนกัน เขาให้อาหารพวกมันเป็นประจำทุกวัน พอได้ยินพี่สาวร้องเตือน มู่เป่าจึงจำได้
“ท่านแม่ กลับบ้านกันเถอะ ข้าต้องไปให้อาหารนก” มู่เป่าหันไปอ้อนนาง
ถังหลี่ตีสีหน้าผิดหวัง นางเอ่ยอย่างไหลลื่นว่า “พวกท่านไปกินกันสองคนเถอะ ข้าจะพาเด็กๆ กลับไปก่อน”
ว่าแล้วนางก็พาเด็กน้อยสองคนไปขึ้นรถม้าโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากผู้ใด
ถังหลี่แตะหน้าผากมู่เป่าพูดว่า “ผีน้อยช่างฉลาดนัก”
ถังเป่ากอดแขนมารดา พูดว่า “เหมือนท่านแม่”
ถังหลี่อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หลังจากเหตุการรณ์ที่เกิดขึ้น กู้หวนอวี้มีความมั่นใจว่าเสิ่นเว่ยเฟิงมีความคิดบางอย่างกับศิษย์น้องของเขา เขาจึงระมัดระวังและคอยอยู่เคียงข้างตู้ชิงหยูเกือบทุกวัน โชคดีที่หลังจากวันนั้นแล้วเสิ่นเว่ยเฟิงไม่ได้มาพบนางอีก กู้หวนอวี้จึงได้ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
จางจ้าวหมิงยังอดเป็นห่วงเรื่องความรักของแม่ทัพไม่ได้ เขาจึงไปหาและพูดคุยเรื่องนี้กับกู้หวนอวี้อยู่บ่อยครั้ง
“ท่านแม่ทัพ ข้าคิดว่าท่านต้องทำให้ตนเองมีสถานะที่มั่นคงในหัวใจของแม่นางตู้ชิงหยู วันนี้มีเสิ่นเว่ยเฟิง พรุ่งนี้อาจมีจ้าวเว่ยเฟิงและหลี่เว่ยเฟิงอีกก็เป็นได้” จางจ้าวหมิงเอ่ยกับเขา กู้หวนอวี้คิดแต่ว่า เขายินดีที่จะรอตู้ชิงหยูไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด เขาอยากให้นางเต็มใจอยู่กับเขา
“แต่ชิงหยู…”
“ท่านแม่ทัพ ข้าว่าแม่นางตู้ชิงหยูสนใจท่านมาก แต่นางยังไม่ตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือกับท่าน ตอนนี้ท่านต้องกระตุ้นนางให้นางรับรู้และเข้าใจความรู้สึกของตนเอง” จางจ้าวหมิงยังสำทับ
“จะกระตุ้นนางอย่างไร?”
“ถ้าหากท่านได้รับบาดเจ็บล่ะ ตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บ เยี่ยนเยี่ยนเป็นห่วงข้า นางเสียใจมาก” กู้หวนอวี้ตรึกตรอง
หรือเขาจะยอมเจ็บตัวดี…