เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 813 ออกจากอู๋ซาน
บทที่ 813 ออกจากอู๋ซาน
ถังหลี่ไม่เพียงแต่พาเว่ยฉิงไปชมวิหารเท่านั้นยังพาเขาไปชมเมืองเยว่เฉิงด้วย ท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน ทั้งสองเดินจับมือกันไปตามถนนในเมือง เมื่อถึงตามตรอกลับ พวกเขาก็จุมพิตกันอย่างหวานซึ้ง
หญิงสาวพาชายหนุ่มไปที่สระน้ำมังกรซึ่งเป็นสถานที่สวดภาวนาของชาวเมืองเยว่เฉิง นางกับซานเป่าเคยมาขอพรที่นี่ เว่ยฉิงไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไป เขาสวดภาวนา วิงวอนให้ตัวเขาและภรรยาอยู่ครองคู่กันไปชั่วนิรันดร์ไม่มีวันพรากจากกันได้
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความศรัทธา หลังจากที่ขอพรเสร็จแล้วเขาก็จงใจอวดกับภรรยา
“ฮูหยินรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ข้าอธิษฐานขอสิ่งใด?” หญิงสาวส่ายหน้า
“เจ้าอยากรู้หรือไม่?” เว่ยฉิงถาม
“ข้าอยากรู้” ถังหลี่ก็ให้ความร่วมมือกับเขา หากสีหน้าของสามีกลับทำราวกับเปิดเผยไม่ได้
“บอกไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ผล” เมื่อเห็นสีหน้าของเว่ยฉิง ถังหลี่รู้ดีว่าเขาขอพรอะไร นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ฮูหยินอยากเดาหรือไม่?” เว่ยฉิงเปลี่ยนคำพูดตัวเองทันที
“แน่นอนว่าข้ารู้”
พวกเขาจับมือกันเดินชมสถานที่ที่คึกคักที่สุดในเมืองเยว่เฉิงก่อนจะกลับไปที่วิหารในช่วงค่ำ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองอาศัยอยู่ในวิหารของเมืองเยว่เฉิงมานานกว่าครึ่งปี ในช่วงเวลาครึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาได้เจออาฮวาและอามู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบภรรยาของอามู่
บางครั้งถังหลี่และเว่ยฉิงก็เดินไปตามตรอกซอยซอยในเมือง
ไม่นานนัก เว่ยฉิงและถังหลี่ก็ตัดสินใจออกเดินทางออกจากเผ่าอู๋ซาน พวกเขาอยู่ในอู๋ซานมานานพอแล้ว ถึงเวลาที่ดอกไม้บานสะพรั่ง พวกเขาต้องออกเดินทางไปยังที่อื่น ครั้งนี้ซานเป่าจะออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาด้วย
ก่อนออกเดินทาง อู๋หลี่อยากทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อติดตามซานเป่าไป เด็กสาวมองเขาด้วยความรู้สึกผิด
“อาหลี่ ข้าขอโทษ”
“นายหญิงไม่ต้องขอโทษข้าเลย” อู๋หลี่กล่าว “ในชีวิตนี้นับว่าเป็นโชคดีของข้าแล้วที่ข้าได้พบท่าน”
นางคือคนที่ดึงเขาออกจากหล่มของความเจ็บปวด ทำให้เขามีความหวังกับชีวิต นางคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา การที่นางจากไปเหมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกายโดนฉีกกระชากออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่รั้งนางไว้ … เขาอยากให้นางมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่นางอยากทำ
“ธิดาเทพ ท่านกลับมาที่อู๋ซานเป็นครั้งคราวได้หรือไม่?” อู่หลี่มองนาง
ในสายตาของคนทั่วไป พ่อมดศักดิ์สิทธิ์เป็นคนสุขุม ไม่ค่อยยิ้มแย้ม แต่ในสายตาของซานเป่าแล้ว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ซานเป่าพยักหน้านางให้สัญญาอย่างจริงจัง
“ข้าสัญญา”
เขายิ้มจางๆ พลางมองดวงจันทร์บนท้องฟ้า เขาลังเลที่จะไปนอน ตอนนี้อู๋หลี่อยากอยู่กับซานเป่าอีกสักพัก เขาหวังว่าคืนนี้จะยาวนานไม่มีสิ้นสุดเพื่อที่ให้ธิดาเทพของเขาจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
“นายหญิงไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า” เขาพูดเบาๆ
“ข้ายังไม่ง่วงเลย เรามาคุยกันเถอะ” ซานเป่าบอก
พวกเขาสองคนนั่งสบายๆ บนขั้นบันได โยนหัวโขนทุกอย่างในฐานะพ่อมดศักดิ์สิทธิ์และธิดาเทพทิ้งไป
ในเวลานี้พวกเขาเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น อู๋หลี่พูดน้อย ในขณะที่ซานเป่าพูดเป็นส่วนใหญ่
ต่อมานางรู้สึกง่วงนอนแล้วจึงหลับตาลงเอนตัวพิงบ่าของอู๋หลี่ ชายหนุ่มนั่งเฉยราวกับรูปปั้น ใช้สายตาจับจ้องมองเด็กสาวที่พิงตัวอยู่ที่บ่าของเขา
ใบหน้าซานเป่าขาวราวกับหยกมันแพะ ผมของนางตกลงมาคลอเคลียที่กรอบหน้า ความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ลุกโชนขึ้นในหัวใจของอู๋หลี่ จนไม่อาจละสายตาไปได้
เขาแค่คนเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมปลุกนางเท่านั้น
ไม่ว่าจะอยากให้เวลาผ่านไปช้าเพียงใด อย่างไรก็ต้องถึงยามเช้า ซานเป่าลืมตาขึ้น เห็นบนร่างกายมีเสื้อคลุมสีดำคลุมอยู่ นางหันไปหาอู๋หลี่
นี่นางนอนเช่นนี้ทั้งคืนหรือ?
เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะใช้มือปิดใบหน้าของตัวเอง นางคงไม่ได้นอนน้ำลายไหลใช่หรือไม่? ไม่อย่างนั้นแล้วความสง่างามของธิดาเทพคงจะหายไปหมดอย่างแน่นอน อู๋หลี่้ห็นความตื่นตระหนกของซานเป่า รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา
“ธิดาเทพยังคงดูดีและสง่างามแม้กระทั่งยามหลับใหล” อู่หลี่ว่า
เขาพูดในสิ่งที่เด็กสาวเป็นกังวล ซานเป่าขจัดความตื่นตระหนกของนางทิ้งไป อู่หลี่ค่อยๆ สวมเสื้อคลุมสีดำของตัวเอง เขากลายเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
“ไปอาบน้ำเถอะ หลังล้างหน้า กินข้าวจะได้ออกเดินทางกัน” อู๋หลี่ว่า
ในขณะเดียวกันถังหลี่และเว่ยฉิงกำลังเก็บข้าวของ กินอาหารเช้า ตู้เย่ถือดาบของเขายืนพิงกำแพง มองอย่างเกียจคร้านไปในทิศทางหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานซานเป่าและอู๋หลี่ก็เดินมาด้วยกัน เด็กสาวหันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ลาก่อนนะอาหลี่” อู๋หลี่มองนางไม่วางตา
“ลาก่อนซานเป่า”
เขารู้ว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ชอบการเป็นธิดาเทพ นางชอบที่จะเป็นลูกสาวของฮูหยินอู่ เป็นเด็กสาวที่รักอิสระ เป็นเพียงแค่ซานเป่าเท่านั้น เขาภาวนาให้นางได้สมปรารถนา ได้ทำในสิ่งที่ตนเองใฝ่ฝัน
หลังจากกล่าวคำอำลากันแล้ว พวกเขาก็หันหลังจากไป
ดวงตาของอู๋หลี่ยังมองไปที่ซานเป่าไม่กระพริบ จนกระทั่งแผ่นหลังของนางลับหายไป เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่านานเพียงใด ราวกับขาของเขาถูกตรึงไว้กับที่ ธิดาเทพองค์น้อยมองเขา แม้นางจะหวาดกลัวแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา
อู๋หลี่จับมือของเด็กน้อยเดินเข้าวิหารไป
เมื่อบรรดานักบวชมองแผ่นหลังของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เขาเห็นความเหงาและอ้างว้างอย่างสุดที่จะประมาณได้ ปรากฏบนแผ่นหลังของอู๋หลี่
ถังหลี่และคณะเดินทางออกจากอู๋ซานไปด้วยรถม้า จุดหมายของการเดินทางในครั้งนี้คือหมู่บ้านลี่เจียในเมืองเหยาสุ่ย มณฑลชิงเหอ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
เว่ยฉิงอาศัยอยู่ที่นี้นานกว่าสิบปีและทำไร่ทำนามานาน ในวันที่ถังหลี่มาโลกนี้ ยามที่นางลืมตาขึ้นก็เป็นหมู่บ้านลี่เจียเช่นกัน ณ หมู่บ้านนี้ถังหลี่และเว่ยฉิงได้พบและตกหลุมรักกัน
หากต้องการใช้ชีวิตอย่างสันโดษ หญิงสาวก็อยากอาศัยอยู่ในหมู่บ้านลี่เจีย เพราะที่นี่เป็นที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่สวยงาม
ซานเป่าคิดถึงหมู่บ้านแห่งนี้มาก ส่วนถังเป่าและมู่เป่าก็อยากรู้อยากเห็นว่าที่ที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกเขาเคยอาศัยอยู่เป็นอย่างไร
สองเดือนต่อมาพวกเขาเดินทางมาถึงหมู่บ้านลี่เจีย ทันทีที่รถม้าหยุดหน้าหมู่บ้าน ถังหลี่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของที่นี่ บ้านทุกหลังเหมือนเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกหลังมีลานในบ้านแสดงว่าในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ชาวบ้านพากันมองรถม้าด้วยความสงสัยแต่เมื่อเห็นว่าใครลงมาพวกเขาตกใจมาก
“ถังหลี่ เว่ยฉิง นี่ๆถังหลี่กับเว่ยฉิงกลับมาแล้ว!”
เสียงคนตะโกนดังขึ้นดึงดูดความสนใจของชาวบ้าน ในไม่ช้าพวกเขาก็มารวมตัวกัน หมู่บ้านลี่เจียกลายเป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในเขตนี้ได้ก็ต้องขอบคุณถังหลี่ที่ช่วยเรื่องปลูกสมุนไพรและทำโรงงานผลิตถุงหอมด้วย