เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 802 เดินทางกลับเมืองหลวง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 802 เดินทางกลับเมืองหลวง
บทที่ 802 เดินทางกลับเมืองหลวง
เมื่อฤดูหนาวผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิก็มาถึง
ทุกสิ่งทุกอย่างเปล่งประกายอย่างมีชีวิตชีวา ช่วงเดือนสามเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้จะเบ่งบานงดงามแข่งกัน
ถังหลี่สวมเสื้อบางๆ สำหรับฤดูใบไม้ผลิ ยามที่ออกไปด้านนอกนั้น สายลมที่พัดมาปะทะกับใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นสบายใจ เด็กน้อยสองคนเดินตามหลังมารดามาด้วยกัน
ถังเป่าเป็นเด็กที่มีนิสัยสุภาพ เรียบร้อย ในขณะที่มู่เป่าเหมือนลิงน้อยวิ่งซนไปมารอบๆ ตัวพี่สาว จนทำให้ถังเป่าต้องจับมือน้องชายเอาไว้ สามแม่ลูกออกจากจวนอู่โหว พวกเขาขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังประตูเมือง
“ท่านแม่ วันนี้พี่ใหญ่กับพี่สวี่เจวี๋ยจะกลับมาแล้วหรือ?” ถังเป่าถาม
ไม่นานมานี้ถังหลี่ได้รับจดหมายจากสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง ในจดหมายเขียนบอกเอาไว้ว่าพวกเขาจะกลับมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถังหลี่จึงไปคอยพวกเขาที่ประตูเมืองอยู่บ่อยครั้ง ยามที่ลูกๆ เดินทางไกล บิดามารดาย่อมมีความกังวลและเป็นห่วง พวกเขาเป็นคนที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรมากที่สุด
หากเป็นไปตามที่เขียนมาในจดหมาย พวกเขาสมควรจะมาถึงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ถังหลี่จึงเป็นกังวลว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง นางหวังว่าเด็กทั้งสองจะมาถึงโดยสวัสดิภาพ
“ใช่แล้ว” ถังหลี่ตอบรับบุตรสาว
ในเมื่อนางเป็นปลาหลี่นำโชค คำพูดของถังหลี่จึงค่อนข้างแม่นยำ
ทันทีที่ถังหลี่ไปถึงประตูเมือง ก็พบกับรถม้าที่ดูขมุกขมัวไปด้วยฝุ่นคันหนึ่งเพิ่งวิ่งเข้าเมืองมา เพลาล้อดูเสียหายสมบุกสมบันไม่น้อย
รถม้าคันนี้เดินทางมาไกล
ม่านของรถม้าเปิดออก ใบหน้าที่คุ้นเคยโผล่ออกมา เว่ยจื่ออั๋งที่กำลังเปิดม่านดูทิวทัศน์ของเมืองหลวงตกตะลึงไป ครู่ต่อมาเขากระโดดลงมาจากรถม้าถลาไปกอดถังหลี่ไว้แน่น
“ท่านแม่!”
เขาคิดถึงมารดามาก จนอดไม่ได้ที่ทำตัวราวกับเด็กเล็ก สวี่เจวี๋ยก็ลงมาจากรถม้าเช่นกัน เขามองถังหลี่เงียบๆ
ในช่วงปีที่ผ่านมา นางแทบไม่เปลี่ยนไปเลย
“พี่ชาย” มู่เป่าดึงแขนเสื้อของเขา สวี่เจวี๋ยจึงก้มลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมแขน
เว่ยจื่ออั๋งปล่อยถังหลี่ด้วยความเขินอาย เขาตื่นเต้นมากที่ได้เจอมารดาจนสูญเสียความสุขุมที่เคยมี
ถังหลี่มองบุตรชาย ในปีที่ผ่านมาเว่ยจื่ออั๋งของนางผอมลง ดูสุขุม ตัวสูง ใบหน้าคมชัดขึ้นมาก
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในช่วงที่จะเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มเป็นชายหนุ่ม และในตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นได้เติบโตขึ้นมากแล้ว
ถังหลี่เฝ้ามองการเติบโตของเด็กเจ็ดขวบจนกลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม ความรู้สึกนี้ช่างวิเศษเหลือเกิน นางหวนคิดถึงยามที่เขาทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย ในใจของถังหลี่มีความสุข รู้สึกประหนึ่งว่านางเป็นมารดาที่ได้เห็นความสำเร็จของลูกชาย ย่อมที่จะมีความภูมิใจมากเป็นธรรมดา
เมื่อถังหลี่มองสวี่เจวี๋ยก็เห็นว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเช่นกัน ดวงตาจิ้งจอกของเขาดูเจ้าเล่ห์ขึ้น แต่ยามที่เขามองนางกลับกลายเป็นรอยยิ้มไร้เดียงสาและจริงใจ
ถังหลี่พูดคุยกับชายหนุ่มทั้งสองด้วยความเป็นห่วงก่อนจะพากันขึ้นรถม้ากลับไปที่จวน
ถังเป่าเป็นเด็กมีมารยาทและไว้ตัว แม้ตอนนี้พี่ชายทั้งสองของนางจะมอมแมมมาก แต่หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน นางก็คิดถึงพวกเขามากเช่นกัน ทำให้ถังเป่าตัดสินใจนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพี่ชายทั้งสองพลางตอบคำถามเขาทีละคน ส่วนมู่เป่าที่ถูกทิ้งอยู่คนเดียวก็ปีนขึ้นไปบนตักของสวี่เจวี๋ยเพื่อให้พี่ชายกอดไว้ในอ้อมแขน
ถังหลี่มองเด็กๆ ด้วยหัวใจที่ฟูฟ่อง หากซานเป่าอยู่ด้วยในตอนนี้ ครอบครัวก็จะสมบูรณ์พร้อมหน้าพร้อมตามาก
วันนี้เว่ยฉิงกลับบ้านเร็วกว่าเดิม
หลังจากที่เขาได้ส่งมอบงานทั้งหลาย ชายหนุ่มก็มีเวลามากขึ้น เขามองลูกชายทั้งสองแล้วเดินไปโอบพวกเขาไว้ในอ้อมแขน
“กลับมาแล้วสินะ พ่อดีใจเหลือเกิน”
ไม่ว่าพวกเขาจะอายุมากขึ้นเพียงใด แต่อ้อมกอดของบิดายังคงกว้างและให้ความมั่นคงปลอดภัยเช่นเดิม
เว่ยฉิงถามคำถามพวกเขาสองสามข้อ เขาคิดว่าบุตรชายทั้งสองคนน่าจะได้รับประสบการณ์มากมายในการเดินทางครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก แม้ว่าพวกเขาจะยังเด็กแต่ก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่บุตรชายทั้งคู่จะต้องเข้ารับตำแหน่งในสภาขุนนางแล้ว เว่ยฉิงต้องการจะส่งมอบงานที่อยู่ในมือให้พวกเขา เขามีแผนการเล็กๆน้อยๆเขามีแผนการเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในใจโดยที่เด็กหนุ่มทั้งคู่ยังคงไม่รู้ตัว เด็กๆ ยังคงมีความสุขดื่มด่ำอยู่กับการได้พบกับครอบครัวของตนเอง
เพื่อเป็นการฉลองที่ทั้งลูกสองคนกลับมา ถังหลี่จึงเตรียมอาหารเย็นมื้อพิเศษไว้ ในมื้อนั้นหญิงสาวมีความสุขมาก นางดื่มสุราสองสามจอกจนหน้าเป็นสีแดงระเรื่อ นั่งพิงหน้าอกสามีมองลูกๆ ด้วยดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ทั้งเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มรูปงาม เขาดูโดดเด่นไม่น้อย
เว่ยจื่ออี้มองพี่ชายแล้วถามถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของพวกเขาในฉิงโจวและเหลียงโจว เขารับฟังด้วยความชื่นชมและโหยหา
ถังเป่านั่งฟังเงียบๆ มีมู่เป่าส่งเสียงเอะอะเป็นพักๆ เขาเหมือนปีศาจตัวน้อยที่ทำให้บ่าวรับใช้กลัวอยู่บ่อยครั้ง มีเพียงถังเป่าเท่านั้นที่ทำให้มู่เป่าสงบลงได้
ในมื้อค่ำวันนั้นเว่ยฉิงพูดถึงงานแต่งของเว่ยจื่ออี้และตู้เว่ยที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า และพูดถึงการกลับมาของสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง ตอนที่เว่ยฉิงพูดนั้น ใบหน้าของเว่ยจื่ออี้เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขาอาย แต่กระนั้นดวงตายังเต็มไปด้วยความสดใส
“จื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ยเมื่อไหร่พวกลูกจะหาสะใภ้ให้พ่อล่ะ?” เว่ยฉิงถามขึ้น
ชายหนุ่มทั้งสองถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว หญิงสาวสูงศักดิ์ในเมืองหลวงหลายคนก็หมายตาพวกเขาไว้ แต่เมื่อใดที่ถังหลี่พูดเรื่องนี้พวกเขาจะบอกปัดทันที ตอนนี้ทั้งสองเองก็ยังอยากทุ่มเทให้กับการทำงาน จึงไม่มีจิตใจที่จะมองหญิงสาวคนไหน ดังนั้นเมื่อเว่ยฉิงพูดเรื่องนี้ ทั้งสองก็ตอบเช่นเดิม
ถังหลี่และเว่ยฉิงเป็นบิดามารดาที่เข้าใจ พวกเขาจึงไม่ได้บังคับเด็กทั้งสอง เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเป็นคนฉลาดย่อมมีแผนการณ์ของตัวเองเสมอ
หลังจากมื้อค่ำจบลง เว่ยฉิงจูงมือถังหลี่เดินไปยังห้องนอน หลังจากที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็อุ้มภรรยาขึ้นมา ถังหลี่คุ้นชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ของสามีดี
นางโอบแขนไว้รอบคอเขา
ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน ใบหน้าของถังหลี่ดูเปล่งปลั่งสวยงามมากขึ้น เว่ยฉิงอดใจไม่ได้ที่จะจุมพิตบนริมฝีปากของนาง
“เด็กพวกนั้นยังไม่เห็นข้อดีของการมีภรรยา” เว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“พวกเขาหายใจเข้าออกเป็นใต้หล้า ไหนเลยจะเป็นเช่นท่านเล่า?” ถังหลี่หัวเราะ
สามีของนางไม่ใช่คนทะเยอทะยาน ทั้งที่เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ยังยืนกรานที่จะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกับภรรยา ในขณะที่นางเองก็ปรารถนาชีวิตเช่นนั้นเหมือนกัน
เมื่อถึงห้อง บ่าวรับใช้เตรียมน้ำไว้ให้พวกเขาอาบ เป็นปกติที่เว่ยฉิงจะก่อกวนให้ถังหลี่มาอาบน้ำด้วยกันโดยแกล้งทำเป็นเมามาย และเรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่จินตนาการได้
กลางดึกคืนนั้นทั้งสองนอนอยู่บนเตียงและพูดคุยกันเงียบๆ
“สามี ข้ารู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง” ถังหลี่ว่า
“เพราะเจ้าคิดถึงซานเป่า” เว่ยฉิงว่า
ใช่แล้ว! ตอนนี้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า มีเพียงซานเป่าเท่านั้นที่ไม่อยู่ ทำให้ถังหลี่คิดถึงลูกสาวมากขึ้น
“หลังจากที่จื่ออี้แต่งงาน เราจะไปหาซานเป่าที่อู๋ซานกัน” เว่ยฉิงเอ่ย
“ตกลง” ถังหลี่พยักหน้า
งานแต่งของเว่ยจื่ออี้ใกล้เข้ามาแล้ว ถังหลี่มีงานยุ่งมาก
เหตุผลที่ถังหลี่และเว่ยฉิงไม่ได้สร้างตำหนักของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และยังคงอาศัยที่จวนอู่โหวเพราะทั้งสองคิดว่าที่พักในเมืองหลวงเป็นเพียงที่พักชั่วคราวเท่านั้น และเป็นการยืนยันกับฮ่องเต้และไทเฮาด้วยว่าตัวของเขาไม่ได้ฝักใฝ่ในอำนาจอย่างแท้จริง
แต่อย่างไรก็ตาม เว่ยจื่ออี้กำลังจะแต่งงานและสร้างครอบครัว เขาจึงไม่สามารถอยู่ในจวนสกุลอู่ได้ตลอดไป ถังหลี่จึงซื้อบ้านหลังหนึ่งไว้
ดังนั้นในงานแต่งงานของเว่ยจื่ออี้และตู้เว่ยจะจัดขึ้นที่บ้านหลังใหม่ของสกุลเว่ย
เวลาผ่านไปเร็วมากไม่นานนักก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว