เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 807 สหายเก่า
บทที่ 807 สหายเก่า
ชายผู้นั้นใช้จอบขุดสวนผักของตัวเอง ทิ้งให้พวกเว่ยฉิงรออยู่อย่างไม่สนใจไยดี
“เราหาวิธีอื่นกันเถอะ?” ในขณะที่ทุกคนเตรียมถอดใจ ถังเป่าเดินเข้าไปในสวนด้วยขาสั้นๆ ของนาง เด็กหญิงเอื้อมมือไปคว้าชายเสื้อของชายผู้นั้นเอาไว้
“ท่านปู่” เสียงเล็กๆ ของนางดังขึ้น
“ท่านช่วยพวกข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?” เด็กน้อยน่ารักมาก ต่อให้เป็นคนที่จิตใจเย็นชาแข็งกระด้างแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะเมินเฉยเด็กหญิงตัวน้อยได้ ชายผู้นั้นขมวดคิ้วมองดูเด็กน้อยอย่างทำตัวไม่ถูก
“ท่านปู่ ข้าอยากจะไปหาพี่สาว ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ” เด็กหญิงตัวเล็กๆ ออดอ้อนพลางเขย่าแขนเสื้อไปมา หากเป็นยามปกตินางจะมีสีหน้าที่เรียบเฉย แทบจะไม่เคยขอร้องหรืออ้อนวอนผู้ใดเลยด้วยซ้ำ
มู่เป่าวิ่งเข้าหาเช่นกัน เขาคว้าแขนเสื้ออีกข้างแล้วร้องว่า
“ท่านปู่ช่วยพวกเราด้วยขอรับ”
เด็กน้อยทั้งสองมองเขาด้วยสายตาออดอ้อน วิงวอน ทำให้ชายผู้นั้นแทบต้านทานไม่อยู่
“ช่วงนี้กระแสน้ำแรงเกินไป เรือแล่นผ่านไปไม่ได้”
“อีกนานหรือไม่?” ถังเป่ากะพริบตาถาม
“ต้องรออีกสี่หรือห้าวัน” ชายชราพูดพลางดึงแขนเสื้อกลับ
ตอนนี้เว่ยฉิงและถังหลี่ก็ได้คำตอบแล้ว
สี่ถึงห้าวัน….
หากเปลี่ยนเส้นทางคงต้องใช้เวลามากกว่านี้แน่นอน ถ้าเช่นนั้นควรจะรอไปก่อนจะดีกว่า ทั้งสองมองหน้ากัน
“ผู้อาวุโส หากสี่ห้าวันเมื่อน้ำไม่ไหลเชี่ยวแล้วท่านจะช่วยพาพวกข้าข้ามไปฝั่งนั้นได้หรือไม่” เว่ยฉิงถาม ชายชราเงียบราวกับว่าไม่ได้ยิน
“ท่านปู่” เสียงของถังเป่าดังขึ้น
“อืม” เขาขานรับเบาๆ
ถังหลี่และเว่ยฉิงต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าถังเป่าและมู่เป่าจะทำหน้าที่ได้ดี แม้ว่าผู้อาวุโสก็ยังไม่อาจเมินก้อนแป้งทั้งสองได้
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ฝนตกลงมา
ชายผู้นั้นเลิกทำงาน เขาเดินแบกจอบกลับไป พร้อมกับปิดประตูเข้าบ้าน ฝนตกกระหน่ำลงมาจนทำให้พวกเว่ยฉิงไม่มีเวลาหาที่กำบัง
เว่ยฉิงจึงได้แต่ถอดเสื้อของตนเองบังให้ภรรยาและลูกทั้งสองของเขา
ในตอนนั้นเองประตูบ้านก็เปิดออก มีเสียงพูดขึ้นว่า
“พวกเจ้าเข้ามาหลบฝนก่อน”
เว่ยฉิงไม่เกรงใจ เขาพาครอบครัวเข้าไปในบ้าน ข้างในบ้านไม้หลังนี้สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ภายในบ้านมีหนังสัตว์ คันธนูและลูกธนูแขวนเรียงอยู่บนผนังพร้อมกับดาบสองเล่ม
บ้านหลังนี้แบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ด้านในเป็นห้องนอน ส่วนด้านนอกเป็นห้องนั่งเล่น มีโต๊ะและเก้าอี้อยู่สองตัว เพราะมีคนอยู่ถึงหกคนทำให้ดูคับแคบขึ้นทันที หลังจากเข้ามาในบ้านเขาก็เมินพวกเว่ยฉิง เดินไปนั่งเก้าอี้พลางตบพื้นที่ว่างข้างๆ ให้เด็กทั้งสองคนเข้ามานั่ง
“ดาบเล่มนี้สวยจริงๆ” ชายผู้ที่พาเว่ยฉิงมา มองดาบที่แขวนบนผนังอย่างชื่นชม ในตอนที่เขากำลังจะยื่นมือไปจับ ก็โดนแรงที่แทบจะบดขยี้มือของเขาให้แหลกหยุดเอาไว้เสียก่อน
เมื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของชายผู้นั้นดุร้ายจนเขาแทบเข่าอ่อน
“อย่าแตะต้องมัน” ผู้อาวุโสพูดก่อนจะปล่อยเขาไป
ครั้งนี้เขายืนนิ่งไม่กล้าสัมผัสอะไรอีกต่อไป เว่ยฉิงและถังหลี่มองฝักดาบถูกเช็ดถูอย่างสะอาดเอี่ยม แสดงให้เห็นว่าดาบนั้นมีความสำคัญมาก
เว่ยฉิงจ้องไปที่ดาบ ดวงตาของเขาเย็นชามีร่องรอยครุ่นคิด เมื่อเหลือบมองชายชราผู้นั้น แม้เขาจะไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง กระนั้นความรู้สึกอ้างว้างกลับแผ่ออกมา
“ท่านผู้อาวุโส ท่านรู้จักแม่ทัพเซียวหรือไม่?” เว่ยฉิงถาม
เขาก้มศีรษะไม่ยอมพูดอะไร เขารู้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกก่อตั้งโดยนาง ทุกคนจำนางได้ ไม่แปลกที่จะมีคนพูดถึงนาง
“แม่ทัพเซียวเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการใช้ดาบเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งนางเคยฆ่าศัตรูสามร้อยคนโดยดาบเล่มเดียว” เว่ยฉิงกล่าว
“หากข้าจำไม่ผิดดาบของนางถูกเรียกว่าดาบเมฆาเหมันต์ ฝักดาบจะถูกสลักด้วยลายของเมฆและหิมะ..”
ถังหลี่มองดาบที่ถูกแขวนอยู่บนผนัง มีลายอยู่บนฝักดาบตามที่เว่ยฉิงพูดถึง
นั่นเป็นดาบของแม่สามีนางหรือ?
“ท่านเป็นองครักษ์ส่วนตัวของท่านแม่ทัพเซียวใช่หรือไม่?” เว่ยฉิงถาม ชายผู้นั้นไม่ตอบ แต่ชายวัยกลางคนเริ่มตื่นเต้น
“ท่านเป็นองค์รักษ์ของนางหรือ? นางเป็นอย่างไรบ้าง? มีข่าวเกี่ยวกับท่านแม่ทัพหรือไม่?” เขาถามรัวคำถามหลายประโยค
แต่ชายผู้นั้นยังเพิกเฉย เขามองเว่ยฉิงแล้วเอ่ยถามว่า
“เจ้าเป็นใคร?”
“เว่ยฉิง”
“เว่ย..ฉิง?” ชายชราทวนชื่อเสียงแผ่วอย่างครุ่นคิด
“นางเป็นมารดาของข้า” เว่ยฉิงพูดต่อ
ม่านตาของชายชราหดลงทันที เขาจ้องไปที่เว่ยฉิง ความตกใจประหลาดใจและความไม่เชื่อผุดขึ้นมาในหัวใจของเขาทันที เมื่อเขาเปิดปากอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าเป็นบุตรชายของนาง..”
“เจ้าเป็นลูกชายของท่านแม่ทัพเซียวหรือ?” ชายวัยกลางคนมองเว่ยฉิง เขาไม่คิดว่าผู้ที่มาค้างที่บ้านของเขาเมื่อคืนจะเป็นลูกชายของท่านแม่ทัพเซียว
บุตรชายของผู้มีพระคุณ!
เขาคว้ามือของเว่ยฉิงไว้ รู้สึกตื่นเต้นมากจนรีบคุกเข่าต่อหน้าเขา
“เหตุใดท่านไม่บอกข้า? เมื่อวานข้าต้อนรับได้ไม่ค่อยดีนัก ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นบุตรชายของผู้มีพระคุณ ข้าไม่ควรปล่อยให้ท่านนอนพื้นเลย” ชายวัยกลางคนรีบพูด
ชายชราผู้นั้นยังคงมองเว่ยฉิงนิ่งอยู่ แต่เสียงของชายวัยกลางคนยังก้องอยู่ในหูของเขา ทันทีที่ฝนหยุดตก ชายชราก็ไล่อีกฝ่ายกลับไปบ้านโดยทิ้งเว่ยฉิงและครอบครัวเอาไว้
ชายชรามีเรื่องมากมายจะคุยกับเว่ยฉิง ถังหลี่เองก็สัมผัสได้ นางจึงออกไปรอที่ด้านนอกกับลูกๆ
ฝนเพิ่งตกทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นของพรรณไม้นานา อากาศสดชื่นขึ้นมาก ถังเป่าและมู่เป่าวิ่งไปดูผักที่ชายชราปลูกไว้โดยมีมารดาเดินตาม
ในห้องนั้นเว่ยฉิงและชายชรานั่งมองหน้ากันและกัน
“ท่านชื่ออะไร?” เว่ยฉิงถาม
“ข้ามีนามว่าถู่หยู เป็นองค์รักษ์ของนายหญิง” เขาตอบ
“ในตอนนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสกุลเซียว ข้าจึงรีบรุดหน้ากลับไปยังเมืองหลวงแต่ก็สายไปเสียแล้ว”
ย้อนกลับไปวันนั้น เมื่อเขากลับมาเมืองหลวงบังเอิญว่าได้ยินข่าวเรื่องการตายของนาง เขาได้แอบเข้าไปในวังหลวงลอบพาศพของนางออกมา คืนนั้นเป็นคืนที่ฝนตกหนัก หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาราวกับกำลังหลับใหลอยู่ ใบหน้าของชายผู้นั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
หยาดฝนทุกหยดตกกระทบไปยังใบหน้าที่เย็นชืดของนาง ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาเขาเสียใจทุกวัน เขาเกลียดที่ตัวเองไม่มาพบนางให้เร็วกว่านี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นนางอาจจะยังไม่ตาย…
หัวใจของถู่หยูเจ็บปวดไปทั่วทุกอณู เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปยังเว่ยฉิง
“ในตอนนั้นข้ามองหาท่านแต่ก็ไม่พบ เลยคิดว่า…”
“ข้ายังไม่ตาย ข้ารอดมาได้” เว่ยฉิงเล่าเรื่องของตัวเองในหลายปีที่ผ่านมาอย่างสังเขป
ถู่หยูมองไปที่เว่ยฉิง เขาเกลียดฮ่องเต้โจวมาก ชายที่อยู่ตรงหน้ามีสายเลือดของคนที่เขาเกลียด แต่อีกครึ่งก็เป็นสายเลือดของคนที่เขารัก เขาจึงเก็บความเกลียดชังเอาไว้ สำหรับเขาแล้วเว่ยฉิงคือบุตรชายของนายหญิง
ถู่หยูพิจารณาเว่ยฉิง เห็นว่าเค้าหน้ามีบางส่วนคลับคล้ายคลับคลาท่านแม่ทัพเซียวอยู่ไม่น้อย เขารู้สึกเป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก
“ลุงถู่ ท่านมาที่นี่เพื่อปกป้องเส้นทางหลางหยาของท่านแม่หรือ?” เว่ยฉิงถาม