เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 806 ชายปริศนา
บทที่ 806 ชายปริศนา
ชายวัยกลางคนมองเว่ยฉิงอย่างตกตะลึง
“ท่านรู้จักท่านแม่ทัพเซียวด้วยหรือ?”
จากการฟังและคาดเดา เว่ยชิงรู้ได้ทันทีว่าสตรีผู้นั้นน่าจะเป็นมารดาของเขาเอง
“ข้าเคยได้ยินเรื่องของท่านแม่ทัพเซียวมามาก ข้าชื่นชมนาง เจ้าช่วยเล่าเรื่องนางให้ข้าฟังเพิ่มได้หรือไม่?” เว่ยฉิงข้อร้อง
มารดาของเขาจากไปนานแล้ว เว่ยฉิงได้แต่ฟังเรื่องราวของมารดาจากปากผู้อื่นเท่านั้น
ชายผู้นั้นตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินว่าเว่ยฉิงรู้จักและชื่นชมแม่ทัพเซียวเช่นเดียวกัน เขาจึงเล่าเรื่องของนางต่อไปอีกหลายเรื่อง อาทิ ท่านแม่ทัพเซียวสั่งให้ทหารช่วยสร้างบ้านให้กับมารดาและเขา ช่วยรวบรวมผู้คนที่โดนโจรรังแกมาสร้างหมู่บ้านใหม่ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากความช่วยเหลือของท่านแม่ทัพเซียว ชาวบ้านที่นี่จึงรู้สึกขอบคุณนางมาก แม้แต่เด็กอายุสองหรือสามขวบก็ยังรู้จักชื่อของแม่ทัพเซียว สำหรับพวกเขาแล้วแม่ทัพเซียวคือผู้ที่มีพระคุณ แค่ได้ยินชื่อของท่านแม่ทัพก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
แม่ทัพเซียวปกปักรักษาเส้นทางหลางหยาเป็นเวลาสองปี ก่อนที่นางจะจากไป ชาวบ้านเหล่านี้อาลัยนางมากถึงขนาดเดินไปส่งนางเป็นระยะทางถึงหลายสิบลี้
ในที่สุดนางก็บอกให้พวกเขาหยุดและหายลับไป ชั่วพริบตาก็ผ่านมาสามสิบปีแล้ว
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง” ชายวัยกลางคนพึมพำ พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเขาที่ห่างไกลและไม่รู้ว่าที่โลกภายนอกมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เขาหันไปมองเว่ยฉิงด้วยความคาดหวัง
“เจ้ามาจากภายนอกเคยได้ยินเรื่องของนางบ้างหรือไม่?”
เว่ยฉิงเม้มปากไม่พูดอะไร ตอนนี้ในหัวใจของเขา แม่ทัพเซียวคือคนที่แข็งแกร่งกล้าหาญ แต่เมื่อเข้าไปในวังรับตำแหน่งฮองเฮา นางตกเป็นเหยื่อของวังวนอำนาจ
เว่ยฉิงไม่ต้องการที่จะเล่าถึงเรื่องโหดร้ายนี้ เขาอยากให้แม่ทัพเซียวในใจของทุกคนเป็นคนที่แข็งแกร่ง กล้าหาญตลอดไป ชายหนุ่มจึงตัดสินใจส่ายศีรษะ
ชายวัยกลางคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็พูดต่อว่า
“หากนางได้แต่งกับบุรุษที่ดี แม่ทัพเซียวจะต้องมีอายุยืนยาวเป็นแน่” เว่ยฉิงขมขื่นในหัวใจ คงจะดีมากหากสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
เว่ยฉิงและถังหลี่พาลูกทั้งสองไปยังห้องพัก ห้องนี้ค่อนข้างใหญ่ มีเตียงนอนและฟูกอยู่ที่พื้น
เว่ยฉิงปล่อยให้สามแม่ลูกนอนที่เตียงและตัวเองนอนที่พื้น ถังหลี่อาบน้ำให้เด็กๆ แล้วห่มผ้าให้กับพวกเขา เมื่อหันกลับมาก็เห็นสามีกำลังเหม่อมองท้องฟ้า นางเข้าไปกอดหลังของสามี
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”
เว่ยฉิงเอื้อมมารั้งถังหลี่เข้าไปในอ้อมแขน
“ข้าสงสัยว่าคืนนี้ท่านแม่ของข้ากำลังมองมาจากข้างบนหรือไม่?”
เมื่อหญิงสาวคิดถึงฮองเฮาเซียว นางรู้สึกเศร้าใจไปกับสามีด้วย แต่พวกเขาเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำใจยอมรับและภาวนาให้เวลาช่วยเยียวยาหัวใจเท่านั้น
ถังหลี่กอดสามีเอาไว้ นางซบใบหน้าลงที่แผงอกของสามี ปลอบใจเขาเงียบๆ เว่ยฉิงลูบผมภรรยาเบาๆ จนความรู้สึกอาดูรว้าเหว่ที่เกิดขึ้นในใจของเขาลดลง
ที่จริงแล้วเป็นเรื่องดีที่ได้เดินทางมายังสถานที่ที่มารดาของเขาเคยอาศัยอยู่ ได้รับรู้เรื่องราวของมารดาในสมัยก่อน
เว่ยฉิงอยากให้ถังหลี่นอนบนเตียงแต่นางยืนยันที่จะนอนกับเขา ทั้งคู่เลยลงมานอนที่พื้นด้วยกัน เว่ยฉิงประคองหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน เห็นความแตกต่างของร่างกายระหว่างนางกับเขาอย่างชัดเจน เขาดึงผ้าห่มมาคลุมร่าง ก่อนจะผล็อยหลับไป ในค่ำคืนที่หนาวเหน็บบนภูเขา สองสามีภรรยาไม่ได้รู้สึกถึงอากาศหนาวเย็นภายนอกเลยแม้แต่น้อย
ถังหลี่เป็นห่วงเด็กๆ จึงตื่นมาดูแล เด็กน้อยทั้งสองถูกห่อด้วยผ้าห่มผืนหนามีเพียงใบหน้าเล็กๆ โผล่ออกมาให้เห็นเท่านั้น ถังหลี่โล่งอก นางเอนตัวกลับเข้าไปซุกอ้อมอกสามี แล้วหลับสนิทไป
วันถัดมา
วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆมาก ถังหลี่และคณะเริ่มออกเดินทาง
“หากจะไปยังอีกฟากของภูเขาต้องผ่านสะพานแขวน” ชายวัยกลางคนพูดแล้วพาพวกเขาไปยังสะพานแขวน หลังจากที่เดินไปครึ่งชั่วยามในที่สุดทั้งกลุ่มก็มาถึงและเห็นว่าสะพานแขวนถูกตัดขาดทำให้ทุกคนตกตะลึงมาก
ใต้สะพานเป็นแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว หากไม่มีสะพานข้ามก็ไม่อาจผ่านไปได้ ในปีนั้นตอนที่ถังหลี่เดินทางนางใช้สะพานแห่งนี้ เมื่อผ่านไปสามหรือสี่วันก็พบกับเผ่าอู๋ซาน หากเส้นทางนี้ใช้ไม่ได้ ก็อาจจะต้องใช้เวลานานขึ้นเป็นหลายวันหรืออีกหลายเดือน เว่ยฉิงขมวดคิ้วมองแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก
“พี่ชาย มีวิธีอื่นที่ข้ามแม่น้ำไปได้หรือไม่?”
“มี มีพี่ใหญ่ในหมู่บ้านที่มีเรือพายข้ามแม่น้ำได้” เขาดูลังเล เว่ยฉิงเห็นท่าทางของเขาก็คิดว่าคงมีอุปสรรค
“พี่ใหญ่ผู้นั้นเป็นคนเก็บตัวมาก เขาอาจไม่ยินดีที่จะช่วยเหลือคนแปลกหน้า”
“ข้าจะลองดูก่อน” เว่ยฉิงกล่าว
หากใช้เรือข้ามแม่น้ำได้ พวกเขาจะย่นระยะทางได้มาก อย่างไรก็ควรต้องลองดูก่อน ชายวัยกลางคนจึงพาเขาไปหาพี่ใหญ่ผู้นั้น ระหว่างทางเขาเล่าถึงเรื่องของอีกฝ่ายให้เว่ยฉิงฟังมากมาย
“เขาไม่ใช่คนในหมู่บ้านของเรา เขามาที่นี่เมื่อยี่สิบปีก่อน อยู่คนเดียวไม่ได้ติดต่อกับใครเลย หลังจากที่แม่ทัพเซียวจากไป โจรพวกนั้นก็กลับมาอีกครั้ง แต่หลังจากที่ชายคนนี้มาพวกโจรก็หายไป”
“ชาวบ้านพากันสงสัยว่าเขาเป็นคนจัดการโจรเหล่านั้นหรือไม่ แต่เขาเอาแต่เพิกเฉย พวกเราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน เหตุใดถึงได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ ความเป็นมาของเขาลึกลับมาก”
พวกเขาปีนขึ้นไปบนภูเขาจนเห็นบ้านไม้หลังหนึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนภูเขา มีหนังสัตว์แขวนไว้ที่ชายคาของบ้าน ชายวัยกลางคนเดินไปเคาะประตู
“พี่ใหญ่ ท่านอยู่หรือไม่ ? เปิดประตูหน่อยเถอะ ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่าน”
พวกเขาเคาะประตูอยู่นานแต่ไม่มีใครมาเปิด เว่ยฉิงเดินเข้าไปใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ท่านผู้อาวุโส ครอบครัวของข้าเดินทางมาหลายพันลี้เพื่อไปเยี่ยมญาติที่อีกฝั่งของภูเขา แต่สะพานแขวนกลับขาดพังลงมา ข้าทราบมาว่าผู้อาวุโสมีเรืออยู่ ท่านช่วยพาพวกเราไปฝั่งนั้นได้หรือไม่ขอรับ”
แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี เป็นไปได้หรือไม่ว่าพี่ใหญ่ไม่อยู่บ้าน
ในขณะที่เขากำลังลังเล จู่ๆ ประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับร่างของชายชราผมขาว เว่ยฉิงมองใบหน้าของคนผู้นั้น เขาอายุราวๆ ห้าสิบปี มีใบหน้าคมสันทำให้พอจินตนาการได้ว่ายามที่เป็นเด็กหนุ่มเขาเป็นคนหน้าตาดี รอยแผลเป็นที่หว่างคิ้วผสมกับสีหน้าที่บึ้งตึงทำให้ดูน่ากลัวไม่น้อย
เขาหยิบจอบที่พิงอยู่ตรงประตูเดินออกไปโดยไม่หันมามองเว่ยฉิงเลย เขาไม่ต้องการช่วยเหลือคนเหล่านี้
“ท่านผู้อาวุโส ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง” เว่ยฉิงขอร้องอย่างไร้ยางอาย แต่ชายผู้นั้นยังคงไม่สนใจ เขายังเดินดุ่มไปที่สวนผักของตนเอง
เว่ยฉิงมองไปยังแผ่นหลังของคนผู้นั้น รังสีอำมหิตที่อยู่รอบๆ ตัวของเขาทำให้อดคาดเดาตัวตนของชายผู้นี้ไม่ได้
บางที..เขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมารดาก็เป็นได้