เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 820 ตอนพิเศษ ซานเป่า ใช้เวลาสามปีกว่าหงส์จะบินสูง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 820 ตอนพิเศษ ซานเป่า ใช้เวลาสามปีกว่าหงส์จะบินสูง
บทที่ 820 ตอนพิเศษ ซานเป่า ใช้เวลาสามปีกว่าหงส์จะบินสูง
สามปีนั้นเพียงพอแล้วสำหรับเด็กสาวผู้หนึ่งจะได้เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงาม
สามปีก็เพียงพอกับการที่เด็กชาวบ้านที่จะเติบโตเป็นบัณฑิตเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงนับครั้งไม่ถ้วนของทุกๆ คนจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสามปี
สามปีของเว่ยหนิงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ นางติดตามกู้หวนอวี้ไปร่วมศึกกับเขาหลายครั้ง จากความไม่สบายใจที่จะต้องฟาดฟันศัตรูในตอนแรก นางได้กลายเป็นแม่ทัพหญิงที่เก่งกาจ
ชื่อเสียงของ “แม่ทัพปีศาจ” ค่อยๆ โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ในต้าฉู่ก็มีข่าวลือของแม่ทัพคนนี้ว่ากันว่าเขาเป็นแม่ทัพที่มีรอยแผลน่าเกลียดบนใบหน้า แท้จริงแล้วเป็นหญิงวัยกลางคนที่ถูกสามีทอดทิ้ง นางจึงเข้ามาในกองทัพของกู้หวนอวี้
ว่ากันว่าแม่ทัพคนนี้คือนักล่อลวง ใครที่ถูกจับเป็นเชลยได้จะโดนทำให้เป็นตัวตลกได้รับความอับอาย
ข่าวลือค่อยๆ แพร่กระจายและยิ่งไร้สาระมากขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรชาวต้าฉู่ก็หวาดกลัวนางไปเสียแล้ว
ค่ายทหารของต้าโจว
มีชายฉกรรจ์พากันนั่งนอนผึ่งแดดกันอย่างเกียจคร้าน โดยมีเด็กสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่กลางวงล้อม
ความไร้เดียงสาบนใบหน้าของนางหายไปจนหมด เว่ยหนิงเติบโตขึ้น นางมีดวงตากลมโตสวยงาม ผิวขาวอ่อนโยน จมูกเล็กๆ น่ารัก รวมกันแล้วคือความงดงามอย่างประณีต
นางเป็นสาวงามตามธรรมชาติ ปราศจากการปรุงแต่ง แม้ว่าจะต้องโดนแสงแดดแรงกล้าหรือแม้แต่ต้องลงไปคลุกโคลนพร้อมกับทหารกล้า แต่ผิวของเว่ยหนิงก็ยังคงผุดผ่องราวกับกระเบื้องเคลือบ แม้แต่ทหารหนุ่มๆ ที่รู้จักนางมาถึงสามปีแล้วก็ยังไม่กล้าที่จะมองท่านแม่ทัพเว่ยตรงๆ
“ฮ่าๆๆ เหตุใดจะแต่งงานไม่ได้? หากเว่ยหนิงของพวกเราอยากแต่งงานจริงๆ คงมีคนรอต่อแถวยาวจากที่นี่ไปถึงเมืองหลวงโน่นแหละ”
“แต่คงไม่มีใครผ่านด่านของท่านแม่ทัพไปได้แน่นอน อย่างไรก็ตามเว่ยหนิงของเราต้องคู่ควรกับบุรุษที่ดีที่สุดอยู่แล้ว”
“พวกต้าฉู่ต้องน้ำลายไหลแน่เมื่อเห็น มันยังปากดีพูดว่าเว่ยหนิงของเราน่าเกลียด แต่งงานกับแม่หมูดีกว่าแม่ทัพปีศาจ ข้าล่ะอยากให้พวกมันเห็นความงามของเว่ยหนิงของพวกเรานัก”
“เว่ยหนิงเป็นสมบัติของต้าโจว พวกเราจะไม่ยอมไอ้พวกหน้าโง่ต้าฉู่ได้เห็นหรอก”
ทุกคนพูดพร้อมกับหัวเราะครืนออกมา
เมื่อได้ยินข่าวลือของต้าฉู่ เว่ยหนิงมีรอยยิ้มซุกซนประดับบนใบหน้ายิ่งช่วยเพิ่มให้หญิงสาวดูมีเสน่ห์แพรวพราวยิ่งขึ้น
ช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาเว่ยหนิงติดนิสัยของทหารเหล่านี้มาจนกลมกลืนไปกับพวกเขา มีเพียงสิ่งเดียวที่เว่ยหนิงไม่พอใจก็คือ อาจารย์ของนางหายหน้าไปหนึ่งปีแล้ว อาจารย์จะมาเยี่ยมในวันเกิดของนางทุกปีเท่านั้น
แต่บางครั้งที่นางป่วยหรือบาดเจ็บ นางจะฝันถึงเขาตลอด อาจารย์จะปลอบเว่ยหนิงในความฝัน เหมือนตอนที่นางยังเป็นเด็กเล็กๆ
เว่ยหนิงเท้าคาง ความคิดล่องลอยไปไกล ในเวลานี้นางไม่รู้ว่าอาจารย์อยู่ที่ไหน เขาจะเจอคนที่ถูกใจร่วมเดินทางไปกับเขาหรือไม่?
แคว้นต้าฉู่
จวนท่านอ๋องเหยา
ชายหนุ่มคนหนึ่งเปลือยกายท่อนบนกำลังฝึกเพลงดาบอยู่ เขาเป็นแค่เด็กหนุ่ม ทว่าร่างกายกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อดูแข็งแรง ทักษะการใช้ดาบของเขาเฉียบคม ท่าทีอันตรายแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง
ถ้าพิศดูอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่เกิดจากรอยดาบที่ฟันลึก ทั้งหมดนี้คือของฝากจากสนามรบ
แม้ว่าจะยังอายุน้อย แต่เขาเข้าร่วมในการต่อสู้มานานหลายปีแล้ว อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในกองทัพฉู่เป็นอย่างมากอีกด้วย
ต้าโจวมีแม่ทัพปีศาจ ต้าฉู่ก็มีแม่ทัพฟ้าคำรามเช่นกัน ทั้งคู่เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงเติบโตไปพร้อมๆกัน
เมื่อเขาเดินออกจากลานฝึก ชายอายุใกล้เคียงกับเขาเดินเข้ามาโอบไหล่
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าเคยเห็นแม่ทัพปีศาจคนนั้นไหม? นางน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนดั่งที่เขาร่ำลือกันหรือไม่?”คนผู้นั้นถามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มคนนี้ชอบที่จะเขียนเรื่องราวของคนแปลกหน้า โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เขาสนใจคือแม่ทัพปีศาจผู้นี้ เนื่องจากไม่มีใครได้ล่วงรู้ข้อมูลของนางเลย เขาจึงได้แต่พึ่งพาลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเขาเท่านั้น
ฉู่เฉิงเหยาเก็บดาบของเขาโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาให้เห็น
แม้ทั้งสองต่างเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงทั้งคู่ แต่ในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา ยามที่สองแคว้นประทะกันบ่อยครั้ง ฉู่เฉิงเหยาก็ไม่เคยได้ประมือกับแม่ทัพปีศาจผู้นั้นเลย เขาส่ายศีรษะเดินออกไป แต่ชายหนุ่มในชุดขาวรีบจับมือเขาไว้
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าได้ยินข่าวลือของนางเพิ่มเติมหรือไม่? มีใครเคยเห็นนางอีก นางน่าเกลียดขนาดที่ต้องสวมหน้ากากปิดบังเอาไว้ หรือแท้จริงแล้วนางเป็นสาวงามจนไม่มีใครเทียบได้ หากครั้งหน้าเจ้าได้พบเจอ เจ้าต้องมองหน้านางให้ชัดๆแล้วเอามาบอกข้า…”
ในขณะที่เขากำลังพูด ฉู่เฉิงเหยาสะบัดเขาออกไปอย่างรำคาญ อีกฝ่ายยังตะโกนไล่หลังเขามา ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากของตัวเอง การต่อสู้หลายปีของเขานั้น เขาสนใจเพียงแค่คู่ต่อสู้และจุดอ่อนของศัตรูเท่านั้น ไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของใคร แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ หลังจากนั้นเขาได้พบกับแม่ทัพปีศาจเข้าจริงๆ
ครั้งนั้นท่านอ๋องเหยารีบเร่งนำทัพไปสนามรบเพื่อเสริมกำลังทหารแต่ถูกขวางเอาไว้เสียก่อน
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นไปได้?
แม่ทัพที่นำทัพในครั้งนี้คือแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงของแคว้นฉู่ นามว่าหวู่เตี่ยมู่ เขาเป็นคนโหดเหี้ยมเลวทรามกระหายเลือด กลยุทธ์ของเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง ปัญหาเดียวของเขาคือ เขาเป็นพวกหยิ่งยโส ยิ่งไปกว่านั้นเขาสนับสนุนองค์ชายรองที่เป็นน้องชายของฉู่เฉิงเหยา เขาไม่ชอบหน้าฉู่เฉิงเหยาด้วยซ้ำ
เมื่อฮ่องเต้ฉู่โยนฉู่เฉิงเหยาเข้ากองทัพเพื่อฝึกฝน หวู่เตี่ยมู่จึงขัดแข้งขัดขาด้วยความไม่ชอบหน้าเขาเป็นทุนเดิม แต่กระนั้นภายใต้ความยากลำบากและแรงกดดันที่หนักหน่วงก็ยังทำให้หงส์ไฟหนุ่มอย่างฉู่เฉิงเหยาผงาดขึ้นมาโดดเด่นในกองทัพจนได้
ครั้งนี้แม้หวู่เตี่ยมู่จะอยู่ในภาวะวิกฤต เเต่เขาก็หยิ่งผยองเกินว่าจะขอกำลังเสริมจากฉู่เฉิงเหยา
ฉู่เฉิงเหยาจึงปักหลักฐานทัพพร้อมนายทหารนับหมื่นอยู่ที่เดิมไม่รุกหน้าและไม่ถอยหลัง สุดท้ายแล้วแม่ทัพหวู่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ฉู่เฉิงเหยาจึงได้เคลื่อนกองกำลังของเขาไปช่วย
เขาบังเอิญได้เห็นภาพตอนที่หวู่เตี่ยมู่ผู้น่าเวทนาถูกสังหารเข้าพอดี
ภายใต้แสงตะวันมีร่างหนึ่งกระโจนขึ้นมาและแทงทะลุหัวใจของแม่ทัพหวู่ด้วยดาบเล่มยาว
แม่ทัพหวู่ผู้หยิ่งยโสราวกับว่าใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดจะเอาชนะเขาได้ กลับถูกดาบแทงทะลุเข้าที่หัวใจ คนผู้นั้นมีรูปร่างเล็ก อายุยังไม่มาก เป็นสตรีบอบบางดูอ่อนแอ แต่มีรัศมีเข่นฆ่ามากกว่าผู้ชายอกสามศอกเสียอีก
ฉากที่น่าตื่นตะลึงท่ามกลางทะเลเลือดและภูเขาแห่งซากศพยังคงฝังแน่นอยู่ภายในหัวใจของฉู่เฉิงเหยายากที่จะลบเลือน
ฉู่เฉิงเหยาตกตะลึงแต่ภายหลังจึงได้สติ ครั้งนั้นเขามาทันเวลาจนทำให้กู้เมืองชายแดนเอาไว้ได้ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากตนเองมาช้าไปเพียงหนึ่งก้าว
เมืองคงแตกพ่าย ต้าโจวคงรุกคืบเข้ามาได้ นั่นจะเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ของแคว้นต้าฉู่เป็นแน่
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เฉิงเหยารู้ว่าแม่ทัพปีศาจของต้าโจวน่ากลัวมากเพียงใด
หลังจากการสู้รบในครั้งนั้น ต้าฉู่บาดเจ็บสาหัสจนต้องล่าถอยกลับไปเลียแผล
ฉู่เฉิงเหยากลับมาที่เมืองหลวง ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ให้ความสนใจกับข่าวของแม่ทัพปีศาจอย่างไม่รู้ตัว
นางเหมือนดวงดาวที่ร่วงหล่นมาจากนภากว้าง การต่อสู้จนชนะครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เป็นที่หวั่นเกรงของศัตรู เขามองดูรูปของแม่ทัพปีศาจในมือพลางคิดว่านางไม่ใช่คนน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่ใครๆ พูดกันเลยสักนิดเดียว