เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 830 ตอนพิเศษ ซานเป่า เทศกาลล่าสัตว์
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 830 ตอนพิเศษ ซานเป่า เทศกาลล่าสัตว์
บทที่ 830 ตอนพิเศษ ซานเป่า เทศกาลล่าสัตว์
เมื่อคนอื่นเห็นนาง ทุกคนมองด้วยสายตาแสดงความรังเกียจออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ทว่าคนผู้นี้กลับมองด้วยสายตาธรรมดาเท่านั้น
เว่ยหนิงผิดหวัง นางคิดว่าท่านอ๋องเหยาจะดูค่อนข้างคุ้นเคยในความทรงจำของนางมากเสียอีก เว่ยหนิงสงสัยว่าเขาจะช่วยนางฟื้นความทรงจำได้หรือไม่?
แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าไม่ได้ผลเลย…
เว่ยหนิงจ้องมองชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับไป เจียงชูเหวินมองแผ่นหลังของนางอย่างตกตะลึง
เมื่อครู่นางทำหน้าผิดหวังหรือเปล่า?
ลูกพี่ลูกน้องของเขาถูกหญิงอัปลักษณ์ไม่ชอบหรือ?
หญิงสาวรู้สึกผิดหวังที่ท่านอ๋องเหยาผู้นี้ไม่ได้ช่วยให้นางฟื้นความทรงจำได้เลย เทศกาลล่าสัตว์จึงน่าเบื่อไปทันที แต่เมื่อนางเห็นม้าที่ถูกจูงมาให้ เว่ยหนิงรู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่าน
“คุณหนูจู ม้าของท่าน”
ขันทีนำม้าตัวหนึ่งมาให้เว่ยหนิง ม้าตัวนี้เป็นม้าพยศที่พระสนมหลี่เตรียมไว้สำหรับคุณหนูสกุลจูโดยเฉพาะ หวังว่ามันจะทำให้หญิงสาวอับอาย
เมื่อเว่ยหนิงจับบังเหียนไว้ ม้าก็เริ่มพยศทันที ทั้งร้องและอยากวิ่งหนี
ในขณะที่เว่ยหนิงจับม้าไว้เลือดในกายของนางพลุ่งพล่านและตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ นางอยากปราบพยศม้าตัวนี้ นี่เป็นความปรารถนาที่แรงกล้าของนาง!
หญิงสาวคิดว่าก่อนตัวเองจะสูญเสียความทรงจำ นางน่าจะชอบขี่ม้ามาก
เมื่อฮ่องเต้ฉู่ประกาศเริ่มการล่าสัตว์ ทุกคนควบม้าออกไปรวมถึงเว่ยหนิงด้วยเช่นกัน
“ลูกพี่ลูกน้อง คุณหนูจูได้ม้าตัวนั้นจะดีหรือ? มันไม่เคยถูกฝึกมาก่อน นางอาจจะตายได้” ฉู่เฉิงเหยาเหลือบมองเจียงชูเหวิน
“ข้าเคยอยากสังหารนางเพราะกลัวว่านางจะทำให้เจ้าอับอาย แต่ก็น่าเสียดายไม่น้อยหากนางจะตายลงแบบนี้” เจียงชูเหวินกล่าว
เมื่อคิดถึงท่าทีห้าวหาญที่คุณหนูจูขี่ม้าเมื่อครู่ แม้ว่านางจะอัปลักษณ์ แต่ก็มีข้อดีเหมือนกัน
“ไม่” ฉู่เฉิงเหยาพูด “นางฝึกมันได้”
เจียงชูเหวินตกตะลึง ลูกพี่ลูกน้องของเขามีสายตาที่เฉียบแหลมมาตลอด การที่เขาพูดเช่นนี้ นั่นหมายถึงเขาชื่นชมนางจริงๆ
หญิงสกุลจูเก่งขนาดนั้นเลยหรือ?
เมื่อเว่ยหนิงขี่ม้าออกไป ม้าตัวนั้นยิ่งพยศมากขึ้นมันพยายามทุกวิถีทางที่จะเหวี่ยงนางลงจากหลังม้า จากนั้นไม่นานม้าที่พยศก็ถูกเว่ยหนิงปราบลงได้
หญิงสาวขี่ม้าผ่านภูเขาและป่าทึบ ทันใดนั้น นางหยุดม้าพร้อมกับหยิบคันธนูออกมายิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ราวกับว่านางเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน นกอินทรีตัวหนึ่งตกลงมา เว่ยหนิงขมวดคิ้วมองธนูและลูกศรในมือ นางขี่ม้าแบบนี้…
ผู้คน เสียงการต่อสู้ เสียงร้องแสดงถึงความเจ็บปวด ดูเหมือนจะอยู่ในสนามรบ
แต่ไม่นานนัก เสียงต่อสู้ในชีวิตจริงก็ทำให้นางเรียกสติกลับคืนมา ใบหน้าของเว่ยหนิงเย็นชาขึ้น นางขี่ม้าตรงเข้าไปหาทิศทางที่ได้ยินเสียง
หญิงสาวเห็นว่าชายชุดดำกำลังล้อมสังหารชายหนุ่มผู้หนึ่ง คนผู้นั้นก็คือท่านอ๋องเหยา!
มือสังหารหลายคนเสียชีวิตนอนกองอยู่บนพื้น แต่ยังมีมือสังหารอีกนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาหาเขา ท่านอ๋องเหยาถูกฟันเข้าที่ไหล่ ชายหนุ่มสังหารนักฆ่าทีละคน หลายคนถูกแทงด้วยกระบวนดาบของเขา เว่ยหนิงมองเงียบๆ ไม่ได้ตัดสินใจจะเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด
ทันใดนั้นเองท่านอ๋องเหยาที่เหนื่อยล้าและหมดแรงก็ขยับริมฝีปาก เพราะระยะทางที่ห่างไกล หญิงสาวจึงไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่มือสังหารที่อยู่ใกล้ๆ ย่อมได้ยินชัดเจน
“เจ้ามาแล้ว..”
พวกนักฆ่ามองไปที่เว่ยหนิง ถือว่านางเป็นพวกเดียวกันกับท่านอ๋องเหยา พวกมันรีบพุ่งเข้ามาหาเว่ยหนิง นางไม่อาจนิ่งเฉย ได้จึงชักธนูยิงไปที่คนเหล่านั้น
ทักษะการยิงธนูของเว่ยหนิงรวดเร็ว แม่นยำมาก นางโจมตีนักฆ่าหลายคน แต่ยังมีคนที่บุกเข้ามาจู่โจมนางจนได้
เว่ยหนิงกระโดดลงจากหลังมา เตะไปยังมือของนักฆ่าผู้หนึ่ง นางฉวยดาบจากมือของอีกฝ่ายไป
เมื่อเว่ยหนิงได้ดาบก็เหมือนดั่งเสือติดปีก ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้านางได้สังหารนักฆ่าที่อยู่ล้อมรอบตัวนางจนหมด
อีกด้านหนึ่งฉู่เฉิงเหยาดูผ่อนคลายมากขึ้นเพราะความช่วยเหลือจากเว่ยหนิง
มีนักฆ่านอนอยู่ที่พื้น
ฉู่เฉิงเหยาเอามือปิดหน้าท้องบริเวณแผลถูกแทงแล้วมองไปยังสตรีตรงหน้า ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเขาเห็นนางสู้กับนักฆ่าเมื่อครู่ ภาพที่ปรากฏเข้ามาในหัวของเขาคือร่างที่อยู่ท่ามกลางทะเลเลือด
“ช่วยข้าที” ฉู่เฉิงเหยาพูดอย่างอ่อนแรง
เว่ยหนิงมองดูเขานิ่งๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงฉีกเสื้อตัวเองออกแล้วพันแผลของเขาไว้ ก่อนจะฉุดแขนให้เขาลุกขึ้นมา ม้าเหล่านั้นดูหวาดกลัว เว่ยหนิงจึงประคองเขาเดินออกไป ฉู่เฉิงเหยามองใบหน้าด้านข้างของนาง เห็นรอยแผลเป็นน่าเกลียดบนหน้าแต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ
“คุณหนูจูไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ เจ้าไม่ใช่นาง เจ้าเป็นใคร?” ฉู่เฉิงเหยาถาม
เว่ยหนิงคร้านเกินกว่าจะสนใจเขา นางไม่ตอบ
“ป้องกันตัวเองข้ายังทำไม่ได้ หากเจ้าอยากได้อะไรจากข้าก็เปล่าประโยชน์” ฉู่เฉิงเหยาว่า
ชีวิตและความตายของใครย่อมไม่เกี่ยวกับเขา ทว่าหญิงสาวคนนี้ทำให้ฉู่เฉิงเหยานึกถึงร่างในความทรงจำ คนที่ตายจากโลกนี้ไปแล้วแต่เขาหวังว่านางจะมีชีวิตรอด และอยู่อย่างปลอดภัย
“อืม” ในที่สุดเว่ยหนิงก็ตอบรับ
นางมาที่นี่เพื่อค้นหาว่าความทรงจำตัวเอง แต่เขาไม่สามารถช่วยนางได้ ดังนั้นเว่ยหนิงจึงพร้อมที่จะจากไป
ในตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น นางเห็นร่างสามร่างปรากฏขึ้น คนที่นำมาใส่ชุดสีขาวเมื่อเขาเห็นฉู่เฉิงเหยาก็ดีใจมาก
“ลูกพี่ลูกน้อง!”เมื่อเว่ยหนิงเห็นคนมารับเขาแล้ว นางปล่อยมือจากชายหนุ่มทันที เมื่อดูแผ่นหลังเห็นว่านางเดินจากไปด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
รำคาญเขาหรือ?
เมื่อเจียงชูเหวินเห็นเว่ยหนิง เขาตกตะลึงก่อนจะรุดมาหาฉู่เฉิงเหยา
“ลูกพี่ลูกน้องเจ้าสบายดีหรือไม่? เหตุใดถึงได้อยู่กับนาง”
“นางช่วยข้าไว้” ฉู่เฉิงเหยาพูดสั้นๆ
เจียงชูเหวินตกใจมาก เมื่อหันกลับมามองก็ได้เห็นร่องรอยการต่อสู้ที่ว่า
คุณหนูจูเก่งกาจมากเลยหรือ?
เจียงชูเหวินและองครักษ์หลายคนเดินตามชายหนุ่มออกจากป่าไป
“ลูกพี่ลูกน้อง หากไม่นับที่นางหน้าตาน่าเกลียด นางก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว” เจียงชูเหวินพูดออกมา เขารู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขามีท่าทีแตกต่างออกไปกับกับคุณหนูสกุลจูผู้นั้น
“เจ้าจะแต่งกับนางหรือไม่?”
“ข้าจะขอให้เสด็จพ่อทรงยกเลิกการหมั้น” ฉู่เฉิงเหยาส่ายศีรษะไปมา เจียงชูเหวินมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“ลูกพี่ลูกน้อง”
“ข้าอยู่ในวังวนคนเดียวเช่นนี้ก็ดีแล้ว เราอย่าลากคนอื่นมาเกี่ยวข้องเลย”
ท่าทีของฉู่เฉิงเหยาดูโศกเศร้าชั่วขณะก่อนจะเลือนหายราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
….
หลังจากที่เว่ยหนิงกลับมาจากเทศกาลล่าสัตว์ นางไปที่โรงเตี๊ยม ชุ่ยหงเห็นสีหน้าของนางก็พยายามคาดเดา
“แม่นางได้เจอท่านอ๋องเหยาหรือไม่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
เว่ยหนิงพยักหน้า
“ท่านมีแผนต่อหรือไม่?” ชุ่ยหงถาม
“เก็บของแล้วไปจากที่นี่กันเถอะ” เว่ยหนิงกล่าว