เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 81 ของขวัญของเว่ยฉิง
บทที่ 81 ของขวัญของเว่ยฉิง
กิจการของเป่าชิงเก๋อนั้นเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ถังหลี่และเสมียนร้านยุ่งมากขึ้นเช่นกัน หญิงสาวจมอยู่กับกองบัญชีร้านตลอดทั้งวันและกลับบ้านได้ในยามที่ฟ้ามืด จนกระทั่งนางตัดสินใจรับเสมียนเข้ามาคอยช่วยดูแลบัญชีของร้าน ทำให้ถังหลี่ผ่อนคลายและสามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น
พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเว่ยฉิง วันนี้เขาจะกลับมาบ้านในยามค่ำ
ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้ากลับไปบ้านไปด้วยความคาดหวังและมีความสุขในใจ แต่แล้วนางก็ชะลอฝีเท้าลงในขณะที่กำลังเดินผ่านตลาด จู่ ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งถูกผลักออกมาจากร้าน ล้มลงกองแทบเท้าของถังหลี่
“ร้านของข้าขายเฉพาะภาพวาดและภาพอักษรชั้นปรมาจารย์เท่านั้น! หาใช่ขยะอย่างที่เจ้าหอบมา ไปซะ! อย่ามาก่อกวนร้านข้า!” เจ้าของร้านชี้ไปยังคนที่กองอยู่กับพื้นตรงหน้าถังหลี่ นางมองไปก็พบเด็กชายอายุราว ๆ สิบขวบ รูปร่างผอมสูง เด็กชายยันตัวขึ้น
“มันไม่ใช่ขยะ! นี่เป็นภาพวาดตัวอักษรที่ท่านพ่อข้าเก็บไว้นานแล้ว นี่เป็นงานของปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียง! หากไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูสิ!!”
ในขณะที่เขาพูด เด็กชายเดินไปหาเจ้าของร้านและกางภาพวาดในมือออก แต่เจ้าของร้านกลับผลักเขาออกไปทันที
“ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเป็นขยะ! ข้าเคยเห็นของดีของงามมาหมดแล้วทั้งนั้น!”
“ลองดูอีกทีสิ เจ้าอาจจะยังเห็นไม่ชัดก็ได้!”
“หากเจ้ายังไม่ออกไป ข้าจะให้คนมาตีเจ้า!” เจ้าของร้านพูดอย่างเหี้ยมเกรียม
เด็กชายทำได้เพียงแต่เก็บภาพวาดขึ้นและหันหลังจากไปด้วยความสิ้นหวัง
“เจ้าขายภาพวาดนี้อย่างไรหรือ?” ถังหลี่ถาม
เด็กชายหันไปมองถังหลี่ เขากวาดสายตามองไปที่นางราวกับกำลังคิดว่าควรขายให้นางในราคาเท่าไหร่ดี
“สิบสองตำลึง!”
“ตกลง ข้าซื้อเอง”
เมื่อพูดจบนางหยิบเงินสิบสองตำลึงมอบให้เด็กชาย เขามอบภาพวาดที่มีอยู่ให้นาง เมื่อได้รับเงินแล้วเด็กชายก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าหากช้ากว่านี้ถังหลี่จะขอเอาเงินคืน…
“แม่นาง…เจ้าถูกหลอกแล้ว ภาพวาดพวกนี้ราคาไม่ถึงสิบตำลึงหรอก จิตรกรที่วาดก็หาใช่คนมีชื่อเสียง ไม่มีค่าแม้แต่จะเป็นของสะสม อีกอย่างหากดูให้ดีกระดาษพวกนี้เก่าจนเหลืองแล้วหากแขวนบนผนังก็ไม่น่าชมหรอกนะ!” เจ้าของร้านบอก
ถังหลี่รู้ว่าเขาหวังดีกับนาง เพียงแต่หญิงสาวแค่รู้สึกว่าอยากจะซื้อมันไว้ ด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง ถังหลี่เชื่อว่าการตัดสินใจของนางในครั้งนี้ย่อมไม่ผิดอย่างแน่นอน
“เถ้าแก่ ข้าเพียงแค่ชื่นชอบภาพวาดพวกนี้เท่านั้น หากชื่นชอบแล้วก็ไม่ยากที่จะจ่ายเงินซื้อมัน” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่เจ้าพูดก็ถูก ตอนแรกอาจจะดูไม่เข้าทีนัก แต่เมื่อคิดตามที่เจ้าว่ามาทุกอย่างก็ดูสมเหตุสมผลดี”
ถังหลี่รีบกลับบ้านทันที นางเข้าไปในห้องนอนคลี่ภาพวาดออกมา ภาพนี้เป็นภาพของวิหคในพงไพร ลายเส้นคมกริบ ยิ่งมองถังหลี่ก็ยิ่งถูกใจ ประจวบเหมาะกับมีที่ว่างบนฝาผนังห้องรับรองแขกพอดี หญิงสาวจัดแจงค้นหาเครื่องมือและนำภาพขึ้นแขวนตกแต่งไว้บนผนัง
เมื่อเสร็จแล้วถังหลี่จึงได้เดินเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็น
“นายหญิง ให้ข้าทำเถิดเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง ๆ วันนี้ข้าจะลงมือเอง” ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีระเรื่อก่อนจะเสริมว่า “เว่ยฉิงจะกลับบ้านคืนนี้”
ถังหลี่อยากลงมือทำอาหารให้สามีของนางเอง นางไม่ได้ทำอาหารให้เว่ยฉิงกินมานานแล้ว เมื่อป้าจ้าวเห็นเช่นนั้นนางจึงไม่ได้คิดจะโต้แย้งใด ๆ อีก จ้าวซิ่นเอ๋อร์เดินไปที่เตาไฟและช่วยก่อไฟเงียบ ๆ
เว่ยฉิงชอบกินเนื้อ ดังนั้นถังหลี่จึงซื้อเนื้อหลายชั่งมาจากตลาด
หญิงสาวสับซี่โครง ก่อนจะไปล้างให้สะอาด เมื่อเสร็จแล้วจึงค่อย ๆ ใส่ลงไปในหม้อ เคี่ยวช้า ๆ รอจนซี่โครงเกือบจะสุกดีแล้ว จึงได้ใส่หัวไชเท้าหั่นชิ้นลงไป นอกจากนี้นางยังทำหมูสามชั้นตุ๋นไว้ในหม้อใบใหญ่อีกด้วย
แต่อย่างไรถังหลี่ก็ไม่ลืมทำเมนูโปรดของเอ้อร์เป่า นางนำมะเขือยาวมาผัดกับเนื้อสับ และมีปลาตุ๋นให้ซานเป่า รวมแล้วเป็นอาหารถึงห้าจานด้วยกัน
กลิ่นหอมหวนของซี่โครงตุ๋นผสมกับกลิ่นหอมต่าง ๆ เครื่องเทศ ลอยอบอวลในห้องครัวจนคนที่ได้กลิ่นต่างพากันลอบกลืนน้ำลาย
ป้าจ้าวเองก็เช่นกัน นางคิดในใจว่า นายหญิงของตนทำอาหารเก่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เมื่อเปรียบเทียบกับฝีมือการทำอาหารของป้าจ้าวแล้ว คุณหนูทั้งสองของป้าจ้าวคงลำบากใจมากเมื่อได้กินแต่อาหารธรรมดารสมือของตน ดังนั้นนางจึงต้องเรียนรู้เพิ่มเติมให้ได้ ป้าจ้าวลอบสังเกตการทำอาหารของถังหลี่จะจดบันทึกไว้ในสมองอย่างเงียบ ๆ
อาหารห้าจานวางอยู่บนโต๊ะ
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่เว่ยฉิงต้องกลับบ้านแล้ว หากยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของเขาเลย
“กินข้าวกันก่อนเถิด” ถังหลี่เอ่ย
“ไม่รอท่านพ่อหรือ?” ซานเป่าเงยหน้ามองไปที่ประตู
“ท่านพ่อเจ้ามีธุระ เขาจะกลับมาช้าหน่อย กินกันก่อนเถิด แม่จะแบ่งของท่านพ่อไว้ให้เอง”
ถังหลี่อุ้มเด็กทั้งสองด้วยแขนข้างเดียวก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะแล้วกินมื้อเย็นด้วยกัน
เว่ยฉิงก็ยังไม่กลับมาที่บ้านจนกระทั่งมื้ออาหารจบลง
เจ้าหัวไชเท้าน้อย ๆ อยากรอต้อนรับบิดากลับบ้าน แต่พวกเขาไม่สามารถฝืนความง่วงได้ ถังหลี่จึงพาเด็ก ๆ เข้านอนก่อนที่จะมานั่งอยู่ในห้องส่วนตัวพลางสงสัยว่าเหตุใดเว่ยฉิงจึงยังไม่กลับบ้านเสียที
ช่วงนี้นางไม่ได้มีฝันบอกเหตุร้ายอะไร ดังนั้นเว่ยฉิงก็ไม่น่าจะมีปัญหา หากแต่หญิงสาวก็ยังอดกังวลไม่ได้
เมื่อดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า ถังหลี่จึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่หน้าประตู นางยืนขึ้นและรีบออกไปดูให้แน่ใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง หญิงสาวรีบเปิดประตูออก สายตาปะทะเข้ากับร่างสูงแข็งแรงที่ยืนอยู่หน้าประตู แสงจันทร์ที่ตกกระทบสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมคายดุดัน เป็นเว่ยฉิงนั่นเอง!
ถังหลี่ยื่นมือออกไปกอดเอวเขาไว้แน่น แนบใบหน้าไปที่แผ่นอกแข็งแกร่งของเขา รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่อยู่ภายใน ทำให้ความกังวลใจทั้งหลายของนางจางหายไปในที่สุด!
เว่ยฉิงสวมกอดภรรยาของเขาแน่นเช่นกัน เขามองหญิงสาวในอ้อมกอดแล้วยิ้มแย้มออกมา
ภรรยากอดเขา!
เขาไม่ได้เจอถังหลี่มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เขาคิดถึงนางจริง ๆ ปกติแล้วถังหลี่ไม่ใช่คนที่นอนดึกมากขนาดนี้ หรือว่านางจะรอเขาอยู่? เว่ยฉิงคิดแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นปนกังวล เว่ยฉิงอุ้มภรรยาขึ้นมาก่อนจะปิดประตูบ้าน ชายหนุ่มพาถังหลี่เดินเข้าห้องนอนไปอย่างเงียบ ๆ
เมื่อถึงห้องนอนถังหลี่พลันรู้สึกตัวขึ้นมา หญิงสาวหน้าแดงอย่างเคอะเขิน แทบจะอยากผละออกจากเขา แต่ชายหนุ่มกลับกอดนางไว้อย่างแน่นหนา วงแขนของเขาราวกับคีมเหล็กบีบแน่นจนนางไม่สามารถขยับได้
เว่ยฉิงนั่งลงก่อนที่จะให้ภรรยานั่งลงบนตัก ดวงตาคมกริบราวกับเสือดาวของเขาเปล่งประกายแวววาว เขาจ้องมองไปที่ถังหลี่
“ภรรยา ข้าหิวแล้ว”
“ข้าไปอุ่นอาหารให้นะ”
“ภรรยาข้าไม่ได้อยากกินข้าว…ข้าอยากกิน…”
หลังจากเขาพูดจบ ชายหนุ่มกดจูบหญิงสาวในอ้อมกอดราวกับหมาป่าหิวโซ
หญิงสาวปล่อยให้เขาตักตวงความหวาน จนกระทั่งได้ยินเสียงท้องของเว่ยฉิงประท้วงขึ้นมา
“ข้าจะไปอุ่นอาหารมาให้..”
“ข้าไปเอง!”
เว่ยฉิงลังเลที่จะปล่อยให้ภรรยาออกไปเตรียมอาหารให้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไปอุ่นอาหารทานเอง เมื่อกินอิ่มแล้วเขารีบอาบน้ำเย็น แล้วกลับเข้าห้องทั้งที่ตัวยังเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำ เว่ยฉิงสวมกอดภรรยาอีกครั้ง ทั้งคู่นอนลงบนเตียงพร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมา
“เหตุใดวันนี้เจ้ากลับดึกจัง”
“ข้าไปทำธุระที่นอกเมืองให้นายท่านเซี่ย เลยกลับมาช้าไปหน่อย”
“เจ้าไปอย่างไร?”
“ขี่ม้าไป”
“เจ้าขี่ม้าเป็นด้วยหรือ?”
“มันก็ไม่ง่ายนักแต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะเรียนรู้…แต่ระยะทางมันไกลไปหน่อยอานม้าเลยเสียดสีทำให้ข้าระบม”
“เอ่อ…เจ้า เจ็บหรือ?”
“เจ้าจะช่วยดูให้ข้าหรือ?” ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววเจ้าเล่ห์
หญิงสาวจึงเลือกที่จะไม่สนใจอีกเขาอีก ในที่สุดนางก็ผล็อยหลับไป เว่ยฉิงกอดนางไว้ในอ้อมแขนด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ
———————————–