เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 803 งานแต่งงานของเว่ยจื่ออี้
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 803 งานแต่งงานของเว่ยจื่ออี้
บทที่ 803 งานแต่งงานของเว่ยจื่ออี้
จวนสกุลเว่ย
ผ้าหรือไม่สีแดงแขวนประดับไว้ทั่วทุกหนทุกแห่ง รวมถึงข้อความอวยพรที่ประดับไว้บนผนังทั่วจวน ภายในจวนเต็มไปด้วยความครื้นเครง
เป็นวันมงคลที่น่ายินดียิ่งนัก
เว่ยจื่ออี้ตื่นแต่เช้า อาบน้ำและสวมชุดแต่งงานสีแดง เมื่อถังหลี่และนางฝางมารดาผู้ให้กำเนิดเข้ามา เขาก็สวมชุดแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางฝางมาถึงเมืองหลวงเมื่อเดือนก่อนเพื่อเตรียมงานแต่งงานให้กับบุตรชายของตัวเอง เด็กหนุ่มมองมารดาทั้งสองก่อนจะเอ่ยปากเรียก
“ท่านแม่”
ถังหลี่และนางฝางมองเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาสวมชุดแต่งงานสีแดงมีสายคาดเอว ทำให้เขาดูรูปร่างสูงเพรียว ชุดสีแดงช่วยขับเน้นใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้ดูมีชีวิตชีวา และสดใสขึ้น
“หล่อมาก” ถังหลี่ชม
“เจ้าสาวจะต้องพอใจในตัวเจ้าบ่าวมากเป็นแน่” นางฝางว่าตาม
ไม่ว่าจะมองอย่างไร บุตรชายของตนย่อมดีเลิศหาที่ติไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งมองเท่าไรก็ยิ่งดูดีมากขึ้นเท่านั้น
คำพูดของมารดาทั้งสองทำให้เว่ยจื่ออี้เขินอาย เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอตู้เว่ย
ที่จวนสกุลตู้
ภายในห้อง หญิงสาวนั่งอยู่หน้ากระจก เงาสะท้อนเผยให้เห็นผิวขาวลออ คิ้วโค้งสวยและใบหน้าอ่อนหวาน
“คุณหนูงดงามมากเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่แต่งหน้าให้กับตู้เว่ยพูดออกมา นางอดไม่ได้ที่จะชมเจ้าสาว
ชาวบ้านหลายคนพูดว่าเป็นโชคดีของคุณหนูที่ได้แต่งงานกับคุณชายสกุลเว่ย แต่ด้วยใบหน้าที่สวยสดงดงามของคุณหนูเช่นนี้ สาวใช้กลับคิดว่าคุณชายเว่ยก็โชคดีไม่น้อยที่ได้แต่งคุณหนูเป็นภรรยา
“ใช่ เว่ยจื่ออี้โชคดีมาก”
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาขึ้น ตู่เว่ยที่นั่งนิ่งอยู่ทนไม่ไหว เหลือบไปมองคนที่เข้ามาอย่างเขินอาย
“พี่สาว อย่าพูดเช่นนั้นสิ”
ตู้เยี่ยนเดินเข้าไปหาน้องสาว นางเชิดหน้าขึ้น
“ข้าพูดจริง เว่ยจื่ออี้โชคดีมากที่ได้น้องสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ของข้า ไปเป็นศรีภรรยา” ใบหน้าของตู้เว่ยเปลี่ยนสี
“จื่ออี้เองก็รูปงามเช่นกัน”
“ขนาดยังไม่แต่งงาน เจ้าก็ออกตัวแทนสามีของเจ้าเสียแล้ว”
ใบหน้าของตู้เว่ยเห่อร้อนราวกับไฟ นางพยายามอย่างมากที่จะรักษาใบหน้านิ่งสงบไว้
“พี่สาว หากยังล้อเล่นอีกข้าจะไม่ให้ท่านอ่านต้นฉบับแล้ว”
ตู้เยี่ยนชอบนิยายที่ตู้เว่ยเขียนมาก นางอยากอ่านมันทุกวัน ตู้เว่ยจึงให้นางอ่านต้นฉบับที่เพิ่งเขียนเสร็จทันที เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว ตู้เยี่ยนจึงรีบหุบปากของตนทันที จนตู้เว่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
สาวใช้ยังคงแต่งตัวให้กับตู้เว่ยโดยมีตู้เยี่ยนนั่งดูอยู่ข้างๆ ใบหน้าของหญิงสาวเจือด้วยความเศร้า
นางยังจำได้ดีถึงวันที่ตู้เว่ยเกิด นางเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เงียบขรึมไม่มีปากเสียงใดๆ ยามที่พี่สาวรังแก นางจะขึงตาทำท่าโมโห ทำให้ตู้เยี่ยนขบขัน ต่อมาเมื่อโตขึ้นนางจึงไม่ได้รังแกน้องสาวอีกต่อไป
ตู้เยี่ยนหวนคิดถึงเรื่องราวในสมัยเด็กของตัวเอง คงจะดีหากไร้ซึ่งความกังวลและเติบโตขึ้นมาพร้อมกัน
เอ๊ะ! เหตุใดนางถึงได้คิดเรื่องเศร้าไม่เป็นมงคลเช่นนี้กันนะ? ตู้เยี่ยนตบใบหน้าตัวเอง วันคืนที่ไม่ดีล้วนผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากนี้ชีวิตมีแต่จะต้องดีขึ้นๆ สิ
หลังจากนั้นสาวใช้ที่แต่งหน้าให้ตู้เว่ยก็ออกไป เหลือเพียงตู้เว่ยและตู้เยี่ยน สองคนพี่น้องเท่านั้น
“เสี่ยวเว่ย ข้าไม่อยากปล่อยเจ้าไปเลย” น้ำเสียงของพี่สาวเต็มไปด้วยความอาวรณ์
เนื้อแท้แล้วนางไม่ใช่คนคิดมากหรือชอบวิตกกังวลเท่าไรนัก นี่เป็นความอ่อนไหวที่นานๆ ครั้งนางจะแสดงให้เห็นออกมาสักที ตู้เว่ยจับมือพี่สาว
“พี่สาว ท่านจะเป็นพี่สาวของข้าไปเสมอ ไม่มีสิ่งใดจะมาเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปได้ แม้ว่าข้าจะออกเรือนไปแล้วก็ตาม”
“ใช่ พวกเราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป”
ไม่นานนักฮูหยินตู้จึงได้เดินเข้ามา นางพอใจที่ได้เห็นพี่น้องสองคนอยู่ด้วยกัน บิดามารดาที่อยู่บนสวรรค์ของเสี่ยวเว่ยก็คงมีความสุขมากที่ได้เห็นภาพนี้ นางคิดถึงชะตากรรมที่น่าเศร้าของทั้งคู่แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าหลานสาวของนางจะมีแต่ความสุขตลอดไป
พวกนางคุยกันจนกระทั่งพิธีเริ่มขึ้น ฮูหยินตู้นำผ้ามาคลุมใบหน้าของตู้เว่ยก่อนที่สี่เหนียงจะมาพานางออกไป
ตู้เยี่ยนจับมือของฮูหยินตู้ไว้ พลางมองเจ้าบ่าวที่กำลังลงจากม้ามาทำพิธีต่างๆ ก่อนจะพาตัวเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว ท่ามกลางเสียงประทัดขบวนเจ้าสาวก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไป โดยมีสายตาอาวรณ์ของสองแม่ลูกสกุลตู้ติดตามจนกระทั่งขบวนเจ้าสาวลับหายไป
“ท่านแม่ เสี่ยวเว่ยต้องมีความสุขแน่ นางได้แต่งงานกับคนที่นางรักแล้ว” ตู้เยี่ยนว่า ในขณะที่มารดาพยักหน้ารับ
ใช่ … นางเห็นมาตลอดว่าเว่ยจื่ออี้ดีกับเสี่ยวเว่ยมากเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้นท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และองค์หญิงต่างก็เป็นคนดี พวกเขาจะดีกับเสี่ยวเว่ยอย่างแน่นอน วันข้างหน้าของเสี่ยวเว่ยจะต้องมีความสุขและราบรื่น
ไม่จำเป็นที่จะต้องเศร้าใจเลย
ตู้เยี่ยนเห็นฉากที่บ่าวสาวจับมือกันไปก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงจางจ้าวหมิง เขาสัญญาว่าหลังกลับมาจากศึกครั้งนี้เขาจะแต่งงานกับนาง
นางได้แต่หวังว่าวันนั้นจะมาถึงโดยเร็ว
…
ณ จวนสกุลเว่ย
ที่หน้าประตูเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ถังหลี่และเว่ยฉิงมีหลายอย่างที่ต้องทำ เมื่อองค์หญิงจิ้งชูมาถึงนางรีบวิ่งมาหาถังหลี่ทันที
“ถังหลี่ยินดีด้วยนะ เจ้าจะได้ลูกสะใภ้แล้ว”
ผู้คนต่างปลื้มปีติที่มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น ถังหลี่เองก็เช่นเดียวกัน
“อาจื่อ เจ้าเองก็จะได้เป็นแม่คนแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีด้วยนะ” ถังหลี่ว่า
เมื่อพูดถึงเด็กๆ แล้ว องค์หญิงจิ้งชูมีรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมาบนใบหน้า นางอดไม่ได้ที่จะลูบท้องของตนเอง
ตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว แต่ไม่มีอาการแพ้ท้องเลย นับตั้งแต่ตั้งครรภ์มา กู้หวนจิ่นทำตัวติดกับนางมาโดยตลอด
ไม่นานนัก กู้หวนเนี่ยนและฝางเหมี่ยวก็มาถึง ชายหนุ่มอุ้มเด็กชายอายุสามสี่ขวบมาด้วย แม้เด็กน้อยจะกลัวคนแปลกหน้าแต่เขาก็มีความอยากรู้อยากเห็น ทันทีที่เห็นถังหลี่ เด็กน้อยรีบชูมือให้นางอุ้มทันที หญิงสาวรับตัวหลานชายเข้ามาในอ้อมแขนแล้วบีบแก้มเขาเบาๆ
“คิดถึงอาหรือไม่?”
“พี่ถังถัง” เด็กน้อยพูดเสียงหวาน
“อ้อ.. นี่เจ้าคิดถึงแต่ถังเป่าสินะ อาเสียใจจริงๆ” ถังหลี่ดูเศร้ามาก เด็กชายคิดว่าตัวเองทำให้นางเสียใจจึงรีบปลอบโยน
“ข้าก็คิดถึงท่านอาเท่านี้”
มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของเขาวาดเป็นเส้นโค้งใหญ่ๆ ถังหลี่รู้สึกขบขัน นางหยุดรังแกเด็กน้อย วางเขาลง แล้วให้บ่าวไปตามบุตรสาวบุตรชายของนางมา
“พี่ใหญ่ไป๋” ถังหลี่ตะโกนออกมาเมื่อเห็นร่างที่นางคุ้นเคยของไป๋มู่หยางและตันเหนียง
ในช่วงเวลานี้ ไป๋มู่หยางอยู่ในเมืองหลวงพอดี จึงได้มีโอกาสมาร่วมงานแต่งงาน ตันเหนียงช่วยไป๋มู่หยางดูแลกิจการอยู่หลายปี หลายปีมานี้นางน้ำหนักลดลง ผิวเข้ม แต่ดูสุขภาพดีมากขึ้น
ทั้งสามยืนพูดคุยกันอยู่สักพัก จากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“ถังถัง!”
ถังหลี่หันไปมองก็เห็นว่าเป็นฮั่วจีว์เดินมาพร้อมกับเป่ยเหยียน
“ข้าเจอเขาที่ประตู” ฮั่วจีว์พูดเบาๆ ที่ผ่านมาทั้งสองมักจะบาดหมางกระทบทั่งกันบ่อยๆ แต่พวกเขาก็อยู่ด้วยกันเสมอ ถังหลี่จึงชอบล้อเลียนเรื่องนี้จนฮั่วจีว์บ่น
“เป่ยเหยียนเป็นคนเก่งมีความสามารถเขาไม่รั้งข้าไว้หรอก”
ฮั่วจีว์ยังคงชมเป่ยเหยียน มิตรภาพระหว่างคนทั้งคู่จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชังกันอยู่ตลอดเวลา
ในตอนนั้นเอง ขบวนเจ้าสาวก็มาถึงที่คฤหาสน์สกุลเว่ยแล้ว แขกทุกคนจึงให้ความสนใจไปที่ขบวนเจ้าสาว ฮั่วจีว์มองคู่บ่าวสาวที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก เขาทั้งสุขและเศร้าระคนกันอย่างบอกไม่ถูก
“หลานชายข้าแต่งงานแล้ว เหลือแต่ข้าสินะ”
ฮั่วจีว์อยากวิ่งถลาเข้าไปหาเพื่อนสนิทอย่างกู้หวนจิ่นเพื่อให้เขาปลอบประโลม แต่กลับโดนองค์หญิงจิ้งชูขวางไว้
“อยู่ให้ห่างจากสามีข้าเลย”
เขาจึงเบนเข็มไปหาไป๋มู่หยางแต่อีกฝ่ายก็เบี่ยงหลบได้ทัน
“ตันเหนียงขี้หึงนะ” ไป๋มู่หยางกล่าวยิ้มๆ
ตอนนี้ฮั่วจีว์กอดได้แต่คนที่เขาเกลียดอย่างเป่ยเหยียนเท่านั้น พี่น้องที่สนิทคุ้นเคยกันของเขาแต่งงานกันไปหมดแล้วเหลือแต่เป่ยเหยียนที่ยังโสดเป็นเพื่อนเขาอยู่
ในที่สุดก็ได้เวลาฤกษ์มงคล
ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโถง เป็นบิดามารดาทั้งสี่คนของเว่ยจื่ออี้
ในที่สุดเสียงทำพิธีก็เริ่มขึ้น
คำนับฟ้าดิน…
คำนับผู้อาวุโส…
คู่บ่าวสาวทำตามคำประกาศของผู้ทำพิธี พวกเขาหันไปโค้งคำนับให้บิดามารดาที่นั่งอยู่ในโถงแห่งนั้น
ถังหลี่มองไปยังบ่าวสาวด้วยรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้า
คำนับซึ่งกันและกัน…
เว่ยจื่ออี้ก้มศีรษะลงช้าๆ สายตาของเขาจ้องไปที่ตู้เว่ยพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเสี่ยวเว่ยคือภรรยาของเขา เขาจะดีกับนางไปตลอดชีวิต
หลังจากเสร็จพิธีคำนับฟ้าดินเจ้าสาวถูกส่งไปยังห้องหอในขณะที่เจ้าบ่าวต้อนรับแขกเหรื่อ
ในห้องหอ
ตู้เว่ยนั่งอยู่บนเตียงมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวปิดเอาไว้ แต่นางยังได้ยินเสียงครึกครื้นมีชีวิตชีวาจากงานเลี้ยงด้านนอก ทุกอย่างราวกับความฝัน ทั้งยังเป็นฝันที่สวยงามอีกด้วย
“หาอะไรกินก่อนเถอะเจ้าค่ะ เจ้าบ่าวคงยังไม่มาเร็วๆ นี้” แม่สื่อที่อยู่กับเจ้าสาวเอ่ยขึ้น ตามประสบการณ์ของนาง เจ้าบ่าวจะถูกลากออกไปเพื่อดื่มอวยพร และใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะมาที่ห้องหอ
“เจ้าบ่าว?” สี่เหนียงแปลกใจที่เห็นเจ้าบ่าวเข้ามาในห้องหลังจากเวลาผ่านไปไม่นานนัก
เว่ยจื่ออี้เดินไปหาตู้เว่ย เขานั่งลง เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้น สีหน้าเจ้าสาวดูประหลาดใจไม่น้อย
“เหตุใดเจ้ามาเร็วนักเล่า?” ตู้เว่ยถามอย่างประหลาดใจ
“ท่านแม่บอกให้ข้ามาหาเจ้าเร็วหน่อย” เว่ยจื่ออี้กล่าว “อีกอย่าง.. ข้าก็คิดถึงเจ้า..”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเขินอาย ความรักที่มีให้กันทะลักล้นเอ่อ เว่ยจื่ออี้มองเครื่องประดับที่ดูซับซ้อนของเจ้าสาว เขาค่อยๆ แกะมันออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงได้ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก
ตู้เว่ยผ่อนคลายมากขึ้น แต่เมื่อตระหนักถึงสิ่งที่จะตามมาในคืนเข้าหอก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา เมื่อมองเห็นว่าสายตาร้อนแรงของเว่ยจื่ออี้จับจ้องมาที่ตนเอง หัวใจของนางก็สั่นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้
ทั้งสองคนค่อยๆ เข้าใกล้กันมากขึ้น ลมหายใจของพวกเขาจะผสานเป็นหนึ่งเดียว
ท่ามกลางเปลวเทียนสีแดงไสว ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล…