เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 829 ตอนพิเศษ ซานเป่า พบเจอ
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 829 ตอนพิเศษ ซานเป่า พบเจอ
บทที่ 829 ตอนพิเศษ ซานเป่า พบเจอ
ในเมืองหลวงที่ปกคลุมไปด้วยความมืด ร่างในชุดสีแดงเคลื่อนตัวผ่านไป
ในโรงเตี๊ยมเล็กๆเว่ยหนิงเงยหน้ามองไปยังแสงจันทร์
….
ฉู่เฉิงเหยาหลีกเลี่ยงการเจอหญิงสกุลจูและปฏิเสธทุกอย่างที่เกี่ยวกับการหมั้นหมาย พระสนมหลี่จะไม่ได้ในสิ่งที่นางต้องการ
นางจงใจสนับสนุนฮ่องเต้ในการแต่งงานครั้งนี้ เพื่อที่จะให้ฉู่เฉิงเหยาได้อับอาย
ไม่กี่วันต่อมาพระสนมหลี่มองเห็นโอกาสที่จะทำให้ฉู่เฉิงเหยาได้ขายหน้าอีกครั้ง
ฮ่องเต้ฉู่สนับสนุนการล่าสัตว์ จึงได้จัดเทศกาลล่าสัตว์ขึ้นทุกปี ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันจะมีทั้งองค์หญิง องค์ชายและลูกหลานขุนนางใหญ่โต
สตรีในแคว้นฉู่มีสถานะสูงส่งที่สุดในบรรดาแคว้นทั้งสาม พวกนางสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้หรือแม้กระทั่งเป็นขุนนางหญิงก็ย่อมได้ ในเทศกาลล่าสัตว์นี้ สตรีสามารถลงแข่งขันยิงธนูและขี่ม้าได้อีกด้วย ครั้งนี้คุณหนูสกุลจูได้รับเทียบเชิญเช่นกัน พระสนมหลี่จงใจเปิดเผยข่าวออกไป ในไม่ช้าทุกคนก็รู้เรื่องนี้
“คุณหนูสกุลจูเป็นคนโง่เง่าไม่ใช่หรือ นางจะทำอะไรได้ ขี่ม้าหรือยิงธนูได้หรือ?”
“คนโง่แบบนางจะรู้จักวิธีการล่าสัตว์ได้อย่างไร ล้อเล่นหรือเปล่า?”
“พอถึงเวลานางคงกลัวสัตว์ป่าจนปัสสาวะราด”
“พวกเราจะกลั่นแกล้งนางอย่างไรดี?”
“ว่าที่พระชายาอยู่ไหนล่ะ เหตุใดจึงไม่มีใครเคยเห็นหน้าเลย”
“นางมาถึงเมืองหลวงแล้วแต่อ๋องเหยาไม่อยากพบหน้านาง เขาจะแต่งงานกับนางหรือไม่?”
ผู้คนต่างพูดคุยกันเรื่องคุณหนูสกุลจูอย่างคึกคัก หวังจะให้นางอับอาย
ที่จวนท่านอ๋องเหยา
ใบหน้าของเจียงชูเหวินดูไม่ดี
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าจะปล่อยให้สตรีโง่งมแบบนั้นเข้าร่วมงานล่าสัตว์จริงหรือ?”
ฉู่เฉิงเหยาถือตำราทหารไว้ในมือ เขาอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ เพิกเฉยกับคำพูดเจียงชูเหวิน
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าจะกลายเป็นตัวตลกของทุกคนนะ” เขาบ่นอยู่นาน จนในที่สุดฉู่เฉิงเหยาถึงได้หันมามอง
“แล้วจะเป็นอย่างไรหรือ?”
เจียงชูเหวินกลอกตา เขามั่นใจว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาคงไม่รู้สึกสะทกสะท้านหวั่นไหวอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรมากระตุ้นอารมณ์ของเขาได้
ฉู่เฉิงเหยาเป็นคนประหลาดจริงๆ เขาให้ความสำคัญกับเรื่องที่เขาสนใจ แต่เรื่องที่เขาไม่สนใจเขาจะเพิกเฉยทันทีแม้ว่าใครจะพูดลับหลังว่าเขาอย่างไรก็ตาม
เจียงชูเหวินแทบพูดไม่ออกอีกต่อไป
“เมื่อถึงเทศกาลล่าสัตว์ ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าจะได้เห็นกับตาว่าพระชายาของเจ้าเป็นอย่างไร?”
สถานีพักม้า
เว่ยหนิงได้รับเทียบเชิญจากพระสนมหลี่ นางถามคำเดียวเท่านั้นว่า
“ข้าจะได้เจอท่านอ๋องเหยาในงานนี้หรือไม่?”
เมื่อคนมาส่งเทียบเชิญได้ยิน เขาตอบรับทันที
“ท่านอ๋องเหยาจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไป”
เขาคิดว่าคุณหนูสกุลจูดูเหมือนจะมีความรู้สึกบางอย่างกับองค์ชายเหยาและเขาจะต้องรายงานเรื่องนี้กับพระสนมหลี่
ไม่นานก็ถึงเทศกาลล่าสัตว์
สถานีพักม้า
ในตอนนั้นเว่ยหนิงและพรรคพวกดูเหมือนจะถูกลืมไปโดยสิ้นเชิง หากเป็นคนธรรมดาคงจะตื่นตระหนกมาก แต่เว่ยหนิงกลับใจเย็น บ่าวรับใช้จึงไม่ร้อนใจ พวกเขาอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม ออกไปที่ตลาดในเมืองเป็นบางครั้ง ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย
วันนี้เว่ยหนิงซื้อชุดล่าสัตว์มาใส่ในงานนี้ด้วย ชุ่ยหงและชุ่ยหลู่ประหลาดใจเมื่อได้เห็น
“คุณหนู ท่านสง่างามมาก” ชุ่ยหลู่อุทาน ชุ่ยหงมองไปยังนางอย่างอ่อนโยน พวกนางไม่เพียงแต่ประทับใจในตัวเว่ยหนิงเท่านั้น แต่ยังรู้สึกว่าใกล้ชิดหญิงสาวตรงหน้าอีกด้วย
“แม่นาง สตรีสูงศักดิ์พวกนั้นไม่ใช่พวกเคี้ยวง่าย หากพวกนางพูดอะไรไม่เข้าหูท่านก็อย่าได้ใส่ใจ”
“แต่ถึงอย่างไรก็ต้องระวังตัวให้ดีนะเจ้าคะ พวกข้าจะเฝ้ารอการกลับมาของท่าน” ชุ่ยหงพูดไม่หยุด
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครรังแกข้าได้หรอก ข้าแค่อยากเห็นท่านอ๋องเหยาเท่านั้น เผื่อว่าข้าจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”
ไม่นานนักรถม้าคันหนึ่งก็เคลื่อนมารับนางไปยังสถานที่จัดเทศกาลล่าสัตว์ งานนี้จัดอยู่บริเวณที่ล่าสัตว์หลวง ทางทิศตะวันตกของพระราชวังติดกับป่าทึบ พวกเขาทิ้งนางไว้ที่ประตูพื้นที่ล่าสัตว์และไม่สนใจนางอีก
หญิงสาวเดินเข้าไปในงาน เป็นระยะทางที่ทอดไกล นางเห็นลานกว้างขนาดใหญ่ ที่เบื้องหน้าของนางมีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ พวกเขาเป็นชายหญิงที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา จับกลุ่มเล็กๆ พูดคุยกัน เมื่อเห็นเว่ยหนิงพวกเขาก็หันมามอง
“นางเป็นใคร?”
“ใบหน้าน่ากลัวมาก”
“ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อนเลย น่าเกลียดมาก” พวกนางรวมตัวกัน คาดเดาตัวตนของเว่ยหนิงได้อย่างรวดเร็ว
“ข้าจะแกล้งนางสักหน่อย” หญิงผู้นั้นพูดพลางเดินไปหาเว่ยหนิง หญิงสาวถืองูไว้ในมือ สะกิดไหล่อีกฝ่าย เมื่อเว่ยหนิงหันกลับมานางชูงูขึ้นพยายามทำให้เว่ยหนิงหวาดกลัว แต่เสียงร้องที่คาดว่าจะได้ยินกลับไม่ดังออกมา
“งูของเจ้าไม่มีพิษ เจ้าควรจะเลี้ยงเอาไว้” เว่ยหนิงมองคนถืองูอย่างใจเย็น
หญิงสาวผู้สูงศักดิ์รู้สึกอับอายมาก
“คนโง่อะไรไม่กลัวงู”
คนหนึ่งหยิบของบางอย่างที่เหมือนลูกกวาดออกจากแขนเสื้อก่อนจะส่งมันให้กับเว่ยหนิง
“แม่นาง เอาขนมหรือไม่?” หญิงสาวผู้หนึ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน เว่ยหนิงรับไปจ่อที่จมูกเพื่อดมกลิ่น
“กลิ่นแบบนี้คงเป็นยา”
นางบีบเม็ดยาด้วยมือ ถูที่ปลายนิ้ว
“ยาระบายสำหรับม้าที่ท้องผูก ขอบใจเจ้ามาก”
หญิงผู้นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก แต่เพราะสถานะที่สูงกว่าเว่ยหนิง จึงออกคำสั่งให้นางคุกเข่า เว่ยหนิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน นางเดินจากไป ยิ่งทำให้พวกนางโกรธมาก
ฉู่เฉิงเหยาและเจียงชูเหวินเดินเคียงข้างกันมา ทันทีที่มาถึงทุกคนจับจ้องไปที่คนทั้งคู่อย่างพร้อมเพรียง เจียงชูเหวินเป็นคนกว้างขวาง เพียงถามไม่กี่คำถามก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี
“ลูกพี่ลูกน้อง ว่าที่พระชายาของเจ้าน่าสนใจมาก” เจียงชูเหวินเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับหญิงสกุลจูให้เขาฟังอย่างละเอียด
“นางไม่ได้โง่เขลาเลย อย่าได้ประมาท เจ้าคงได้พบนางในไม่ช้า”
ขณะที่เจียงชูเหวินพูดเขาก็เห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาหา ถ้าหากไม่เห็นหน้าเห็นเพียงแค่รูปร่างของนางย่อมดูสมบูรณ์แบบ หญิงสาวมีรูปร่างผอมเพรียว ขายาว เอวบาง ท่าทางสง่างาม นางสวมเสื้อผ้าที่เสริมภาพลักษณ์ให้ตนเองอย่างน่ามอง ใบหน้าเล็กได้รูป แต่น่าเสียดายที่มีรอยแผลเป็นสองแห่งบนใบหน้า ทำให้นางดูอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก
“นั่นอย่างไร มาแล้ว” เจียงชูเหวินพูดพลางสะกิดเอวของฉู่เฉิงเหยา เขาหันมาจ้องจนลูกพี่ลูกน้องรีบดึงมือกลับแทบไม่ทัน
เมื่อฉู่เฉิงเหยามองตรงไป เขาเห็นเด็กสาวร่างสูงเดินเข้ามยืนที่ตรงหน้าเขาแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ท่านคือทานอ๋องเหยาหรือ?”
ฉู่เฉิงเหยาพยักหน้ามองนางด้วยดวงตาสีเข้ม