เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 811 เว่ยฉิงไม่ชอบ
บทที่ 811 เว่ยฉิงไม่ชอบ
เด็กสาวคนนั้นวิ่งเข้ามาหาถังหลี่ หญิงสาวอ้าแขนแล้วกอดนางไว้
ซานเป่าของนางโตขึ้นมาก ตอนนี้เด็กสาวสูงพอๆ กับมารดาแล้ว แต่ก็ยังคงน่าเอ็นดูเหมือนเช่นเคย ซานเป่าเป็นลูกสาวตัวน้อยของนางเสมอ
“ท่านแม่” ได้ยินเสียงเรียกของลูกสาว ถังหลี่รู้สึกแสบจมูกราวกับจะร้องไห้
ซานเป่าของแม่
ถังหลี่นับวันรอคอยที่จะได้พบกับซานเป่ามาตลอด ในที่สุดก็ได้เจอกัน
“ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมาก” เสียงของซานเป่าอู้อี้ ถังหลี่กลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว ร่ำไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ สองแม่ลูกกอดกันเป็นเวลานาน
“ซานเป่า”
เสียงของเว่ยฉิงดังขึ้น ซานเป่าจึงผละออกจากอ้อมกอดของมารดา หันไปมองบิดาด้วยแววตาแดงก่ำ
แม้ซานเป่าจะโตขึ้นมาก แต่บิดาของนางยังคงตัวสูงใหญ่เหมือนในความทรงจำ เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยความคิดถึง เมื่อเว่ยฉิงอ้าแขนออก ซานเป่าก็ถลาเข้าไปในอ้อมกอดของบิดาทันที ชายหนุ่มลูบหัวบุตรสาว พูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ซานเป่าของพ่อโตแล้ว”
“ท่านพ่อยังไม่แก่ลงเลย”
“ลูกสาวคนเก่งของพ่อ” เว่ยฉิงหัวเราะเบาๆ “เจ้าตัวนุ่มนี่ปากหวานเสียจริง”
“พี่สาว” เด็กน้อยทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน ซานเป่ามองพวกเขาด้วยแววตามีความสุข
“ถังเป่า!มู่เป่า!”
เด็กน้อยทั้งสองโตขึ้นมาก ซานเป่าอ้าแขนแล้วอุ้มเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มน่ารักทั้งสองไว้ในอ้อมกอด
ถังหลี่มองเลยไปยังด้านหลัง
ตู้เย่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขาสวมชุดสีดำทำให้เห็นรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ตู้เย่ เจ้าทำท่าเบื่อหน่ายเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ?” ถังหลี่ถามยิ้มๆ เขากางแขนออก
“เช่นนั้น กอดข้าด้วยสิ”
แต่ก่อนที่ถังหลี่จะขยับเว่ยฉิงก็เดินเข้าไปกอดตู้เย่เข้าเต็มแรง
“พี่ตู้ ไม่เจอกันนานเลยนะ” เว่ยฉิงพูด
คิดว่าจะมีใครได้กอดภรรยาของเขาหรือ…ไม่มีทาง!
เว่ยฉิงกอดตู้เย่สักพักก่อนจะผละออกไปกอดถังหลี่ไว้ ท่าทีของเขาทำให้ถังหลี่และตู้เย่ถึงกับหัวเราะออกมาเต็มเสียง
“พี่เว่ยนี่เหมือนเดิมเลย” ตู้เย่ถอนหายใจ เว่ยฉิงทำหูทวนลมไม่ได้ยินคำพูดของเขา
“หล่อเหมือนเดิมหรือ?” ตู้เย่มองท้องฟ้าฟ้าไม่พูดอะไร หากหน้าไม่อายอะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ
เว่ยฉิงหันไปมองภรรยา เขากระพริบตาทำท่าซื่อๆ
“ฮูหยิน ตู้เย่หมายถึงแบบนั้นใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว” ถังหลี่ป้อยอ เว่ยฉิงมีความสุขจนหางแทบชี้ขึ้นฟ้า
“เข้าไปในเมืองเถอะ” ซานเป่ากล่าวชวน
ซานเป่าอุ้มฝาแฝดทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขน เว่ยฉิงอุ้มถังหลี่ไว้เช่นกัน ส่วนตู้เย่กับฉือซื่อเดินตามรั้งท้าย พวกเขาเข้าไปในเมืองเยว่เฉิง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ถังหลี่มาเยือนที่นี่ เมืองเยว่เฉิงดูมีชีวิตชีวามากกว่าครั้งที่แล้วมาก ในตอนที่นางมาครั้งแรก ผู้คนยังมีความหวาดระแวงต่อคนภายนอก แต่คราวนี้เมื่อพวกเขาเห็นซานเป่าก็รีบทักทายทันที
“ธิดาเทพ”
ในอดีตธิดาเทพไม่ใช่คนที่พวกเขาจะพบเจอกันได้ทั่วไป นางจะอยู่ในวิหารเก็บตัวอย่างเงียบเชียบ แต่ธิดาเทพคนนี้มักปรากฏตัวตามท้องถนน ช่วยเหลือผู้คน ไม่ได้ทำตัวลึกลับแต่กลับเปิดเผย จึงได้รับความรักจากชาวบ้าน เมื่อมีธิดาเทพคอยปกป้องชาวเมืองต่างรู้สึกอบอุ่นสบายใจ
มู่เป่าและถังเป่ามาเยือนที่เมืองเยว่เฉิงเป็นครั้งแรก พวกเขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับทุกอย่างรอบกาย บ้านเรือนที่นี่ดูแปลกตา บ้านหลายหลังสร้างด้วยหิน เสื้อผ้าของพวกเขามีสีสันสดใส แม้แต่อาหารก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
ขณะที่ซานเป่ากำลังเดิน นางพบว่าตัวเองขยับตัวไม่ได้เพราะถูกมู่เป่าดึงมือเอาไว้ เด็กชายหยุดดูอาหารริมถนนน้ำลายยืด เขาอยากซื้อ
ใครจะอดใจกับขนมที่มีหน้าตาน่ากินเหล่านั้นได้
มู่เป่าเดินกินไปเรื่อยๆ กว่าจะถึงวิหารพุงของเขาก็ป่องออกมาเสียแล้ว
“นี่คือวิหารหรือ?” เมื่อมองไปยังอาคารสูงตรงหน้า ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“งดงามมาก”
วิหารแห่งนี้งดงาม เป็นอาคารขนาดใหญ่ตั้งตะหง่านในม่านหมอก ที่ผนังแกะสลักภาพนูนต่ำดูน่าค้นหา ส่องแสงสีทองเป็นประกายอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ รูปปั้นหินขนาดใหญ่ที่ประตูทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึง
ซานเป่าจับมือมู่เป่าและถังเป่าเข้าไปในวิหาร ตามด้วยถังหลี่และเว่ยฉิง ในตอนนั้นเสียงฝีเท้าที่ฟังดูรีบร้อนก็ดังขึ้น ในไม่ช้าถังหลี่ก็เห็นเจ้าของเสียงฝีเท้านั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดนักบวช
เขาคืออู๋หลี่ พ่อมดศักดิ์สิทธิ์แห่งสกุลอู๋
อู๋หลี่ดูเปลี่ยนไปมาก เขาเติบโตเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัว หน้าตาหล่อเหลา แต่ไม่ใช่คนโอ้อวด ทั้งยังมีท่าทีสุขุมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
พ่อมดศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้นำสูงสุดของเผ่าโบราณ เพราะเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งเป็นเวลานาน ท่าทีของเขาจึงดูสุขุมและสงบ ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองมาที่ถังหลี่
“ฮูหยินขอรับ”
“นายท่านขอรับ” เขามองเว่ยฉิง ไม่ว่าตอนนี้สถานะของเขาจะเป็นอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันลืมคนที่ช่วยชีวิตเขาอย่างฮูหยินและนายท่านเป็นอันขาด
“ท่านพ่อมดศักดิ์สิทธิ์” ถังหลี่ยิ้ม อู๋หลี่ดูเขินอายอยู่บ้าง
“ฮูหยินควรเรียกข้าว่าหวังหยู”
แต่ถังหลี่รู้สึกว่าไม่เหมาะที่จะเรียกเขาว่า หวังหยู เพราะจะทำให้เขารู้สึกถึงวันเก่าๆที่ลำบากยากเข็ญ
ในที่สุดพวกเขาก็เรียกหวังหยูว่า อาหลี่
อู๋หลี่พาพวกเขาไปยังโถงใหญ่ ในนั้นมีนักบวชที่เป็นคนของอู๋หลี่คอยดูแลอยู่ ในสายตาของพวกเขาแล้วพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ดูเย็นชาและห่างไกลจากคำว่ายิ้มแย้มมากนัก พวกเขาจึงแปลกใจที่เห็นท่าทีของอู๋หลี่
เช่นเดียวกับธิดาเทพ นางเป็นคนอ่อนโยนและมีเมตตา แต่เมื่อธิดาเทพกำลังสนทนากับบุคคลเหล่านี้ใบหน้าของนางยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี พวกเขาจึงให้เคารพกับแขกเหรื่อกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น
ถังหลี่และคนอื่นๆ อาศัยอยู่ในวิหาร หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดด้วยท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น
พอตกกลางคืนพวกเขาต่างแย่งชิงที่จะนอนกับถังหลี่
“ท่านแม่ ข้าอยากนอนกับท่าน” ซานเป่าบอก นางไม่ได้เจอมารดานานกว่าสองปีแล้วจึงมีเรื่องอยากพูดคุยมากมาย
“ข้าอยากนอนกับท่านแม่และพี่สาว” ถังเป่าบอก
สองพ่อลูกที่อยู่ข้างๆ ไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมศึกชิงตำแหน่ง มู่เป่ามองดูใบหน้าทรุดโทรมของบิดาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า
“ท่านพ่อเหตุใดจึงเศร้า ท่านไม่อิ่มหรือ?”
“…”
ในโลกของมู่เป่าแล้วคงจะมีแต่เรื่องกินเท่านั้นที่เขาจะคิดขึ้นมาได้
ช่วงกลางดึกระหว่างที่บิดาและบุตรชายกำลังนอนบนเตียงด้วยกัน ในที่สุดมู่เป่าก็รู้สึกตัว
“ข้าอยากนอนกับท่านแม่” มู่เป่าพูดขึ้น
“ท่านพ่อตัวแข็งมาก” ทันทีที่พูดจบเขาออกจากอ้อมแขนของบิดาและนอนกลิ้งไปกับที่นอนทันที
“….” ขนาดลูกชายยังดูหมิ่น เขาช่างเป็นคนน่าเวทนาเสียจริง