เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 826 ตอนพิเศษ ซานเป่า เผชิญหน้ากับโจรป่า
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 826 ตอนพิเศษ ซานเป่า เผชิญหน้ากับโจรป่า
บทที่ 826 ตอนพิเศษ ซานเป่า เผชิญหน้ากับโจรป่า
“คุณหนู ข้าเป็นคนติดต่ออาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้มาให้ท่าน คุณหนูจำไม่ได้หรือเจ้าคะ? ” เสียงของชุ่ยหงดังขึ้น
“ข้าขอโทษ ข้าลืมไปว่าคุณหนูเสียความทรงจำ”
เว่ยหนิงหลับตาลง ปิดซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ นางกินอาหารต่อ หลังจากเดินทางติดต่อกันหลายวัน ร่างกายของเว่ยหนิงซึ่งมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วประกอบกับได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ร่างกายจึงได้ฟื้นฟูดีขึ้นตามลำดับอย่างรวดเร็ว
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เว่ยหนิงรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้มีเรื่องบางอย่างปิดบังเอาไว้ พวกเขาไม่ได้พูดเรื่องจริง
แต่ความทรงจำของนางยังไม่กลับคืนมา อย่างไรก็ตามความทรงจำของเว่ยหนิงไม่แน่นอน นางไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ทว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ทำร้ายนาง ซ้ำยังดูแลนางเป็นอย่างดีอีกด้วย
ในตอนที่พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดิน รถม้าเคลื่อนตัวช้าๆ ให้ความรู้สึกเป็นลางไม่ค่อยดี ภายในรถม้าเว่ยหนิงมองไปยังเครื่องรางที่ห้อยอยู่ที่คอตัวเองพลางขมวดคิ้ว
นางรู้สึกว่าเครื่องรางนี้มีความสำคัญและพิเศษสำหรับนางมาก แต่นางจำไม่ได้ว่าได้มาจากที่ไหนหรือใครเป็นคนให้มา ในตอนนั้นรถม้าก็หยุดกระทันหัน
“คุณหนูระวังตัวด้วยขอรับ มีโจร” เสียงตะโกนดังมาจากด้านนอกพร้อมเสียงกรีดร้อง สีหน้าของชุ่ยหลู่ซีดลง ชุ่ยหงเปิดม่านออกเห็นโจรมากมาย หนึ่งในนั้นใช้ดาบฟันผู้คุ้มกันที่นางคุ้นหน้าจนเลือดไหลออกมา
ใบหน้าของชุ่ยหงซีดลงทันที
เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนับว่าเป็นหายนะที่นางต้องตั้งสติให้ดี ไม่เช่นนั้นแล้วคงต้องตายด้วยน้ำมือโจรเป็นแน่
ชุ่ยหงกัดฟันพยายามขึ้นไปในรถม้า ในตอนนั้นเองที่ดาบเล่มหนึ่งฟันมาที่ชุ่ยหง นางตกใจจนอ้าปากค้าง หัวใจเกือบหยุดเต้น แต่อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาคนที่จะฟันนางก็กระเด็นออกไป
ร่างๆ หนึ่งกระโจนลงมาจากรถม้า เตะโจรที่อยู่ใกล้ๆ จนกระเด็นออกไปพร้อมกับฉวยแย่งดาบในมือของมันมากระชับถือไว้
หญิงสาวแกว่งดาบ แม้ว่ารูปร่างจะบอบบาง แต่ดูเหมือนว่านางกับดาบเกิดมาคู่กัน
ทักษะดาบของนางว่องไวมาก นางสังหารโจรหลายคนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับช่วยเหลียงเฉิงจากวิถีดาบ หัวหน้าโจรสังเกตเห็นจึงใช้ดาบชี้ไปที่นางทันที
“จับนังสารเลวนั่นมา!”
โจรทั้งหมดพุ่งเข้าไปหาเว่ยหนิงทันที นางมองกลุ่มโจรทั้งสิบตรงหน้าด้วยท่าทีองอาจ หญิงสาวแกว่งดาบเล่มใหญ่ในมือ ฟันไปเข้าไปยังโจรที่เข้ามาใกล้ที่สุด
โจรพวกนั้นไม่สามารถเข้ามาใกล้นางได้เลย แค่การเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง นางก็จัดการพวกมันได้ทั้งหมด
สตรีผู้นี้น่ากลัวเกินไป นางไม่เหมือนมนุษย์แต่เป็นปีศาจร้ายเสียมากกว่า พวกมันหวาดกลัวจนแข็งขาอ่อนแรง ไร้จิตใจจะต่อสู้ ได้แต่วิ่งหนีไป
เมื่อเว่ยหนิงหันกลับมามองผู้คนร่วมคณะ สายตาของพวกเขาจ้องมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
พวกเขาตกใจหวาดกลัวระคนยินดีที่ตนเองเอาชีวิตรอดมาได้ ไม่มีใครคิดว่านางจะมีฝีมือถึงขนาดนี้ นางเก่งกาจมากไม่เช่นนั้นพวกเขาคงต้องตายหมู่เป็นแน่
ชุ่ยหงเขย่าตัวชุ่ยหลู่ นางตอบสนองร้องขึ้นมา
เหลียงเฉิงรีบกวาดตากลุ่มคนที่เหลือของตน หลายคนไม่รอดชีวิต เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น โจรพวกนั้นโหดร้ายมาก ใครที่ตกอยู่ในกำมือ พวกมันฆ่าทิ้งหมด แม้ว่าเว่ยหนิงจะจัดการเร็วแค่ไหนก็ตาม ก็ยังมีคนไม่รอดชีวิตอยู่ดี
เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้ผู้คุ้มกันทั้งสองคน
“คุณหนู เราไปนั่งที่อื่นเถอะเจ้าค่ะ” ชุ่ยหงพูดขึ้น ทุกคนเห็นด้วยจึงออกมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้โดยมีเหลียงเฉิงคอยก่อกองไฟให้
“คุณหนู ข้าไปฝังพวกเขาก่อนนะขอรับ” เหลียงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หญิงสาวพยักหน้า
ชุ่ยหงวิ่งไปหยิบอาหารจากรถม้า แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยากกินอะไรเลย ใบหน้าของพวกเขายังคงตื่นตระหนก
“พี่สาว นางช่วยพวกเราไว้..อย่าโกหกนางเลย” ชุ่ยหลู่บอก ชุ่ยหงเม้มริมฝีปาก
“บอกความจริงนางแล้วเราหนีไปซ่อนบนภูเขากันเถอะ” ชุ่ยหลู่ว่า ในตอนนั้นชุ่ยหงจึงได้เปิดปากพูดตอบนางออกมา
“เด็กโง่ การซ่อนตัวใช่ว่าจะง่าย การใช้ชีวิตบนภูเขาก็ด้วย”
“พี่สาวแต่ข้าไม่กลัว..อย่าทำร้ายคนอื่นเลยนะ พี่เหลียงเฉิง และคนอื่นก็คงคิดแบบเดียวกัน” ชุ่ยหลู่กล่าว
ชุ่ยหงมองน้องสาวด้วยแววตาภูมิใจ นางมักจะคิดว่าน้องสาวตัวเองโง่เขลาไร้ความคิด เอาแต่พึ่งพานางตลอด แต่อันที่จริงแล้ว นางก็มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน
สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง…
“ใช่” ชุ่ยหงพยักหน้า
นางกลับไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ เห็นหญิงสาวกำลังนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ แสงไฟสะท้อนส่องให้เห็นว่าใบหน้าของนางขาวเนียนราวกับหยกมันแพะ รอยแผลที่แต่งไว้ดูจางลง ชุ่ยหงเดินเข้าไปทำท่าจะเอาเสื้อคลุมให้นาง แต่หญิงสาวประสาทสัมผัสไวมาก นางตื่นขึ้นมาทันที แววตาของนางเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ทำให้ชุ่ยหงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“ข้ากำลงจะปลุกท่าน…” หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ชุ่ยหงทั้งยำเกรงและเคารพหญิงสาวผู้นี้มาก
“แม่นาง ข้ามีเรื่องอยากจะสารภาพ” ชุ่ยหงลังเลครู่หนึ่ง หญิงสาวมองพร้อมพยักหน้า
“อันที่จริง ท่านไม่ใช่คุณหนูของพวกเรา” ชุ่ยหงตัดสินใจเปิดปากพูดความจริง
“คุณหนูของข้าหายไปในตอนที่อยู่เมืองลู่สุ่ย ไม่ว่าหาเท่าไรก็ไม่พบ เหลียงเฉิงเป็นคนช่วยท่านขึ้นมาจากแม่น้ำโดยไม่รู้ว่าท่านคือใคร”
“แม่นาง ขอบคุณที่ช่วยพวกเราไว้ ท่านไปเถอะ”
เว่ยหนิงไม่แปลกใจกับคำพูดของชุ่ยหงเท่าไหร่นัก ความจริงนั้นนางพอเดาได้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คุณหนูสกุลจู ที่มือของนางมีหนังด้านมากมายไม่ใช่มือของคุณหนูทั่วไปควรจะมี คุณหนูในห้องหอส่วนใหญ่แล้วจะแค่เรียนการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น พวกนางจะเชี่ยวชาญเรื่องการปักผ้าและเขียนอักษรวิจิตรมากกว่า แต่ทุกการเคลื่อนไหวของนางมีจุดมุ่งหมายเพื่อฆ่าศัตรู นางย่อมไม่ใช่คุณหนูสกุลจูแน่นอน…
“ถ้าข้าไปแล้วทุกคนจะทำอย่างไร?” เว่ยหนิงมองชุ่ยหง
“พวกเจ้าทำคุณหนูหายไปย่อมถูกลงโทษแน่นั่นคือเหตุผลที่เจ้าโกหกข้า”
“แม่นาง คุณหนูของเราค่อนข้างโง่เขลา หากนางต้องเข้าพิธีแต่งงานกับท่านอ๋องเหยาจริงๆ นางคงไม่มีความสุข นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย” ชุ่ยหงว่า
“ท่านไปเถอะไม่ต้องห่วงพวกเรา เราจะหาวิธีเอง”
เว่ยหนิงหลุบตามองต่ำไม่พูดอะไร นางครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองชุ่ยหง
“ข้าจะไปเมืองหลวงกับเจ้า
“ท่าน..” ชุ่ยหงตกใจ
“ข้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร หากไม่ไปเมืองหลวงจะไปที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นข้ารู้สึกคุ้นเคยกับคำว่าท่านอ๋องเหยามาก บางทีเขาอาจจะเป็นคนรู้จักของข้าก็เป็นได้”
เว่ยหนิงเพียงอยากพบท่านอ๋องเหยาดูสักครั้ง ส่วนเรื่องการแต่งงาน นางไม่ได้สนใจและไม่ว่าใครก็บังคับนางไมได้