เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 819 ตอนพิเศษ ซานเป่า ออกศึกครั้งแรก 2
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 819 ตอนพิเศษ ซานเป่า ออกศึกครั้งแรก 2
บทที่ 819 ตอนพิเศษ ซานเป่า ออกศึกครั้งแรก 2
ทุกคนตกใจมากเมื่อได้ฟังคำตัดสินใจของเว่ยหนิง
“ข้าจะไปช่วยเขา พวกเจ้าอยู่ที่นี่”
“แม่ทัพเว่ยข้าจะไปกับท่าน” เสี่ยวหลิวว่า คนอื่นก็เห็นด้วยเช่นกัน เว่ยหนิงกวาดตามองพวกเขา ตอนนี้ทุกคนเหนื่อยล้ากันมากแล้ว…
“พวกเจ้ารอข้าที่นี่ ข้าจะไปคนเดียว” เว่ยหนิงออกคำสั่ง หากเสี่ยวหลิวยังคงยืนกราน
“ฟังข้า” เว่ยหนิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยว นางเห็นความกังวลที่อยู่ในดวงตาของพวกเขา
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมา”
หลังจากที่พูดจบเว่ยหนิงหันหลังกลับไปที่ค่ายของศัตรูโดยปราศจากความลังเล
ในความมืดมิด
เงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งหนีอย่างสิ้นหวัง ลมหายใจของเขากระชั้นหอบถี่ หลังจากที่คิดว่าตัวเองคงหนีได้พ้นแล้ว
ทันใดนั้นเองเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายทางด้านหลังที่แผ่ออกมา มันไล่ตามเขาราวกับเงา
มีคนตามเขามา!
ฝีเท้าของซุนต้าหู่หยุดชะงัก
ให้ตายสิ! ข้าจะสู้กับเจ้าเอง! หากข้าจะต้องตายก็ขอให้เกิดประโยชน์กับท่านแม่ทัพบ้าง
ซุนต้าหู่หันหลังกลับทันที ที่ด้านหลังของเขาปรากฏร่างของชายชุดดำ แววตาชั่วร้ายราวกับสัตว์ป่า เขาใช้มีดแทงเข้าที่ซุนต้าหู่ทันทีโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง แม้ซุนต้าหู่จะหลบเลี่ยงได้แต่แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ
จากการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ซุนต้าหู่ตระหนักว่า ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย มียอดฝีมือเช่นนี้หลบซ่อนอยู่ในค่ายทหารของต้าฉู่ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะต้องจบชีวิตลงเสียที่นี่แล้ว
ซุนต้าหู่กัดฟันรีบวิ่งไปหาอีกฝ่าย ดาบในมือของอีกฝ่ายแทงทะลุเนื้อเขาจนเลือดไหลโกรก การโจมตีทื่อๆ ของซุนต้าหู่ทำให้เขาลำบากใจ
ดวงตาของชายคนนั้นฉายเจตนาฆ่าออกมา เขาเตรียมจะใช้ดาบฟันที่คอของต้าหู่
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเงาดำกระโดดลอยขึ้นมาจากอากาศพร้อมกับดาบเล่มหนึ่งในมือ ดาบเล่มนั้นรับการปะทะโจมตีจากชายชุดดำอย่างได้จังหวะ
เขาหันไปมอง เห็นเจ้าของดาบเล่มนั้นเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง อายุไม่แน่ชัด
การเคลื่อนไหวของพวกเขาราวกับสายฟ้าที่ปะทะกัน ทั้งสองมีฝีมือโดดเด่นเท่าเทียมกันอย่างไม่มีใครด้อยกว่า เงาของดาบสะท้อนแสงจันทร์ในคืนสลัว เสียงโลหะกังวานปะทะกันในความมืด
เว่ยหนิงสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าทุกย่างก้าวของคนผู้นี้ นางรู้ว่าตัวเองไม่อาจรีรอประลองฝีมือได้อีกต่อไป ต้องรีบจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
เว่ยหนิงหยิบผงยาที่ได้มาจากอาจารย์ของตนออกมา สาดผงยาไปยังชายผู้นั้นอย่างว่องไว เว่ยหนิงใช้โอกาสที่อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจับซุนต้าหู่หนีออกไป
เมื่อเขาเช็ดผงยาออกก็พบว่าทั้งสองหายตัวไปแล้ว
เขาขมวดคิ้ว
มีสตรีที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ในกองทัพของต้าโจวด้วยหรือ?
อีกด้านหนึ่งเมื่อเว่ยหนิงช่วยซุนต้าหู่ออกมาได้ ก็ได้ยินเขาพึมพำว่า
“แม่ทัพเว่ย ท่านไม่ควรมาช่วยข้า ท่านควรปล่อยให้ข้าสังหารเจ้านั่น”
“ถ้าข้าไม่มาเจ้าก็ตายไปแล้ว” เว่ยหนิงตะคอกเกรี้ยวกราด
หากนางมาช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียว ดาบเล่มนั้นคงจะตัดคอของซุนต้าหู่ไปแล้ว ด้วยทักษะการใช้ดาบของคนผู้นั้นทรงพลังมาก
หลังจากได้ต่อสู้กับชายแปลกหน้า เว่ยหนิงจึงตระหนักได้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินกว้างนั้นหมายความว่าอย่างไร?
หลังของนางชื้นเปียกไปด้วยเหงื่อ ซุนต้าหู่ไม่กล้าส่งเสียงเอะอะอีก เขาก้มหน้าลงทำท่าเชื่อฟังเหมือนเด็กดี ทันใดนั้นเองใบหน้าของซุนต้าหู่ก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขากระอักเลือดออกมาคำโต
เขาบาดเจ็บสาหัส แต่ฝืนอดทนไว้
เว่ยหนิงรีบไปพยุงเขาทันที
“แม่ทัพน้อยเว่ยปล่อยข้าไว้เถอะ ไม่ช้าคนผู้นั้นจะตามมาทัน” ซุนต้าหู่พูดอย่างอ่อนแรง เว่ยหนิงไม่สนใจคำพูดของเขา นางแบกซุนต้าหู่ไว้บนหลังของตัวเอง แม้ซุนต้าหู่จะแข็งแรงตัวใหญ่ แต่เว่ยหนิงกลับแบกเขาไว้ได้
จริงๆ หากเป็นพื้นที่ราบ นางคงจะไม่เหน็ดเหนื่อยมากนัก แต่เมื่อเป็นพื้นที่สูงชันบนภูเขา เว่ยหนิงจึงเดินทางลำบากขึ้น เด็กสาวแบกต้าหู่ไว้นางกัดฟันเดินหน้าต่อไป
“ท่านแม่ทัพ ปล่อยข้าไว้เถอะ”
“ไม่ ! เหตุใดเจ้าไม่เชื่อฟังข้า”
“หุบปาก! ” เว่ยหนิงพูดอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้ซุนต้าหู่หุบปากลงเสียได้ นางไม่รู้ว่าต้องเดินไปนานเพียงไหน แต่เมื่อเว่ยหนิงรู้สึกเหนื่อยและหมดแรง เสี่ยวหลิวและคนอื่นๆ ก็กระโจนออกมาจากความมืดทันที
“ท่านแม่ทัพเว่ย”
“หัวหน้าซุน”
เมื่อเห็นว่าเป็นพวกเขา เว่ยหนิงถอนหายใจทันทีด้วยความโล่งอก
“กลับกันเถอะ”
พวกเขาช่วยกันปีนภูเขาเดินผ่านป่า เมื่อถึงเวลารุ่งสางจึงพ้นเขตป่าไป ที่นั่นมีม้าหลายตัวผูกไว้ ทันทีที่เว่ยหนิงมาถึงค่ายทหาร นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เว่ยหนิงตื่นมาอีกครั้งในตอนบ่าย นางหรี่ตามองแสงตรงหน้า รู้สึกไม่สบายตัว
“อาจารย์…” เว่ยหนิงพึมพำ อย่างไรก็ตามนางก็ไม่เห็นอาจารย์ของนางเลย เว่ยหนิงสับสน ก่อนหน้านี้นางได้ยินเสียงของอาจารย์ชัดเจนมาก ทั้งยังสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่อบอุ่นของเขา
ทั้งหมดนี้คือภาพลวงตาหรือ?
ในตอนนั้น จู่ๆ ม่านก็เปิดออก ชายร่างสูงในชุดสีขาวเดินเข้ามา ใบหน้าของเขามีแผลเป็นทำให้ดูดุดันมากขึ้น ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการสู้รบในครั้งนี้
“ท่านลุงรอง” เว่ยหนิงเรียก กู้หวนอวี้มองใบหน้าของเด็กสาวที่ซีดเซียว แล้วรู้สึกทุกข์ใจ
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้ารู้สึกดีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีแรงเลย…ข้าสลบไปกี่วัน? การต่อสู้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“สามวัน การต่อสู้จบลงแล้ว” กู้หวนอวี้ว่า ทำให้เว่ยหนิงตกใจมาก
“จบแล้ว? แล้วพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง?” เว่ยหนิงหมดสติไปหลายวัน ตอนนี้สถานการณ์ในการรบเปลี่ยนไปมาก
กองทัพฉู่ได้ประโยชน์จากการได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ และกองกำลังของอาชาเหงื่อโลหิต ทหารม้าของพวกเขาทรงพลังมาก แต่ของดีของกองทัพโจวอยู่ที่อาวุธ และหน้าไม้ที่มีการพัฒนาให้ก้าวหน้า ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่มีพลังมากพอเมื่อเทียบกับม้าศึก นั่นคือสาเหตุที่ทำให้กองทัพฉู่ผยองมากกว่าเดิม เมื่อกองทัพทั้งสองฟาดฟันกัน จึงเห็นได้ชัดถึงข้อได้เปรียบ
แต่อย่างไรก็ตามเสบียงที่โดนเผาไปส่งย่อมผลกระทบต่อกองทัพฉู่เป็นอย่างมาก ขวัญกำลังใจของต้าฉู่ถดถอย กู้หวนอวี้พุ่งโจมตีอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็กำชัยชนะทำให้ขวัญกำลังใจของทหารต้าโจวดีขึ้นมากเช่นกัน
การรบในครั้งนี้อย่างน้อยจะช่วยยุติสงครามไปได้อีกหนึ่งหรือสองปี
“เว่ยหนิง เจ้าทำได้ดีมาก” กู้หวนอวี้ชมเชยหลานสาว
เว่ยหนิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ใบหน้าของนางซีดเซียวแต่แฝงไปด้วยความยินดี
“ซุนต้าหู่อยู่ไหน?”
“เขาเสียเลือดมากแต่ได้รับการรักษาแล้ว” กู้หวนอวี้ถอนใจออกมาอีกครั้ง
“ท่านลุงรอง ใครเป็นคนดูแลข้าหรือ?” เว่ยหนิงถามด้วยความหวังในดวงตา
ในความมึนงง สับสน เด็กสาวรู้สึกเหมือนมีอาจารย์คอยดูแลนางอยู่ข้างกาย กู้หวนอวี้เอ่ยชื่อทหารส่วนตัวของเขาที่คุ้นเคยกับเว่ยหนิงขึ้นมา
“แล้วอาจารย์ข้าล่ะ ท่านได้เห็นเขาหรือไม่” เว่ยหนิงถาม แต่เขาส่ายหัว
เด็กสาวรู้สึกผิดหวัง นางคงฝันไปจริงๆ ในที่สุดเว่ยหนิงคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“ท่านลุงรอง ในกองทัพฉู่มีแม่ทัพที่เก่งกาจแต่อายุยังน้อยหรือไม่?” กู้หวนอวี้ครุ่นคิด
“เจ้ากำลังพูดถึงท่านอ๋องเหยาแห่งต้าฉู่หรือ?”
ท่านอ๋องเหยา?
ชายชุดดำผู้นั้นคือท่านอ๋องเหยาหรือ?