เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 825 ตอนพิเศษ ซานเป่า ตัวตนใหม่
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 825 ตอนพิเศษ ซานเป่า ตัวตนใหม่
บทที่ 825 ตอนพิเศษ ซานเป่า ตัวตนใหม่
ขนตายาวของหญิงสาวกะพริบเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ เปิดออกช้าๆ ดวงตาหรี่ลงคล้ายจะปรับแสงสว่างจ้าที่ตรงหน้า แววตาของนางสับสน
“ข้าเป็นใคร…เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่? พวกเจ้าเป็นใครกัน?” นางเปิดปากพูด รู้สึกถึงลำคอที่แห้งผากของตน
“แม่นาง..ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นใคร?
แต่ก่อนที่ชุ่ยหลู่จะพูดจบชุ่ยหงบีบแขนนางไว้ทันที
“โอ๊ย!”
“หยุดรบกวนคุณหนูเสียที เจ้าออกไปก่อน” ชุ่ยหงว่า แล้วผลักน้องสาวออกไปจากห้อง นางปิดประตูลงแล้วหันไปมองหญิงสาวที่งดงามตรงหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคารพ
“คุณหนูจำอะไรไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ?” หญิงสาวผู้นั้นแตะศีรษะตัวเองรู้สึกว่าปวดหัวมาก นางส่ายหน้า
“จำไม่ได้”
“ท่านแซ่จู ท่านเป็นคุณหนูของพวกบ่าวเจ้าค่ะ พวกเราเดินทางมาจากเมืองเป่ยเฟิง กำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ” ชุ่ยหงว่า
“ฝ่าบาททรงพระราชทานพิธีอภิเษกเสกสมรสให้กับคุณหนูและท่านอ๋องเหยา บ่าวติดตามคุณหนูมาแต่เพราะคุณหนูไม่อยากแต่งงานจึงปลิดชีพตัวเองในแม่น้ำ”
ตำแหน่งของท่านอ๋องค่อนข้างคลุมเครือ ว่ากันว่าเป็นองค์ชายที่ไร้ประโยชน์ แต่ไม่ใช่เลย เขาเป็นแม่ทัพที่นำการรบหลายครั้งและมีชื่อเสียงมาก เพียงแต่ ฮ่องเต้ไม่พอใจในตัวของเขา ทำให้ถูกเพิกเฉยไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรในการครองบัลลังก์
ฮ่องเต้ฉู่นั้นโปรดปรานสนมหลี่มารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายรองมากกว่า เขาจึงมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้ครองบัลลังก์ องค์ชายรองกลัวท่านอ๋องเหยามาก จึงจงใจสร้างความลำบากใจให้เขาหลายต่อหลายครั้ง
การแต่งงานในครั้งนี้ก็เช่นกัน…
คุณหนูเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองเป่ยเฟิง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าโง่เขลา ปัญญาอ่อน การแต่งงานในครั้งนี้ย่อมเป็นการหวังสร้างความอับอายให้แก่ท่านอ๋องเหยา ชีวิตหลังแต่งงานของคุณหนูย่อมไม่ราบรื่นนัก
ยิ่งไปกว่านั้น นางได้รับรู้เรื่องราวที่เลวร้ายของว่าที่สามีจากคุณหนูใหญ่อีกด้วย นางเล่าให้น้องสาวฟังว่าท่านอ๋องเหยาเป็นคนเจ้าอารมณ์ และชอบฆ่าฟันผู้คน เขาชอบทรมานสาวใช้ จนตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่ คุณหนูของนางกลัวมากจนปฏิเสธที่จะเข้าพิธีสมรสในครั้งนี้
สุดท้ายแล้วนายท่านก็มัดนาง โยนเข้ามาในรถม้า
ระหว่างทางพวกเขาต่างจับจ้องระวังคุณหนู แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อถึงเมืองลู่สุ่ย คุณหนูจะหายตัวไป ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เมืองนี้มานาน และจนปัญญา ไม่อาจคิดหาหนทางแก้ไขได้
แต่เมื่อครู่นี้เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวผู้นี้สูญเสียความทรงจำ ชุ่ยหงจึงตัดสินใจเสี่ยงที่จะให้นางสวมรอยเป็นคุณหนู
เมื่อนางเล่าเรื่องราวทั้งหมดหญิงสาวตรงหน้าพยักหน้าคล้ายกับเชื่อในคำบอกเล่าของนาง
“คุณหนูพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแล้ว ไม่เช่นนั้นจะถูกตำหนิที่ล่าช้าเสียเวลาไปขนาดนี้”
“ข้ารู้แล้ว” นางพยักหน้า
ชุ่ยหงเดินออกจากห้องไป ทันทีที่นางเดินออกไปก็ถูกรั้งมือเอาไว้
“พี่สาว เหตุใดท่านถึงหลอกผู้หญิงคนนั้น?”
“ชุ่ยหลู่เจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่?” นางถาม น้องสาวตกใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“เรียกเหลียงเฉิงและคนอื่นมา” ชุ่ยหงสั่ง
ชุ่ยหลู่ที่เชื่อฟัง รีบปฏิบัติตามคำสั่งของพี่สาวทันที ทั้งเหลียงเฉิงและผู้คุ้มกันอีกห้าคนเข้ามาหานางพวกเขาทั้งเจ็ดอัดกันอยู่ในห้อง พูดคุยกันเสียงเบา
“อะไรนะ เจ้าจะเอานางมาสวมรอยแทนคุณหนูหรือ หากถูกจับได้ต้องเป็นเรื่องแน่”
“แต่ถ้าไม่ทำ พวกเราก็โดนโทษประหารชีวิตทันที” ชุ่ยหงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทุกคนเงียบเสียงลงไป
“ข้าเห็นด้วย อย่างน้อยก็ทำให้พวกเรารอดตาย”
“ใช่ข้าก็เห็นด้วย
“เหลียงเฉิงเป็นคนช่วยชีวิตนาง ไม่เช่นนั้นนางก็ตายไปแล้ว นี่ถือได้ว่าเป็นการทดแทนบุญคุณ”
ชุ่ยหลู่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมาเลย นางเพิ่งตัดสินใจได้ เมื่อทุกคนทยอยจากห้อง สุดท้ายก็เหลือเพียงสองพี่น้องเท่านั้น
“ชุ่ยหลู่เจ้าต้องระวังอย่าให้นางสงสัยน่ะ รู้หรือไม่?” นางพูดกับน้องสาวด้วยสีหน้าจริงจัง ชุ่ยหลู่ตกตะลึง
“ข้ารู้ แต่ข้ากลัว..”
“เจ้าหันหน้าเข้ากำแพง พูดว่าหญิงสาวผู้นั้นคือคุณหนูสักพันครั้ง”
“โอ้..” ภายใต้สายตาที่เข้มงวดของพี่สาว นางปฏิบัติตามทันที
ในอีกห้องหนึ่ง หญิงสาวที่อยู่บนเตียงลืมตาขึ้น จิตใจที่ยุ่งเหยิงสับสนของนาง จำได้เพียงบางอย่างเท่านั้น อย่างเช่นชื่อของนางน่าจะมีคำว่าหนิงอยู่ด้วย เพราะมีคนเรียกนางว่าเว่ยหนิง
ช่างเถอะ! อย่าคิดถึงมันอีกเลย.. ร่างกายที่เหนื่อยล้าและบาดเจ็บทำให้นางหลับตาลงอีกครั้ง
…..
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มีรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนตัวเข้าไปในต้าฉู่ คนขับเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา ในรถม้าที่ผู้ใหญ่สามคนและเด็กสองคน ผู้ใหญ่ในที่นี้คือตู้เย่ ถังหลี่และเว่ยฉิง ใบหน้าของตู้เย่ยังคงงดงามเช่นเดิม แม้ว่าจะมีผมหงอกขาวแซมขึ้น แต่ก็ทำให้ดูหล่อเหลาแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
เว่ยฉิงนั่งข้างๆ ถังหลี่ เขาพยายามเข้าไปในอ้อมแขนของภรรยา แต่ถูกหญิงสาวดันออกไป มู่เป่ากับถังเป่ามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าด้วยสายตาว่างเปล่า
ปีนี้เด็กน้อยทั้งสองอายุได้เจ็ดขวบแล้ว พวกเขาโตขึ้นมาก ทั้งคู่มัดผมเกล้ามวย ริมฝีปากสีแดงสด ฟันขาวเรียบดูน่าเอ็นดู
ถังหลี่กำลังคิดถึงคำพูดของเทียนเต๋า ลิขิตสวรรค์ผู้นั้นชี้นำทางมายังแคว้นต้าฉู่ เว่ยหนิงกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
เหตุใดต้องต้าฉู่?
แต่บุตรสาวของนางฉลาดมาก แม้จะตกอยู่ในอันตราย ซานเป่าก็ช่วยเหลือตัวเองให้รอดได้อย่างแน่นอน
หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ซานเป่าความจำเสื่อม…
ในนิยายนองเลือดที่เคยอ่านพบเจอ การกระโดดตกจากหน้าผาส่วนใหญ่จะทำให้ความจำเสื่อม นางไม่เคยได้สัมผัสด้วยตนเอง แต่เขากลับทำให้ซานเป่าความจำเสื่อม
ถังหลี่นึกสาบแช่งเทียนต๋าอยู่ในใจนับพันครั้ง
ซานเป่าเป็นเด็กฉลาด อย่างไรเสียก็ต้องเอาตัวรอดได้เป็นแน่ ถังหลี่เชื่อเช่นนั้น
…
วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่เว่ยหนิงฟื้นขึ้นมา ไม่นานนักก็มีสาวใช้เข้ามาหา มีนามว่าชุ่ยหลู่ นางหน้าตาเหมือนชุ่ยหง เพียงแต่ว่าชุ่ยหลู่ไม่ค่อยพูดมากนัก เวลาเว่ยหนิงถามอะไร นางจะหลบเลี่ยงเปลี่ยนเรื่องเสมอ
เมื่ออาบน้ำชำระล้างตัวเรียบร้อยดีแล้ว ชุ่ยหงที่หน้าตาเหมือนชุ่ยหลู่แต่ดูสงบกว่าก็เดินเข้ามาในห้อง
“คุณหนู ใบหน้าของท่านงดงามมากแต่เราต้องเดินทางผ่านภูเขากันดาร หากมีหน้าตาโดดเด่นเกินไปจะนำภัยอันตรายมาสู่ท่านได้ ข้าจำต้องแต่งแต้มสีบนหน้าของท่าน” ชุ่ยหงอธิบาย
เว่ยหนิงรู้สึกคลับคลายคลับคราว่านางมีความชื่นชอบที่จะปิดบังใบหน้าของตน ดูเหมือนนางจะทำเป็นเรื่องปกติ หญิงสาวพยักหน้า
ชุ่ยหงหยิบพู่กันขึ้นมาวาดบนใบหน้าของเว่ยหนิง หญิงสาวพบว่าทักษะการแต่งหน้าของชุ่ยหงดีมาก นางวาดแผลเป็นสองรอยบนใบหน้า ทันใดนั้นใบหน้าเล็กๆ งดงามของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดจนทำให้ผู้ที่พบเห็นตกใจได้
“ชุ่ยหง เหตุใดที่ร่างกายของข้าถึงได้มีบาดแผลถูกแทงเต็มไปหมดเช่นนี้” เว่ยหนิงถาม นางสับสน นางเป็นคุณหนูอยู่แต่ในห้องหอแล้วเหตุใดจึงมีบาดแผลมากมายเช่นนี้ ชุ่ยหงตกใจเล็กน้อยก่อนจะคิดคำแก้ต่างอย่างรวดเร็ว
“ในตอนที่คุณหนูอยู่บ้าน คุณหนูไม่เป็นที่โปรดปรานมากนัก คุณหนูใหญ่จึงทำร้ายท่านเสมอ”
เป็นเช่นนั้นเองหรือ?
เว่ยหนิงคิดทบทวนแล้ว รู้สึกไม่ชอบหน้าคุณหนูใหญ่ผู้นั้นเลย
หลังจากที่เว่ยหนิงกินอาหารเช้าแล้ว ชุ่ยหงและชุ่ยหลู่ก็พานางออกไปยังรถม้าทันที คนขับรถม้าเป็นเด็กหนุ่มท่าทางสดใส เขามองเว่ยหนิงอย่างหลบเลี่ยง นางรู้สึกแปลกใจไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกไป แต่เมื่อคิดได้ว่าเว่ยหนิงกำลังบาดเจ็บ รถม้าจึงได้เคลื่อนที่ช้าลง
“คุณหนู เราออกเดินทางมาเกือบสิบวันแล้ว เราใช้เวลาห้าวันถึงเมืองลู่สุ่ย คุณหนูตกน้ำทำให้เสียเวลาในการพักฟื้นอักห้าวัน” ชุ่ยหงอธิบาย “เราอาจจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการเดินทางถึงเมืองหลวง”
เว่ยหนิงพยักหน้า ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อย นางหลับตาลงเพื่อพักผ่อน พวกเขากินมื้อเที่ยงกันริมถนน เว่ยหนิงกินขนมรสชาติดี ในขณะที่ชุ่ยหลู่กินหมั่นโถวก้อนใหญ่ นางดูมีความสุขที่ได้กิน ริมฝีปากเต็มไปด้วยเศษขนม เว่ยหนิงยื่นขนมให้กับชุ่ยหลู่อีกหนึ่งชิ้น สาวใช้มองไปขนมอย่างตกตะลึง แม้จะอยากกินมันแต่นางละอายเกินกว่าจะรับไว้
“กินเถอะ” เว่ยหนิงว่า
ชุ่ยหลู่เอื้อมมือไปหยิบ พบว่าอร่อยกว่าหมั่นโถวที่นางถืออยู่มาก เมื่อชุ่ยหลู่กินเสร็จแล้วเว่ยหนิงถามขึ้นทันที
“ชุ่ยหลู่ ข้าเป็นคุณหนูในห้องหอ แล้วเหตุใดข้าถึงได้รู้วิทยายุทธล่ะ?”
ดวงตาของนางเบิกกว้าง นางไม่รู้จะตอบอย่างไร?