เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 810 พบกับซานเป่า
บทที่ 810 พบกับซานเป่า
หมู่บ้านแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
เพื่อจะเดินทางต่อไปให้ถึงจุดหมายจำเป็นต้องผ่านหมู่บ้านนี้ไปก่อน
หมู่บ้านของชาวอู๋ซานแตกต่างจากหมู่บ้านในแคว้นต้าโจวมาก สิ่งที่เห็นชัดคือรูปแบบของบ้านเรือน ที่นี่มีอาคารสูงหลายหลังตั้งเรียงเป็นแถว ดูโบราณและลึกลับมาก ถังหลี่ที่เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งจึงพอรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง
เผ่าอู๋ซานเป็นชนเผ่าที่โดดเดี่ยว ในสายตาของพวกเขา คนจากโลกภายนอกมีความชั่วช้าเลวทราม พวกเขาจึงระแวดระวังคนจากภายนอกมาก จ้าวจิ่งซวนเกือบถูกเผาทั้งเป็นเพราะถือว่าเป็นคนนอกเผ่า
ถังหลี่จึงกำชับทุกคนว่าหลังจากที่เข้าไปในหมู่บ้านแล้วอย่าพูดอะไรกับใครง่ายๆ เพราะจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของพวกเขาได้ โดยเฉพาะเด็กช่างพูดอย่างมู่เป่า
เมื่อมู่เป่าได้ยินว่าคนนอกเผ่าจะถูกเผาทั้งเป็น เด็กชายตกใจมากจนรีบหุบปากตัวเอง ดวงตาโตๆ ของเขาตั้งมั่นว่าจะไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาอย่างแน่นอน
จากนั้นทุกคนจึงเข้าไปในหมู่บ้าน
ถังเป่ากลัวหมู่บ้านแปลกๆ แห่งนี้มาก นางตามติดมารดาอย่างใกล้ชิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองอย่างอยากรู้อยากเห็นไปรอบๆ ระหว่างทางเห็นชาวบ้านหลายคน ชาวอู๋ซานจะสวมเสื้อผ้าสีเข้มกว่าเสื้อผ้าของคนภายนอกเช่นพวกเขา ถังเป่ามองดูเสื้อผ้าของตัวเองที่ดูคล้ายเผ่าอู๋ซาน นางจึงเข้าใจว่าเหตุใดมารดาจึงแต่งตัวให้พวกเขาแบบนั้น
ขณะที่เดินอยู่ จู่ๆ ก็มีชาวบ้านหลายมาขวางทางพวกเขาไว้ ท่าทีของถังหลี่และเว่ยฉิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
หรือพวกเขาจะจับได้แล้วว่าคณะเดินทางเป็นคนจากภายนอก?
ถังหลี่คิดว่ายังคงมีคนที่เคร่งครัดหลงเหลืออยู่ คนพวกนี้คงจะกีดกันและกำจัดพวกเขาทิ้ง หมู่บ้านที่จ้าวจิ่งซวนเคยอยู่ก็เป็นพวกเคร่งครัดเช่นกัน แม่มดในหมู่บ้านใช้เพียงฝ่ามือเดียวก็ปิดท้องฟ้าได้
พวกเขาคงไม่โชคร้ายถึงขนาดนั้นหรอกนะ..
ชาวบ้านจำนวนมากมองพวกเขาด้วยสายตาสงสัย ถังหลี่ถูกขวางจนก้าวเดินต่อไปไม่ได้ นางได้แต่ยืนรออยู่ตรงนั้น เด็กน้อยทั้งสองได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา
“นายท่าน ให้ลงมือหรือไม่ขอรับ?” ฉือซื่อที่เดินตามมาเงียบๆ ไปกระซิบถามที่ด้านหลังของเว่ยฉิง
เว่ยฉิงเหลือบมองผู้คนที่มากขึ้นเรื่อยๆ หากมีคนไม่กี่คน เขาจะได้เปรียบทำให้เคลื่อนไหวสะดวกขึ้นแต่ถ้าหากลงมือแล้วจะถอยหลังกลับไม่ได้อีก เว่ยฉิงเหลือบมองถังหลี่ นางส่ายศีรษะ
“ยังก่อน” เว่ยฉิงว่า
“แม่มดมาแล้ว” มีเสียงคนตะโกนขึ้น
ชาวบ้านรีบแยกออกจากกัน พวกเขาเห็นผู้หญิงใบหน้าจริงจังถือไม้เท้าเดินมา ถังหลี่ประหลาดใจที่แม่มดในหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหญิงสาว นางเดินมาหาพวกเขาแล้วมองถังหลี่กับเว่ยฉิง
อย่างไรก็ตามโดยไม่คาดคิดแม่มดประจำหมู่บ้านถือไม้เท้าไว้ที่มือซ้ายและวางมือขวาไว้ตรงตำแหน่งหัวใจก่อนจะโค้งคำนับให้พวกเขา สำหรับชาวอู๋ซานแล้วนั่นหมายถึงการทำความเคารพอย่างสูง!
ถังหลี่ตกใจ
เหตุใดนางถึงทักทายพวกเขาแบบนี้?
“ท่านผู้มีเกียรติ ข้าเป็นแม่มดของหมู่บ้านนี้ชื่ออาฉิว” นางกล่าว
“ยินดีต้อนรับพวกท่านสู่หมู่บ้านของเรา“
หลังจากที่นางพูดคุยสักพักก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงมีท่าทีเช่นนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาภายใต้การปกครองของธิดาเทพ เผ่าอู๋ซานเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การเผาและทำโทษโดยการปาหินถูกยกเลิกไป อาฉิวได้ไปที่นครจันทราเพื่อพบกับธิดาเทพ นางเอาภาพเหมือนของถังหลี่ให้ดู กล่าวว่านางเป็นคนที่ช่วยชีวิตผู้คนในเผ่าอู๋ซานนับพัน หากเห็นนางให้ปฏิบัติกับนางเช่นธิดาเทพ และให้ปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความเคารพ
อาฉิวเก็บคำพูดของธิดาเทพไว้ในใจ เมื่อนางกลับมาก็วาดภาพของผู้มีพระคุณตามความทรงจำของนาง และประกาศเรื่องนี้ระหว่างพิธีบูชา ด้วยเหตุนี้เมื่อชาวบ้านเห็นถังหลี่พวกเขาจึงอยากรู้อยากเห็น และสงสัยว่านางเป็นผู้มีพระคุณหรือไม่?
“อาฉิว เจ้าบอกว่าเจอธิดาเทพในนครจันทราหรือ?”
ถังหลี่คิดถึงเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นมาก ตอนนี้นางจึงพยายามทุกอย่างที่จะได้ยินข่าวสารของซานเป่า
“ข้าเคยเจอธิดาเทพมาก่อนแล้ว” เมื่อพูดถึงธิดาเทพ ท่าทีของนางเต็มไปด้วยความเคารพ
“ตอนนี้นางมีหน้าตาเช่นไรหรือ?” ถังหลี่ถามต่อ
“ข้า..” อาฉิวดูเขินอายเล็กน้อย
“ร่างกายของท่านธิดาเทพเหมือนเปล่งประกายออกมาได้ ข้าไม่กล้าที่จะมองนางตรงๆ เสียงของนางไพเราะมาก นางพูดคุยกับข้าและถามว่าข้าชื่ออะไร?”
อาฉิวพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในเผ่าอู๋ซานช่วงที่ผ่านมา ถังหลี่รู้สึกโล่งใจที่บุตรสาวของนางเป็นธิดาเทพที่ประสบความสำเร็จ ร่วมมือกับสกุลหวู่ปกครองอู๋ซาน
ก่อนหน้านี้พวกเขานอนกลางดินกินกลางทรายมาตลอด แต่วันนี้จะได้นอนในหมู่บ้าน ทั้งแม่มดและชาวบ้านดีใจมากที่พวกเขาจะค้างคืนที่นี่ จึงต้อนรับพวกเขาด้วยความอบอุ่น
ช่วงเวลาที่ผ่านมาได้แต่กินอาหารแห้งและเนื้อย่าง ทำให้เด็กน้อยทั้งสองเบื่อหน่าย พอวันนี้ได้กินข้าวและอาหารสดทำให้ฝาแฝดชอบมาก
ในตอนกลางคืนพวกเขาทั้งห้าคนพักอยู่ที่บ้านของแม่มดประจำหมู่บ้าน ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ อาฉิวจัดเตรียมห้องไว้ให้ถังหลี่ ในห้องมีเตียงอยู่สองเตียง เดิมทีมู่เป่าต้องการนอนกับมารดาแต่เพราะถังเป่าอยากคุยกับท่านแม่ทำให้เขายอมพี่สาว
“น้องชายเจ้าไปนอนกับท่านพ่อสิ”
ใบหน้าที่จริงจังของถังเป่าทำให้เด็กชายกลัว เขาจึงยอมไปนอนกับเว่ยฉิงแต่โดยดี
เว่ยฉิงที่ดูสองพี่น้องแย่งมารดากันพลันคิดว่าไม่มีใครคิดถึงเขาบ้างเลยหรือ? เขาเองก็อยากนอนกับภรรยานะ อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นตัวเลือกด้วยซ้ำ
ภายใต้ผ้าห่ม ถังเป่านอนหนุนแขนมารดา สองแม่ลูกนอนกอดและพูดคุยกับเงียบๆ
“ท่านพี่น่าทึ่งมาก” ถังเป่ากล่าว
ในตอนที่ซานเป่าจากไปนั้นถังเป่ายังเด็กมาก แม้นางจะฉลาดแต่ก็มีความทรงจำที่มีขีดจำกัด ในความทรงจำของนาง พี่สาวเป็นคนที่เก่งมาก ชอบรำดาบ ท่านแม่บอกเสมอว่าในภายหน้าพี่สาวจะเป็นแม่ทัพหญิง นางจึงชื่นชมพี่สาวมาตลอด พี่สาวนางเป็นคนที่เก่งจริงๆ ตอนนี้ก็เป็นธิดาเทพที่ได้รับความเคารพมากเช่นกัน
“ลูกสาวคนโตของแม่เก่งมาก อีกทั้งยังน่าทึ่ง ในตอนที่เจ้าเติบโตไปก็จะเก่งเหมือนพี่สาวของเจ้าเช่นกัน”
ถังหลี่ภูมิใจในตัวซานเป่ามาก ถังเป่ายังเด็กนางก็ฉลาดเกินวัย
”ถังเป่า โตขึ้นลูกอยากทำอะไรหรือ?” ถังเป่าทำหน้าครุ่นคิด
“อยากอยู่เฉยๆ” ใบหน้าของเด็กตัวน้อยยับย่น
“ท่านแม่ ถังเป่าน่าสิ้นหวังมากหรือไม่?” ถังเป่ามองไปยังสองพ่อลูกที่นอนข้างๆและตระหนักได้ว่า ผู้ชายสองคนนี้ช่างไร้ค่าเสียจริง พวกเขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตเช่นไร? และอยากจะทำอะไรในภายหน้าเสียด้วยซ้ำ
ถังหลี่คิดว่าทุกคนมีคำจำกัดความที่แตกต่างกัน บางคนคิดว่าการมีชื่อเสียงเป็นเรื่องที่ดี บางคนคิดว่าการมีโชคลาภเป็นเรื่องดี บางคนก็คิดว่าการมีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่สำหรับตัวนางแล้วคิดว่าการเป็นคนธรรมดาที่ไม่คิดร้ายกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้คนบ้างในบางครั้งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่ต้องให้คนอื่นมาตัดสิน ตราบใดที่เป็นคนที่มีคุณงามความดีอยู่ในหัวใจ
“สำหรับแม่แล้วแค่พวกเจ้ามีความสุขก็พอ” ถังหลี่ยังพูดถึงเอ้อร์เป่าหรือเว่ยจื่ออี้ คนที่รักอิสระแต่ก็ทำให้นางภูมิใจเช่นกัน ถังเป่าเองก็ชื่นชมพี่รองมาก จึงมีความสุขเมื่อได้ยินเช่นนี้
“เช่นนั้นถังเป่าก็จะเป็นถังเป่า” นางพูดจริงจังก่อนจะซุกเข้าไปในอ้อมกอดของมารดา
“ท่านแม่ข้าอยากเจอท่านพี่เร็วๆ”
“เจ้าก็รีบนอนเถอะ จะได้เจอพี่สาวของเจ้าเร็วยิ่งขึ้น”
เด็กหญิงพยักหน้า หาตำแหน่งที่สบายในอ้อมแขนของถังหลี่แล้วหลับไป หญิงสาวจูบที่หน้าผากของเด็กน้อย
เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งกลุ่มก็กินอาหารที่บ้านอาฉิวก่อนจะออกเดินทาง พวกเขาผ่านหมู่บ้านต่างๆ มากมาย การเดินทางในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่มาเยือนในครั้งแรกมากนัก ผู้คนในอู๋ซานเป็นมิตรอีกทั้งยังต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่น
ถังหลี่ได้เห็นแล้วว่าภายใต้การปกครองของธิดาเทพ สถานที่แห่งนี้เปลี่ยนไปมากเพียงใด
แปดวันต่อมาคณะเดินทางก็มาถึงที่นครจันทรา
เมื่อเข้าไปใกล้ประตูนครจันทราถังหลี่ก็เห็นร่างใส่ชุดสีแดงแต่ไกล ร่างๆ นั้นสูงขึ้นจากความทรงจำของนาง ผมสีดำพริ้วปลิวไสว ทันทีที่นางเห็นถังหลี่ก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
หญิงสาวมองใบหน้าของซานเป่าชัดๆ แก้มอิ่มเป็นพวงของนางหายไปแล้ว เด็กน้อยของนางได้เติบโตเป็นเด็กสาวที่งดงามจริงๆ