เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 836 ตอนพิเศษ ซานเป่า กลับบ้าน
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 836 ตอนพิเศษ ซานเป่า กลับบ้าน
บทที่ 836 ตอนพิเศษ ซานเป่า กลับบ้าน
เมื่อมาถึงประตูเมือง ท่านอ๋องเหยาขอให้องครักษ์ที่ตามขบวนมาด้วย อยู่รั้งไว้ ส่วนตัวเขาขี่ม้าตามขบวนของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เว่ยหนิงเห็นเขาตามมานางจึงชะลอม้ารั้งรอเขา
“อาจารย์ ท่านล่วงหน้าไปก่อนเถอะ” นางพูดกับตู้เย่
ตู้เย่เห็นท่านอ๋องเหยาขี่ม้าตามมาด้านหลัง เขาจึงพยักหน้าให้อย่างอ่อนโยน อ๋องเหยาขี่ม้าเข้ามาเทียบเว่ยหนิง
“พวกเราเคยพบกันมาก่อน” เว่ยหนิงรู้ว่าเขาจำนางได้ นางจึงพยักหน้า
“นั่นเป็นภารกิจแรกของข้า บุกเข้าโจมตีค่ายทหารของกองทัพฉู่”
“เจ้าโยนอะไรบางอย่างเข้าตาข้า”
“โชคดีที่ข้าโยนของใส่ท่าน ไม่เช่นนั้นแล้วท่านคงจับข้าได้” นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน ทั้งคู่อยู่คนละฝั่ง แต่ต่างฝ่ายต่างจำกันได้เพราะทักษะของพวกเขา อ๋องเหยาไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่พวกเขาพูดคุยกันได้อย่างสงบสุขไม่ใช่มุ่งแต่จะฆ่าฟันกันเช่นนี้
“ข้าดีใจที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่…” เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาลึกซึ้ง
“ท่านมีความสุขหรือ? ไม่ปวดหัวเพราะข้ายังมีชีวิตอยู่หรอกหรือ?” ที่จริงแล้วฮ่องเต้แคว้นฉู่ไม่รู้ว่ามีแม่ทัพปีศาจอยู่ในหมู่ของท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จึงได้ปล่อยไป แต่ถ้าหากรู้ตัวตนของนางแล้วล่ะก็ ย่อมต้องเสี่ยงที่จะทำให้แคว้นต้าโจวไม่พอใจโดยการที่จะทำให้นาง “ตาย” ในแคว้นฉู่จากอุบัติเหตุ
การดำรงอยู่ของแม่ทัพผู้นี้ถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อแคว้นฉู่เป็นอย่างมาก
ท่านอ๋องเหยารู้จักตัวตนของนางเป็นอย่างดี เขาปกปิดสถานะของนางเพื่อช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะความโง่หรือเป็นเพราะมั่นใจในตนเองมากเกินไปหรือเปล่า? จึงได้ปล่อยเสือกลับภูเขาเช่นนี้
ท่านอ๋องเหยาไม่ตอบว่ากระไร จู่ๆ เว่ยหนิงก็เอียงหน้ามากระซิบกับเขา
“ท่านเป็นคนช่วยเหลือเรื่องเจ้ากรมพิธีการใช่หรือไม่?”
อ๋องเหยาเหม่อมองใบหน้างดงามที่เข้ามาใกล้ชิดอย่างกระทันหัน จิตใจเขาว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เขานิ่งเงียบ เว่ยหนิงได้รับคำตอบแล้ว
“ขอบคุณท่านมาก…ข้าจะจดจำความเมตตาในครั้งนี้ของท่านเอาไว้” อ๋องเหยามองดวงตาที่เฉลียวฉลาดคู่นั้น ความคิดบางอย่างแว่บผ่านเข้ามาในใจ
“ตอบแทนตอนนี้เลยได้หรือไม่?” เว่ยหนิงตกตะลึง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า
“ก็ได้ แต่ถ้าท่านต้องการให้ข้าโยนตัวเองลงไปในกับดัก ข้าอาจจะต้องคิดดูให้ดี…”
ท่านอ๋องเหยาจับนางได้ คงไม่ง่ายที่จะคิดปล่อยนางไป
“ข้าขอดูหน้าเจ้าสักหน่อยจะได้หรือไม่?” อ๋องเหยาพูดขัดขึ้น
เขารู้ดีว่าใบหน้าที่ดุร้ายในสมรภูมิรบนั้นไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของสตรีผู้นี้ ไหนจะรอยแผลเป็นบนใบหน้านั่น เขาไม่ได้ขออะไรมากเกินไปเลย แค่อยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางเท่านั้น เว่ยหนิงพยักหน้าอย่างเต็มใจ
“ได้สิ” นางกับท่านอ๋องเหยาเข้ากันได้ดี ช่างน่าเสียดายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ท่านอ๋องเหยาช่วยนางมามากแล้ว นี่ไม่นับว่าเป็นการขอที่มากจนเกินไป
เว่ยหนิงดึงผ้าคลุมของตนเองออก
ใบหน้าเล็กๆ ปราณีตปรากฏขึ้นต่อหน้าฉู่เฉิงเหยา ผิวของนางราวกับหิมะ ดวงตาใสกระจ่าง จมูกโด่งเล็ก ริมฝีปากแดงระเรื่องดงาม
ฉู่เฉิงเหยาถึงกับลืมหายใจไปในทันที
“เมื่อก่อนมีคนพูดว่า ข้าสวยงามมากจนอาจจะทำให้ศัตรูดูถูกได้ ข้าเลยต้องสวมหน้ากากเอาไว้เพื่อข่มขวัญศัตรู แต่อย่างไรก็ตามด้วยใบหน้าของข้าอาจจะทำให้ศัตรูมึนงงไปชั่วครู่ ข้าค่อยฉวยโอกาสสังหารเขาทิ้งเสียย่อมได้”
เว่ยหนิงยิ้ม ในที่สุดฉู่เฉิงเหยาถึงได้รู้สึกตัว เขายิ้มตอบนาง เขาไม่รู้หรอกว่าความงามของนางจะฆ่าศัตรูคนไหนได้ แต่สำหรับเขา นางฆ่าเขาได้ในพริบตาอย่างแน่นอน
ทั้งสองคนขี่ม้าเคียงคู่กันไปสักพัก ในที่สุดฉู่เฉิงเหยาก็หยุดม้า หลังจากเดินทางร่วมกันหลายพันลี้ ในที่สุดก็ย่อมมีวันบอกลา
“ลาก่อน” เว่ยหนิงประสานมือเข้าหากัน ฉู่เฉิงเหยาประสานมือตอบ
“ไว้พบกันใหม่” เมื่อพบกันครั้งหน้าคงเป็นการเผชิญหน้ากันในสมรภูมิรบ
เขาได้แต่หวังว่าอย่าได้มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น
เว่ยหนิงขี่ม้าก้าวย่างไปด้วยทีท่าสง่างาม ร่างนั้นห่างไกลไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นจุดเล็กๆ นางขี่ม้าควบไปบนถนนกว้างไม่นานก็เห็นอาจารย์ของตน รถม้าของท่านพ่อท่านแม่หายลับไปแล้ว โชคดีที่อาจารย์หยุดรอนางก่อน
“ไป!” เว่ยหนิงตวัดแส้ฟาดม้า มันเร่งความเร็วขึ้น ในที่สุดก็ตามทัน
ตู้เย่หันมามองลูกศิษย์ของตน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยถามมาว่า
“เจ้าพูดคุยอะไรกันหรือ?”
เว่ยหนิงแปลกใจ ปกติแล้วอาจารย์ของนางจะไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้แต่ครั้งนี้เขากลับเอ่ยถาม
“เขาอยากเป็นสามีของข้า” เว่ยหนิงพูดเล่นแต่สายตาของอาจารย์กลับดูจริงจัง
“เจ้าตอบเขาว่าอย่างไร?”
เว่ยหนิงอดคิดไม่ได้ว่าอาจารย์ของนางดูเป็นกังวลกับเรื่องนี้มากจนผิดสังเกต นางคิดอยากแกล้งเขา
“อาจารย์คิดอย่างไรกับเขา?”
“เจ้าเป็นคนต้าโจว เขาเป็นคนแคว้นฉู่ สถานะแตกต่างกัน” ตู้เย่พูด รู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน เขากังวลว่าลูกศิษย์ของเขาจะเสียใจ
“เว่ยหนิง เจ้าคิดอย่างไรกับเขา?”
เว่ยหนิงหัวเราะ
“อาจารย์ข้าโกหกท่าน เราแค่บอกลากันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” เมื่อเว่ยหนิงเอ่ยขึ้น นางรู้สึกว่าสีหน้าของอาจารย์ดีขึ้นมาอย่างทันตาเห็น
วันต่อมาทั้งคณะพากันเดินทางจนแทบไม่ได้หยุดพักเลย ในความคิดของเว่ยฉิง เขาเกรงว่าฮ่องเต้ที่ศีรษะกลวงและไม่ฉลาดนัก อาจจะคิดเสียใจที่ได้ปล่อยพวกเขาในภายหลัง ถ้าจะให้ปลอดภัยที่สุดเห็นทีจะต้องรีบออกจากแคว้นฉู่ให้เร็วเพื่อจะได้ปลอดภัย
พวกเขาใช้ทางลัดที่สั้นที่สุด ครึ่งเดือนต่อมาจึงได้ออกจากแค้วนฉู่เข้าต้าโจวได้ในที่สุด ทุกคนจึงได้พากันโล่งใจ
หลังจากเข้าสู่ดินแดนต้าโจวแล้ว ใช้เวลาเดินทางอีกแปดวันจึงได้ไปถึงซินหนาน
จวนแม่ทัพ…
ที่หน้าประตูมีร่างของคนสองคนยืนรออยู่
เป็นชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงโปร่ง อ่อนโยนราวกับหยก หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างท่าทางองอาจ
พวกเขาคือกู้หวนอวี้และตู้ชิงหยู
ทั้งคู่ต่างชะเง้อมอง ไม่นานนักรถม้าสองคันและม้าสองสามตัวก็เข้ามาเทียบที่หน้าประตู
กู้หวนอวี้มองเห็นคนบนหลังม้าได้อย่างรวดเร็ว เขาแทบไม่กะพริบตาเป็นเว่ยหนิงหลานสาวของเขาจริงๆ
“ชิงหยู อาหนิงยังมีชีวิตอยู่” กู้หวนอวี้วางมือบนไหล่ตู้ชิงหยูและพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น เป็นเรื่องที่หาดูได้ยากที่เขาจะแสดงอาการเสียกิริยาเช่นนี้ออกมา แสดงถึงความรู้สึกยินดีที่ได้พบเว่ยหนิงอีกครั้ง
ตู้ชิงหยูมีความสุขไม่แพ้กัน
“ใช่ อาหนิงกลับมาแล้ว” เว่ยฉิงและถังหลี่ลงจากรถม้า
เว่ยฉิงมองกู้หวนอวี้ที่ดูท่าทางตื่นเต้นอย่างนึกสนุก
“พี่รองคิดถึงพวกเราไหม?” ในขณะที่พูดเขาก็เข้าไปกอดกู้หวนอวี้ แต่ชายหนุ่มกลับผลักน้องเขยออกอย่างรวดเร็ว เว่ยหนิงเดินไปหากู้หวนอวี้
“ท่านลุงรอง” กู้หวนอวี้มองหลานสาว ลำคอเหมือนมีอะไรบางอย่างอุดเอาไว้จนทำให้พูดไม่ออกอยู่ชั่วครู่
“เจ้ากลับมาแล้ว”
ข่าวการกลับมาของเว่ยหนิงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวสหายที่ร่วมต่อสู้ในสมรภูมิก็พากันมาหา ซุนต้าหู่มองเว่ยหนิงทำท่าจะต่อยนาง แต่เสี่ยวหลิวและคนอื่นๆห้ามเอาไว้
“หัวหน้า ท่านแม่ทัพเพิ่งกลับมาหลังจากผ่านประตูผี หากท่านชกเขาด้วยหมัดเดียวเห็นทีจะไม่รอดเป็นแน่”
ซุนต้าหู่ตื่นเต้นมากเขามองดูหมัดของตนเองที่ทำท่าชกออกไป แต่แล้วเปลี่ยนใจกลับมาทุบเข้าที่อกของตนเองสองสามครั้ง
ชายอกสามศอกผู้นี้ตื่นเต้นจนร้องไห้ น้ำตาไหลออกมา คนอื่นๆก็เช่นกัน พวกเขาทั้งร้องไห้และหัวเราะไปรอบๆ ตัวของเว่ยหนิง
ตู้เย่นั่งมองอยู่ไม่ไกล พระอาทิตย์สดส่องลงมาบนใบหน้าที่เย็นชาของเขา ทำให้ดูอบอุ่น มุมปากที่โค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังหัวเราะกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า