เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 800 ความสำเร็จในการเพาะปลูก
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 800 ความสำเร็จในการเพาะปลูก
บทที่ 800 ความสำเร็จในการเพาะปลูก
เมื่อถังหลี่ได้พบกับตู้ชิงหยูอีกครั้ง นางสอบถาม แต่ตู้ชิงหยูบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงไม่พูดถึง
ถังหลี่จึงไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของพี่รองและตู้ชิงหยูได้คืบหน้าไปถึงไหน
แต่แล้วถังหลี่ก็ได้รู้จากปากของมารดา
ในวันที่นางมายังจวนสกุลกู้ มารดาดึงนางเข้าไปในห้อง หลังจากประตูปิดลง ท่าทางงามสง่า ภูมิฐานของมารดาหายไปทันที นางกลายเป็นหญิงช่างซุบซิบอยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้บุตรสาวฟัง
“เสี่ยวหลี่ พี่รองของเจ้ากับชิงหยูตกลงปลงใจกันแล้วล่ะ”
ถังหลี่ประหลาดใจ
“ท่านแม่ทราบได้อย่างไรเจ้าคะ?” ฮูหยินกู้เล่าเรื่องที่นางได้พบเห็นกับบุตรสาว
เป็นเรื่องบังเอิญที่นางได้ไปเที่ยวเล่นแถบชานเมืองเพื่อชมดอกไม้ นางเห็นร่างของคนสองคนดูคุ้นตา
“พี่รองของเจ้ากำลังพิงต้นไม้อยู่ในตอนนั้น แม่นางชิงหยูเอามือข้างหนึ่งวางบนไหล่เขา มืออีกข้างเชยคางเขาขึ้นมา นางเขย่งเท้าจูบเขา” ถังหลี่วาดภาพตามที่มารดาเล่าให้นางฟัง ตู้ชิงหยูเหมือนท่านประธานเผด็จการ จนพี่ชายของนางไม่รู้จะเริ่มต้นกับนางได้อย่างไร?
ฮูหยินกู้เหมือนจะรู้ว่าบุตรสาวคิดอะไร นางรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว
“แต่ไม่นาน พี่รองของเจ้าก็เปลี่ยนตำแหน่ง ทั้งคู่จูบกันต่ออย่างลึกซึ้ง”
ถังหลี่ตกใจ “ท่านแม่ ท่านแอบดูนานเพียงใด?” ดูสิ! มารดาของนางจำรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
ฮูหยินกู้ขัดเขิน นางมีความสุขจนแอบมองนานมากไปหน่อยเท่านั้น
“เสี่ยวหลี่ เรื่องพี่รองของเจ้าได้รับการแก้ไขแล้ว ในที่สุดแม่ก็หมดห่วง” ฮูหยินกู้ถอนหายใจ
บุตรสาวของนางได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่ดี ทั้งบุตรชายทั้งสามก็มีครอบครัวเป็นของตนเอง ชีวิตของนางได้เติมเต็มแล้ว เหลือก็แต่ สามีของนางจะได้อยู่บ้านกับนางให้มากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
ถังหลี่มีความสุขมากเช่นกัน ในนวนิยายเรื่องเดิม สกุลกู้ถูกทำลาย ทุกคนในครอบครัวของนางเสียชีวิตหมด ทั้งๆที่พวกเขาเป็นคนดี…
ตอนนี้ชะตากรรมของพวกเขาได้เปลี่ยนไปทีละคนแล้ว พวกเขาจะมีตอนจบที่ดี
ถังหลี่ได้หยิบเรื่องนี้มาพูดกับตู้ชิงหยูอีกครั้ง
ตู้ชิงหยูผู้เสเพลและไร้ศีลธรรมรู้สึกเขินอายไม่น้อย นางยอมรับแต่โดยดี
“ใช่แล้ว” ตู้ชิงหยูยอมรับว่านางชอบกู้หวนอวี้ เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างดี ภายใต้อาภรณ์สง่างาม กล้ามเนื้อเขาเป็นมัด สวยงาม นางถึงได้อยากสัมผัส ยามไหนอยากดูก็ได้ดู ยามไหนอยากได้สัมผัสก็ย่อมได้..แบบนี้ไม่ดีหรอกหรือ?
แต่พวกเขาตกลงที่จะไม่แต่งงานกัน หากมีวันใดวันหนึ่งมีใครคิดเปลี่ยนใจขึ้นมา พวกเขาจะเอ่ยคำลาแล้วหันหลังจากไปอย่างสง่างาม
หลังจากได้ฟังคำพูดของตู้ชิงหยูแล้ว นางคิดว่าอาจมีความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ระหว่างคู่รักทั้งสองที่นางไม่รู้
“เสี่ยวหลี่เอ๋อร์ ข้าเห็นแก่ตัวหรือเปล่าที่ไม่อยากแต่งงานตามพิธี” ตู้ชิงหยูถาม เป็นเพราะนางไม่อยากแต่งงานก็เลยเหมือนบังคับให้กู้หวนอวี้ต้องเห็นด้วยกับนาง
“ชิงหยู นี่เป็นเรื่องที่เจ้าและพี่รองตกลงกัน ข้าไม่คิดว่าพี่รองของข้าจะใส่ใจเรื่องนี้หรอก เขาพอใจมากเสียด้วยซ้ำ” ถังหลี่ว่า
ตู้ชิงหยูกอดนางไว้ในอ้อมแขน
“เสี่ยวหลี่เอ๋อร์เหตุใดเจ้าช่างดีนัก” นางคิดว่าตนเองโชคดีเหลือเกินที่ในชีวิตนี้ได้พบกับถังหลี่และกู้หวนอวี้
ข้อดีอีกประการหนึ่ง หากนางได้ใกล้ชิดกับกู้หวนอวี้ที่เป็นพี่รองของถังหลี่แล้ว ต่อไปนางก็จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเสี่ยวหลี่เอ๋อร์ด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องดีสองชั้นหรอกหรือ?
ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก จากนั้นร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้นมองหญิงสาวทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ถังหลี่หันไปมองพี่รอง เขาเกาะติดตู้ชิงหยูอย่างเหนียวแน่น ไม่นานก็มาถึงประตูบ้าน ถังหลี่จึงผลักตู้ชิงหยูไปที่ประตู ทั้งสองคนเพิ่งตกลงปลงใจกัน ตอนนี้ความรักของพวกเขากำลังผลิบาน นางจะกล้ารบกวนพวกเขาได้อย่างไร…
ตู้ชิงหยูต้องการปฏิเสธ นางชวนถังหลี่ให้ไปด้วย หากทว่าถังหลี่กลับผลักตู้ชิงหยูไปหาพี่ชาย
ถังหลี่เฝ้าดูร่างชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินออกจากประตูไปด้วยกัน มีแสงแดดส่องลงมาตกกระทบพวกเขา ดูแล้วช่างเหมาะสมสวยงามเหลือเกิน
นางหวังเหลือเกินว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าผมขาว
ตอนเย็นถังหลี่รายงานเรื่องนี้กับเว่ยฉิงฟัง
“ไม่ง่ายเลยกว่าพี่รองจะทำได้สำเร็จ” เว่ยฉิงถอนหายใจและแอบดีใจ ไม่น่าแปลกใจที่ช่วงหลังมานี้ตู้ชิงหยูจะรบกวนภรรยาของเขาน้อยลง
“ฮูหยิน เป็นเรื่องดีเหลือเกินที่คนรอบตัวเราต่างตกลงปลงใจด้วยกัน”
ถังหลี่ก็คิดเช่นนั้น
“หลังจากข้ามอบภาระทั้งหมดในมือของข้า ข้าจะลงจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พวกเราจะได้ไปหาซานเป่ากัน”
เมื่อพูดถึงซานเป่า ถังหลี่คิดถึงนางมาก เด็กหญิงตัวเล็กจะมาปรากฏอยู่ในความฝันของนางอยู่เสมอ บางครั้งเป็นเกี๊ยวตัวน้อย บางครั้งเป็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์
นางไม่ได้เจอซานเป่ามาปีกว่าแล้ว เด็กผู้หญิงครบอายุสิบแปดจะดูเปลี่ยนไปจากตอนเป็นเด็กมาก ไม่รู้ว่าบุตรสาวของนางจะเปลี่ยนไปอย่างไร? จะเหมือนที่ถังหลี่ฝันถึงหรือไม่
ถังหลี่อยากเจอนางเร็วๆ เหลือเกิน
ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงในพริบตา
สงครามได้ปะทุขึ้นที่ทางตอนใต้ กู้หวนอวี้ได้รับคำสั่งให้ไปทำสงคราม เขาเข้าสู่สนามรบตั้งแต่ยังเป็นเด็กหนุ่ม อยู่ในสมรภูมิมากกว่าบ้าน การปกป้องต้าโจวเป็นหน้าที่ของเขา กู้หวนอวี้ก้มหัวยอมรับ แต่ครั้งนี้เขาไม่เต็มใจนัก
ภายใต้แสงจันทร์สลัว เขามองหญิงสาวในอ้อมกอดของตนอย่างไม่ละสายตา ตู้ชิงหยูตื่นขึ้นกลางดึก เห็นสายตาคู่หนึ่งจ้องมองจนทำให้นางตกใจ
“พรุ่งนี้จะเดินทางแล้ว…เหตุใดยังไม่นอนอีก?”นางพึมพำถาม
“พรุ่งนี้ข้าจะจากไปแล้ว เจ้าจะคิดถึงข้าบ้างหรือไม่?”
เขาเป็นแม่ทัพที่เข่นฆ่าคนมากมายในสมรภูมิรบ แต่ตอนนี้เขามีหัวใจของชายหนุ่มที่เฝ้ารอคำตอบของคนรักอย่างใจจดจ่อ
“ไม่!” นางว่า “ท่านจากไปแล้วก็ดี จะได้ไม่มีคนมาคอยกวนใจข้าอีก!” ความคาดหวังของกู้หวนอวี้ดับวูบลง เขาผิดหวัง เศร้าซึม แต่จะเศร้าไปเหตุใด?
พวกเขาตกลงกันก่อนหน้าแล้วว่าหากความสัมพันธ์ได้จางหายไปวันใด พวกเขาจะเลิกรากันอย่างดี สองสามเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากสำหรับกู้หวนอวี้ แม้จะบอกตนเองเช่นนั้น แต่เขาก็ยังนอนไม่หลับ ได้แต่จ้องใบหน้าของหญิงสาวอย่างหลงใหล นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นนาง หญิงสาวที่เหมือนกับสายลม บางที…เมื่อเขากลับมาครั้งหน้า นางอาจจะจากไปแล้ว…
ต่อให้กู้หวนอวี้ไม่อยากไปมากเพียงใด เช้าวันรุ่งขึ้นเขายังต้องตื่นแต่เช้าสวมชุดเกราะ เตรียมพร้อมที่จะออกไป เขาหันไปดูหญิงสาวที่อยู่บนเตียงผมสีดำกระจัดกระจายยุ่งเหยิง ใบหน้านวลสีขาวราวกับหยก ดวงตาของนางปิดสนิท และหลับอยู่
เขาคิดอยากให้ตู้ชิงหยูลุกมาส่งตนเอง…กู้หวนอวี้เดินกลับมาที่เตียงก้มลงจุมพิตหญิงสาวที่กำลังหลับใหลอยู่เช่นนั้น แล้วหันหลังจากไป
เมื่อกู้หวนอวี้และจางจ้าวหมิงขี่ม้าออกจากเมืองเคียงข้างกัน จางจ้าวหมิงก็พูดขึ้นว่า
“เยี่ยนเยี่ยนกอดข้า ร่ำไห้อยู่เป็นนาน ไม่น่าแปลกใจที่มีคำกล่าวว่าผู้กล้าไม่อาจผ่านด่านสาวงาม” จางจ้าวหมิงถอนหายใจ คิดว่าท่านแม่ทัพน่าจะเข้าใจเขาดีที่สุด
“ท่านแม่ทัพข้าพูดถูกหรือไม่? แม่นางตู้ชิงหยูคงไม่เต็มใจปล่อยท่านไปเช่นกันใช่หรือไม่?”
หลังจากพูดจบเขาเห็นใบหน้าของท่านแม่ทัพมืดลง เขาพูดอะไรผิดไปหรือ?
พวกเขาขี่ม้ามุ่งไปยังค่ายทหารพร้อมกับทหารติดตามสองสามคน ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าม้าตามมาด้านหลัง กู้หวนอวี้ไม่ได้สนใจหันไปมอง มีแต่จางหมิงจ้าวเท่านั้น
เมื่อจางหมิงจ้าวเห็น ดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ท่านแม่ทัพ…นั่นไม่ใช่แม่นางตู้ชิงหยูหรือ?” กู้หวนอวี้หยุดม้าอย่างไม่รู้ตัว เขาหันหน้ามาเห็นม้าสองตัวกำลังควบเข้ามาหาตนเองอย่างรวดเร็ว คนขี่ม้านำหน้าท่าทางอาจหาญ หัวใจของกู้หวนอวี้เต้นแรง ชั่วพริบตาม้าก็ตามมาทัน
ตู้ชิงหยูเอียงหัวมองเขา “ท่านแม่ทัพกู้ ข้ากับเสี่ยวไป๋อยากเดินทางไปทางตอนใต้เช่นกัน เหตุใดพวกเราไม่ไปด้วยกันล่ะ?” ตู้เสี่ยวไป๋ขี่ม้าเข้ามาใกล้มองกู้หวนอวี้ด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนั้นเองที่ความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจได้แผ่กระจายไปทั่วร่างกาย แม้กระทั่งเส้นผมของเขา รอยยิ้มอ่อนโยนและอบอุ่นบนใบหน้าของกู้หวนอวี้ทำให้ทัศนียภาพในฤดูใบไม้ร่วงถึงกับพร่าเลือนไป
“ไปกันเถอะ” ทั้งสองมองสบตาแล้วยิ้มให้กัน แสงแดดสีทองเป็นประกายอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วงตกลงมากระทบร่างกายของชายหนุ่มหญิงสาว
วินาทีนั้นราวกับเวลาได้หยุดนิ่งไปชั่วนิรันดร์