เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 809 ลาก่อน
บทที่ 809 ลาก่อน
กลิ่นเนื้อย่างฟุ้งกระจายไปทั่ว เว่ยฉิงค่อยๆ ใช้มีดสั้นตัดขากระต่ายทั้งสองข้างออกแล้วมอบให้กับลูกชายลูกสาว ก่อนจะตัดอีกขาหนึ่งส่งให้ถังหลี่ เมื่อหันศีรษะไปเขาก็เห็นว่าขากระต่ายอีกชิ้นถูกส่งให้เขา ใบหน้าของถู่หยูไร้ความรู้สึก แต่เว่ยฉิงสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของเขา
“ขอบคุณท่านลุงถู่” เขากล่าวขอบคุณและรับขากระต่าย
กลิ่นของเนื้อย่างหอมมากทำให้ทุกคนพอใจ ถู่หยูอาศัยอยู่ตามลำพังมายี่สิบปี คืนนี้เป็นครั้งแรกที่มีชีวิตชีวาถึงเพียงนี้ แสงไฟส่องลงบนหน้าที่มีริ้วรอยเห็นได้ชัดถึงความปีติยินดี
ถู่หยูบอกให้ถังหลี่ เว่ยฉิงและเด็กทั้งสองคนนอนอยู่ในห้องเขา ส่วนเขาและฉือซื่อจะนอนที่พื้น หลังจากที่พูดจบเขาหยิบผ้าปูเดินออกไป ไม่เว้นจังหวะให้เว่ยฉิงปฏิเสธได้ ห้องนอนมีขนาดใหญ่มาก เช่นเดียวกับเตียง ที่ปูด้วยเสื่อและผ้าสะอาด ผู้ใหญ่และเด็กสองคนก็นอนได้เพียงพอ
เด็กน้อยขึ้นไปนอนบนเตียงโผล่มาเห็นแค่หัวเท่านั้น ถังหลี่นอนข้างถังเป่าทั้งคืน ในเดือนนี้อากาศค่อนข้างเย็น เมื่อเว่ยฉิงนอนลงเตียงก็อุ่นมากขึ้น ส่วนฉือซื่อกับถู่หยูนอนอยู่ที่พื้นด้านนอก
แต่ชายชรายังนอนไม่หลับ เขาลุกขึ้นเดินออกไปภายใต้แสงจันทร์ส่อง เขาเดินไปตามทางที่เคยเดินผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน แม้หลับตาเขาก็ยังจำทางได้
ไม่นานนักเขาก็เดินไปถึงหลุมศพ ถู่หยูนอนลงที่ข้างๆ หลุม ที่ข้างกายของเขามีเด็กสาวคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นในจินตนาการ นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสนั่งเท้าคาง ไขว่ห้างด้วยท่าทางไม่สำรวม
“คืนนี้แสงจันทร์สวยมากเลย” เด็กสาวถอนหายใจ เสียงแผ่วเบาปลิวไปกับสายลม
“อืม..สวยจริงๆ”
เขาเอื้อมมือไปกอดนางเอาไว้เพื่อสกัดกั้นลมหนาวที่พัดผ่านมา
….
วันถัดมา
เว่ยฉิงและถังหลี่ตื่นเพราะเสียงที่ดังขึ้นจากด้านนอก มู่เป่ารีบกระโดดลุกจากเตียงทันที เขาวิ่งออกไปได้สองสามก้าวก็โดนบิดาคว้ากลับมาสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เด็กน้อยมองออกไปที่นอกหน้าต่าง แล้วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านพ่อ มีคนมาเยอะมากเลย”
เว่ยฉิงเดินไปมอง ที่ด้านนอกมีคนมากมายตามที่มู่เป่าว่า ผู้ที่นำมาคือท่านป้าและท่านลุงที่เว่ยฉิงไปอาศัยนอนเมื่อคืนก่อน ข้างหลังของเขามีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ราวๆ สามสิบคน ทุกคนดูมีความสุขมากเมื่อเห็นเว่ยฉิง
คนเหล่านี้ทราบเรื่องที่เขาเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพเซียว จึงนำสิ่งของมาตอบแทนบุญคุณบางคนก็นำไก่ฟ้ามา บางคนก็เป็นกระต่ายบ้าง มันฝรั่งบ้าง ทุกอย่างที่พวกเขามีในบ้าน เว่ยฉิงกล่าวขอบคุณแม้เขาจะไม่อยากรับแต่ชาวบ้านก็ยืนกรานที่จะให้ สุดท้ายแล้วถังหลี่จึงเสนอให้ทุกคนทำอาหารที่ถือมาเลี้ยงฉลองกันทั้งหมู่บ้านเพื่อเป็นการระลึกถึงท่านแม่ทัพเซียว เมื่อเป็นเช่นนั้นชาวบ้านจึงรีบจัดการทันที
แต่ที่บ้านของลุงถู่หยูไม่มีหม้อกระทะ อีกทั้งยังมีคนที่หวาดกลัวเขา สุดท้ายแล้วพวกเขาจึงได้เปลี่ยนสถานที่ไปทำอาหารที่บ้านของท่านป้าแทน
ภายในห้อง ถู่หยูถือผ้าเช็ดไปที่ดาบอย่างทะนุถนอม ราวกับว่าความรื่นเริงคึกคักภายนอกไม่เกี่ยวกับเขา
“ท่านปู่“
เด็กหญิงตัวน้อยก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาด้วยขาเล็กๆ ของนาง แล้วมานั่งลงที่ข้างๆ ถู่หยู
“ดาบสวยจริง” ถังเป่าชม
“เจ้าอยากลองจับดูหรือไม่?”
ดวงตาของถังเป่าเปล่งประกายความหวัง
“ข้าจับได้หรือ?” ถู่หยูมอบดาบให้กับถังเป่า
นี่คือดาบของท่านย่าของนาง แล้วเหตุใดจะจับไม่ได้เล่า?
เด็กหญิงตัวน้อยถือดาบด้วยความระมัดระวัง ดวงตาของนางฉายแววประหลาดใจ ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่ดีมาก แม้คนไม่รู้อะไรเลยอย่างเด็กตัวเล็กๆ ก็สัมผัสได้ ถู่หยูมองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู เขารู้สึกว่านางมีความคล้ายกับนายหญิงของเขาอยู่บ้าง อาจจะเป็นเพราะหน้าตา นิสัย ความสัมพันธ์ทางสายเลือดช่างมหัศจรรย์อยู่เสมอ
ถังเป่ามองดูดาบอยู่สักครู่แล้วส่งคืนให้เขา
“เจ้าชอบหรือไม่?”
”เป็นดาบที่ดี“ ถังเป่าตอบ
“อยากได้หรือไม่?” ถู่หยูมองใบหน้าเล็กๆ ของนางแล้วถาม เด็กหญิงส่ายศีรษะ แม้นางจะชอบดาบเล่มนี้ แต่มันควรอยู่กับคนที่ใช้ประโยชน์จากมันได้ นางคิดว่าดาบนี้เหมาะกับพี่สาวของนาง ท่านย่าของนางเป็นแม่ทัพหญิงเหมือนกับพี่สาวของนางเช่นกัน ถู่หยูหยิบดาบไปแขวนไว้บนผนัง
“ท่านปู่ไปกินข้าวกันเถอะ” ถังเป่าเรียก ถู่หยูชอบอยู่คนเดียวไม่ข้องแวะกับคนอื่น แต่เขาจะเอาชนะสายตาออดอ้อนของเด็กหญิงได้อย่างไร? เพียงนางกะพริบตาเขาก็ตอบตกลงเสียแล้ว
ถู่หยูและเด็กน้อยเดินออกจากกระท่อมโดยมีฉือซื่อเดินตามหลัง ทั้งสามคนเดินไปตามทางเล็กๆ จนถึงหมู่บ้านที่ดูมีชีวิตชีวา ชาวบ้านทุกคนกำลังวุ่นวาย ชายหญิงแบ่งงานกันทำ ผู้ชายมีหน้าที่เชือดสัตว์ ผู้หญิงเตรียมของและทำอาหาร ในหมู่พวกเขามีร่างเล็กเล็กๆที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางชาวบ้านเหล่านั้น
มู่เป่าเข้ากันได้ดีกับเด็กๆ ในหมู่บ้าน
ไม่นานเมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน มื้ออาหารก็เริ่มต้นขึ้น ที่ลานบ้านของท่านป้าเป็นลานใหญ่ มีโต๊ะอาหารจัดเตรียมไว้ถึงสามโต๊ะ ถู่หยูได้รับเชิญไปนั่งในเก้าอี้หลัก แต่เขาไม่ชอบการถูกปฏิบัติที่เอาอกเอาใจแบบนี้ ถังเป่าเหมือนสัมผัสได้ นางจึงอยู่กับเขา ช่วยลดความอึดอัดไม่สบายใจของเขาลง อาหารมื้อนี้จึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเสียงหัวเราะ
หลังจากดื่มสุราไปสองแก้ว ท่านลุงผู้นั้นก็พูดถึงแม่ทัพเซียว แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ชาวบ้านทุกคนต่างตั้งใจฟัง เด็กน้อยทั้งสองเงยหน้าตั้งใจฟังเช่นกัน ทั้งสองรู้ว่าแม่ทัพเซียวที่กำลังพูดถึงคือท่านย่าหรือมารดาของท่านพ่อนั่นเอง เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ต่างรู้สึกเคารพและภาคภูมิใจ
เลือดของพวกเขามีสายเลือดของท่านย่าไหลเวียนอยู่
“ท่านลุงถู่ ข้าขอดื่มให้ท่าน” เว่ยฉิงยกจอกขึ้นให้ลุงถู่ พวกเขาชนจอกกันแทนคำขอบคุณ ไม่จำเป็นที่เว่ยฉิงต้องพูดเอ่ยออกมา
เว่ยฉิงได้แต่กล่าวคำอวยพร ขอให้ท่านลุงถู่มีสุขภาพดี ในชีวิตนี้ และขอให้ท่านลุงและมารดาของเขาได้กลับมาอยู่ด้วยกันในภพหน้าอีกครั้ง ณ หุบเขาแห่งนี้
ช่วงนี้อากาศดีติดต่อกันมาสามวันแล้ว น้ำในแม่น้ำไม่ไหลเชี่ยวกรากอีกต่อไป ในวันที่สี่เว่ยฉิงและถังหลี่จึงพาลูกๆ ของพวกเขาออกเดินทางอีกครั้ง ถู่หยูมีเรือที่เขาสร้างเอาไว้ ใหญ่พอที่จะรองรับคนทั้งหมดได้ เขาบังคับเรือมุ่งหน้าไปยังอีกฟากของแม่น้ำ
ระยะห่างระหว่างฟากแม่น้ำได้ถูกลดทอนไปด้วยเรือ พวกเขาถึงฝั่งตรงข้ามในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามดี เว่ยฉิงกระโดดลงจากเรือแล้วอุ้มเด็กๆ ลงมา ในขณะนั้นถังหลี่และฉือซื่อก็ตามลงมาด้วย ชายชรามองพวกเขาจากบนเรือ
“ท่านลุงถู่ ข้าขอลา”
“ลาก่อนท่านปู่” เด็กน้อยทั้งสองกล่าวคำอำลากับถู่หยูด้วย เขาโบกมือให้
“ไปเถอะ รีบไปก่อนจะมืดค่ำเสียก่อน”
“ดูแลตัวเองด้วย” เว่ยฉิงพูดพลางพยักหน้า หลังจากพูดจบเขาหันหลังจากไปพร้อมครอบครัว
พวกเขาปีนขึ้นไปบนภูเขาและเมื่อถึงจุดสูงสุดก็เห็นว่าในแม่น้ำมีเรือลำหนึ่งลอยอยู่ บนเรือมีชายชราที่ดูเปลี่ยวเหงาผู้หนึ่ง
คงจะดีไม่น้อยหากมารดาของเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน…
ความรู้สึกที่สูญเสียคนที่รักนั้นยากที่จะทำใจได้..
เว่ยฉิงจับมือของภรรยาไว้แน่นราวกับไม่ต้องการให้ใครมาพรากพวกเขาไปจากกัน
“สามี ไปเถอะ” ถังหลี่รู้สึกไม่สบายใจ นางเอนตัวพิงสามี พวกเขาจึงเดินทางต่อ
ไม่กี่วันต่อมาก็ถึงเส้นทางที่ถังหลี่คุ้นเคย จึงไม่มีเรื่องแปลกประหลาดระหว่างทางอีก
ห้าวันต่อมาพวกเขาก็เดินทางมาถึงอู๋ซาน