เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 835 ตอนพิเศษ ซานเป่า ออกจากต้าฉู่
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 835 ตอนพิเศษ ซานเป่า ออกจากต้าฉู่
บทที่ 835 ตอนพิเศษ ซานเป่า ออกจากต้าฉู่
วังท่านอ๋องเหยา
ฉู่เฉิงเหยาอยู่ในห้องที่ประตูปิดอย่างแน่นหนา มองรูปภาพที่แขวนไว้บนผนังใบหน้าที่ดุร้ายบนภาพวาดเปลี่ยนไปกลายเป็นภาพของใบหน้าที่เขาเห็นในงานเลี้ยง ใบหน้าที่น่ากลัวในสายตาของคนภายนอก ไม่ได้ดูน่ากลัวสำหรับเขา ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เห็นแต่ใบหน้าของแม่นางน้อยผู้นั้น
ฉู่เฉิงเหยาคลี่ยิ้ม เจียงชูเหวินมองแล้วตกใจ
“ลูกพี่ลูกน้อง อย่าทำข้ากลัวเลย เหตุใดหลังจากเจอผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว ท่านถึงกับเสียสติไปได้ถึงเพียงนี้ ควรให้หมอหลวงมาตรวจดูท่านสักหน่อยจะดีหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้ป่วย” เขาพูดอย่างไร้อารมณ์
“ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นอะไรไปหรือ? แล้วเหตุใดคุณหนูจูผู้นั้นถึงได้ไปอยู่กับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เล่า ท่านรู้หรือไม่?”
ฉู่เฉิงเหยาไม่สนใจ เขาหยิบกระดาษออกมาเขียนจดหมาย
เจียงชูเหวินได้แต่ยืนคอย เฝ้าดูลูกพี่ลูกน้องของตนเขียนจดหมายหาเจ้ากรมพิธีการ
“ลูกพี่ลูกน้อง ท่านต้องการจะช่วยผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของแคว้นต้าโจวหรือ?” เจียงชูเหวินแปลกใจ
ลูกพี่ลูกน้องของเขาดูเหมือนท่อนไม้ยามที่ถูกพระสนมหลี่รังแกอย่างน่าสงสาร ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่เด็กเหลือขอที่น่าสมเพช หลายปีที่ผ่านมาเขามีกองกำลังเป็นของตนเอง เจ้ากรมพิธีการผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในคนของเขาเช่นกัน
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเชื่อถือในเรื่องปรากฏการณ์บนท้องฟ้าและโหราศาสตร์ เจ้ากรมพิธีการผู้นี้จึงได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจจากฮ่องเต้มาก
ครั้งที่แล้วลูกพี่ลูกน้องก็ใช้แผนนี้ในการถอนหมั้นกับคุณหนูสกุลจู ครั้งนี้หากใช้แผนเดิมอีกมิจะกลายเป็นการดึงดูดความสนใจของพระสนมหลี่หรอกหรือ?
แม้เจียงชูเหวินจะชื่นชมท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งแคว้นต้าโจวอยู่บ้าง แต่ลูกพี่ลูกน้องของเขามีความสำคัญมากกว่า เขาจึงอดทักท้วงไม่ได้ว่า
“ลูกพี่ลูกน้อง เหตุใดเราไม่นั่งดูเฉยๆ แทนล่ะ เผื่อว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะมีแผนของพระองค์เอง…” พู่กันในมือของอ๋องเหยายังสะบัดไม่หยุด เจียงชูเหวินจึงหุบปาก เพราะรู้ว่าหากเขาได้ตัดสินใจแล้ว ก็ยากที่จะโน้มน้าวใจของเขาได้
………
ยามดึกยิ่งมืดและเต็มไปด้วยหมอก
เว่ยหนิงนอนอยู่บนเตียง ข้างกายมีน้องสาวนอนหลับสนิทอยู่เคียงข้าง หญิงสาวนอนไม่หลับ นางรู้ว่าท่านแม่ให้อาจารย์ไปส่งจดหมายขอความช่วยเหลือ แม้จะรู้ว่าอาจารย์มีวรยุทธ์สูงแต่กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
นางเคยรู้สึกว่าอาจารย์ของตนทรงพลัง ยากที่จะหาใครต่อกรกับเขาได้ แต่เมื่อได้เห็นผมสีขาวของเขา นางพลันรู้ขึ้นมาว่าที่แท้แล้วเขาไม่ใช่เทพเซียนอมตะ เขาเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ รู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายได้เช่นกัน
เว่ยหนิงไม่อาจนอนบนเตียงต่อไปได้อีก นางลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าเดินออกจากห้องแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคา อากาศในพื้นที่ตอนเหนือหนาวมาก หญิงสาวกระชับเสื้อผ้าให้แน่น มองไปรอบๆ หวังว่าอาจารย์จะกลับมาในไม่ช้า แต่หลังจากรอแล้วรอเล่า เกือบรุ่งสางจึงได้เห็นร่างที่คุ้นเคย ดวงตาของเว่ยหนิงสว่างวาบ อาจารย์กลับมาแล้ว!
เขาสังเกตเห็นนางเช่นกัน ไม่ช้า เขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเว่ยหนิง
ตู้เย่มองเด็กสาว รอยแผลเป็นบนใบหน้าถูกชะล้างออกไปเผยให้เห็นใบหน้าเดิมที่ซีดขาว ยามอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์เช่นนี้ยิ่งดูเหมือนเผือดลงไปอีก
ตู้เย่ขมวดคิ้ว “เจ้าไม่หนาวหรือ?”
“อาจารย์ ข้าเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ข้าจะกลัวความหนาวแค่นี้ได้อย่างไร?”
“ท่านพบใครบ้างหรือไม่?”
“พบ!”
“ข้ารู้ว่าหากท่านลงมือ เรื่องทุกอย่างย่อมสำเร็จ”
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของตู้เย่ เขาเป็นคนเย็นชา แต่ยามที่เขาคลี่ยิ้มกลับอ่อนโยน งดงามราวกับดอกไม้ที่ผลิขึ้นในเดือนมีนาคม
เว่ยหนิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง อาจารย์ของนางหน้าตาดีมากจริงๆ
ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ยืนอยู่บนหลังคาสักครู่ ไม่นานเว่ยหนิงก็ให้ตู้เย่ไปนอน
เขาวิ่งมาทั้งคืนน่าจะเหน็ดเหนื่อยมาก!
วันต่อมา
ครอบครัวของเว่ยฉิงพักผ่อนอยู่ในเรือนอย่างสงบ
ยามที่เฝ้าระแวดระวังอย่างหนาแน่นที่ด้านนอก เพราะกลัวพวกเขาจะหลบหนี เมื่อได้เห็นว่าทั้งครอบครัวต่างผ่อนคลาย พวกเขาจึงได้ถอนหายใจกันอย่างโล่งอก
แม้ว่าสภาพของเรือนจะถูกควบคุมอย่างแน่นหนามาก จนกระทั่งไม่มีแม้นกสักตัวที่จะบินหนีไปได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งเว่ยฉิงและถังหลี่รู้เรื่องราวภายนอกแทบทุกเรื่อง เป็นเพราะตู้เย่เข้าออกได้อย่างเงียบๆ นั่นเอง
พวกเขารู้ว่าเสิ่นเว่ยเฟิงเข้าวังหลวงในวันที่สองหลังจากที่ตู้เย่ไปส่งจดหมาย แต่อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้แคว้นฉู่ทรงไม่รับฟังคำแนะนำของเสิ่นเว่ยเฟิง แต่กระนั้นเขายังได้หว่านเมล็ดพันธ์แห่งความลังเลใจลงไป เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงตระหนักว่าการที่จะใช้เว่ยฉิงเป็นตัวประกันเพื่อแลกเมืองทั้งสองคืนมานั้นไม่คุ้มค่า หากความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้แคว้นโจวและเว่ยฉิงไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่ทุกคนเข้าใจ ฮ่องเต้แคว้นโจวอาจจะถือโอกาสนี้ให้ฮ่องเต้แคว้นฉู่ฆ่าเขาทิ้ง เพื่อที่ตัวเขาจะได้มีโอกาสระดมกองทัพ
แคว้นฉู่เพิ่งพ่ายแพ้ให้กับต้าโจวไม่นานมานี้ หากต้องเกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้แคว้นฉู่อาจจะปราชัยสูญเสียทุกอย่างเป็นแน่
ไม่นานนัก เจ้ากรมพิธีการได้ขอเข้าเฝ้าทูลถวายข้อมูลเรื่องลางร้ายจากดวงดาวที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า บ่งบอกว่าแคว้นฉู่อาจจะประสบเคราะห์หนักจากแคว้นทางทิศใต้ ฮ่องเต้ทรงไม่สบายพระทัยประกอบกับหวนคิดถึงคำทัดทานจากเสิ่นเว่ยเฟิง
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จากแคว้นต้าโจวที่แต่เดิมคิดว่าเป็นปลาตัวใหญ่อาจจะกลายเป็นมันร้อนไปแทน
พระองค์ไม่สามารถทำให้ต้าโจวขุ่นเคืองได้ แม้จะโลภแต่ก็กลัวว่าจะถูกปราบปรามมากกว่า หลังจากลังเลพระทัยอยู่นาน ในที่สุดก็ได้ตัดสินพระทัยส่งมันฝรั่งร้อนออกไป
เว่ยฉิงและถังหลี่โล่งอกที่ได้รับข่าว ชีวิตที่ประหนึ่งติดคุกเช่นนี้ต่อให้ได้รับความสะดวกสบายเช่นไร ก็ยังจะต้องคอยกังวลว่าฮ่องเต้ผู้เสียสติจะสั่งฆ่า อย่างไรเสียก็ไม่สู้อยู่บ้านจะดีกว่า
“ภรรยา ข้าคิดว่ามีผู้แอบช่วยเหลือพวกเรา ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่ราบรื่นเช่นนี้” เว่ยฉิงว่า
ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเจ้ากรมพิธีการแล้ว คงใช้เวลาอีกนานกว่าที่สมองของฮ่องเต้แคว้นฉู่จะกลับมาดั่งเดิม
ถังหลี่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด แต่เป็นใครกัน? ทั้งคู่ไม่มีเบาะแสเรื่องนี้ แต่เมื่อเว่ยหนิงได้ยิน นางก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมาทันที
เป็นเขาหรือ?
ไม่นานนักก็ถึงวันที่เว่ยฉิงและคนอื่นๆจะต้องออกจากแคว้นฉู่ ฮ่องเต้ฉู่จำเป็นจะต้องให้คนไปส่งพวกเขาออกจากแคว้น เขาจึงได้ขอให้ใครบางคนมาส่งแทน ด้วยที่ว่าไม่ปรารถนาจะเห็นหน้าของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกนั่นเอง
เมื่อตอนแรกที่ได้ยินว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งต้าโจวอยู่ที่แคว้นฉู่ ฮ่องเต้ทรงลิงโลดใจมาก คิดว่าจะสามารถควบคุมแคว้นต้าโจวได้ตามอำเภอใจ แต่ที่ไหนได้…
ในที่สุดพระองค์ทรงมอบหมายให้ท่านอ๋องเหยาออกไปส่งคณะของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทั้งยังทรงกำชับให้ท่านอ๋องเหยาสุภาพกับพวกเขาให้มากๆ เพื่อไม่ให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่พอพระทัย
ท่านอ๋องเหยารับคำ นำรถม้าสองคันไปรอที่หน้าเรือนรับรอง หลังจากนั้นไม่นานคณะของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ได้เดินทางออกมา
ผู้ที่ออกมาเป็นคนแรกคือท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และพระชายา พระองค์มีพระวรกายสูงใหญ่ถือสัมภาระในมือมากมาย เดินตามหญิงสาวที่เดินตัวเปล่า ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรทำให้นางไม่พอใจหรือไม่ จึงได้ไล่ตามนางพลางชักชวนให้นางหายโกรธ
ท่านอ๋องเหยารู้สึกอยู่ในใจมาตลอดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้นี้ยามที่เขาอยู่ต่อหน้าพระชายาของตนนั้ย ดูแตกต่างออกไป
ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆอย่างไม่รู้ตัว ในไม่ช้าก็พบกับหญิงสาวร่างสูงผู้หนึ่ง
นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี ท่าทางกล้าหาญ ถือดาบอยู่ในมือ มีผ้าคลุมหน้าปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่งเห็นแต่ดวงตาคู่สวยเท่านั้น
เหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเขา รอยยิ้มจึงเกิดขึ้นในดวงตา ท่านอ๋องเหยาส่งยิ้มให้
แต่แล้วเขาก็ตระหนักถึงสายตาเย็นชาของใครบางคน
เขาหันไปมอง พบว่าการจ้องมองอย่างดุดัน แข็งกร้าวมาจากชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายนาง ผู้ชายคนนี้หน้าตางดงามเกินกว่าอิสตรี เขาไม่ใช่ผู้หญิงทั้งยังมีรัศมีเข่นฆ่าออกมาจากร่างกายของเขาอีกด้วย
อ๋องเหยาขมวดคิ้วไม่รู้ว่าตนเองไปทำให้คนผู้นี้เคืองขุ่นตั้งแต่เมื่อไร
ในไม่ช้าเว่ยฉิงและถังหลี่จึงได้ขึ้นรถม้าพร้อมลูกๆ ชุ่ยหงและชุ่ยหลู่ที่ต้องการจะเดินตามรถม้าแต่เว่ยหนิงเรียกพวกเขาให้ขึ้นรถไปด้วยกัน
เว่ยหนิงเลือกที่จะขี่ม้าที่อ๋องเหยามอบให้ เมื่อเห็นหญิงสาวเลือกที่จะขี่ม้า ริมฝีปากของอ๋องเหยายกสูงขึ้นอีกครั้ง