เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 90 การชดใช้ของเจิ้งติ่ง
- Home
- เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ
- บทที่ 90 การชดใช้ของเจิ้งติ่ง
บทที่ 90 การชดใช้ของเจิ้งติ่ง
ท้ายที่สุดแล้วถังหลี่ก็คือบุคคลที่แสนโชคดี นางเป็นดังดาวนำโชค ไม่น่าแปลกใจที่คนใหญ่คนโตจึงมารวมตัวกันในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ และชีวิตของนางก็มักจะบังเอิญไปเกี่ยวข้องกับพวกเขาตลอด
ไม่กี่วันต่อมา
ทันทีที่ถังหลี่มาถึงเป่าชิงเก๋อก็พบว่ามีคนสองคนกำลังรอนางอยู่ที่นั่นแล้ว คนหนึ่งคือสาวใช้ของจวนสกุลมู่อีกคนคือเสมียนของร้านสุ่ยเยว่ฝาง
“เถ้าแก่เนี้ยถัง ข้ามาตามคำสั่งของฮูหยิน ท่านให้นำสมุดบัญชีของสุ่ยเยว่ฝางในเดือนนี้มาให้ท่านตรวจขอรับ” เสมียนของสุ่ยเยว่ฝางกล่าว
ถังหลี่เชื่อถือในกิจการของสุ่ยเยว่ฝางแต่ไม่ได้คาดคิดว่าฮูหยินมู่จะจริงจังถึงขนาดให้นางตรวจสอบบัญชีเช่นนี้
กิจการของสกุลมู่ที่อยู่ในกำมือของฮูหยินมู่ ผู้เป็นสตรีที่เก่งกาจในสมัยนี้ โดยทั่วไปแล้วพื้นฐานทางสังคมของยุคโบราณเช่นนี้จำกัดความสามารถของสตรีมาก สตรีที่แข็งแกร่งจึงหาได้ยากยิ่งกว่ายาก ถังหลี่ชื่นชมการทำงานที่แสนเข้มงวดและจริงจังของฮูหยินมู่เป็นอย่างมาก นางหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาและอ่านตรวจสอบทีละหน้าจนสายตาไปจับจ้องที่บรรทัดสุดท้าย
ยอดคงเหลือ : สามพันตำลึง
รายได้สุทธิของสุ่ยเยว่ฝางคือสามพันตำลึงต่อเดือน ตอนนี้นางมีกิจการของเป่าชิงเก๋อ และหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว ยอดเงินที่ถังหลี่มีก็เหลือน้อยกว่าสองร้อยตำลึงเท่านั้น รายได้ของภัตตาคารสุ่ยเยว่ฝางนั้นเกินกว่าจินตนาการของถังหลี่ไปมากนัก
“เถ้าแก่เนี้ยถัง อาหารใหม่ในเดือนนี้ของสุ่ยเยว่ฝางที่เปิดตัวไปกำลังเป็นที่ชื่นชอบมาก รายได้ของร้านเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งพันตำลึง ตอนนี้ลูกค้าต่างมาเข้าคิวกันเพื่อลิ้มลองอาหาร ฮูหยินพูดทุกวันว่าท่านเป็นดาวนำโชคของสุ่ยเยว่ฝาง” เสมียนยิ้ม
ทุกครั้งที่มีอาหารใหม่ออกมาฮูหยินมู่จะเป็นคนที่ได้ลิ้มรสเป็นคนแรก และนางก็ชมไม่ขาดปากหลังจากได้กินแล้ว
“ฮูหยินประเมินข้าสูงไปแล้ว” ถังหลี่รู้สึกเขินอาย
“สามร้อยตำลึงสำหรับเดือนนี้เจ้าค่ะ ฮูหยินหญิงสั่งให้ข้านำมามอบให้ท่าน” สาวใช้ยื่นถุงเงินจำนวนสามร้อยตำลึงให้แก่ถังหลี่
ถังหลี่รับเงินมา นางขอให้ฉางลู่ช่วยรินชาต้อนรับทั้งสองคน จากนั้นพวกเขาจึงกลับไปอย่างมีความสุข
ทันทีทีคนทั้งคู่จากไปถังหลี่ก็เริ่มงานยุ่งทันที
เจ้าของกิจการมีงานมากมายให้ทำ โดยเฉพาะกิจการที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ ถังหลี่ยุ่งเกือบทั้งวัน นางไม่มีแม้แต่เวลาจิบน้ำชา ทำได้เพียงพักผ่อนเล็กน้อยในช่วงบ่ายเท่านั้น
“เถ้าแก่เนี้ยถัง”
ถังหลี่ที่เพิ่งยืดตัวผ่อนคลายเมื่อนางได้ยินเสียงตะโกนและเงยหน้าขึ้นก็พบหยุนเหนียงและเจิ้งติ่งยืนอยู่นอกประตู หลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองสามวัน สีหน้าของหยุนเหนียงดีขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่านางฟื้นตัวได้ดี หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก เจิ้งติ่งก็คุกเข่าให้นาง
“เจ้าหนู ลุกขึ้น!”
“เถ้าแก่เนี้ยถังนี่คือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ เขาคุกเข่าลงเพื่อขอบคุณแทนข้า ท่านไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตข้าแต่ยังมอบชีวิตใหม่ให้ข้าอีกด้วย” หยุนเหนียงกล่าว
เจิ้งติ่งก้มหัวคำนับถังหลี่สามครั้งก่อนจะลุกขึ้น เปลือกตาของถังหลี่กระตุกเบา ๆ นี่คือวายร้ายที่มากเล่ห์ในหนังสือจริงหรือ?
ในความคิดของนาง เจิ้งติ่งยังเป็นเด็ก ไม่ใช่ผู้ชายในหนังสือนิยายดังนั้นเขาจึงไม่ต้องมีความทุกข์แบบนั้นอีกแล้ว …
“หยุนเหนียง สามีของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” ถังหลี่ถาม
“เขาตั้งแผงขายของ รับเขียนจดหมาย และคัดลอกหนังสือในเวลาว่าง เจิ้งหลางสามารถทำเงินได้สองหรือสามร้อยอีแปะต่อวัน ข้ายังไม่แข็งแรงดี เขายังไม่อยากให้ข้าเปิดร้านขายหมั่นโถวและขอให้ข้ารักษาตัวให้ดีก่อน” หยุนเหนียงกล่าว
นางยิ้มแย้ม ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เห็นได้ชัดว่านางพอใจกับชีวิตในตอนนี้ของตัวเองมากแค่ไหน ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณถังหลี่ที่เป็นดั่งดาวนำโชคในชีวิตของนาง
“นายหญิง เราติดหนี้ท่านมากเกินไป ท่านยอมรับสิ่งนี้ได้หรือไม่” หยุนเหนียงยื่นกระดาษสองสามแผ่นในมือให้แก่ถังหลี่
เมื่อนางรับมาเปิดออกก็พบว่ามันคือหนังสือสัญญาซื้อขายทาส สำหรับสมาชิกทั้งสามคนของสกุลเจิ้ง ทั้งหมดได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว! เมื่อคิดถึงความยิ่งใหญ่ของเด็กชายตรงหน้าและตำแหน่งอดีตขุนนางของเจิ้งซู ถังหลี่รู้สึกว่าสัญญาพวกนี้เป็นของร้อน
“เถ้าแก่เนี้ยถัง พวกเราไม่มีอะไรจะตอบแทนท่านได้ มีเพียงตำแหน่งข้าทาสรับใช้เท่านั้น ” หยุนเหนียงกล่าวอย่างจริงจัง
“หยุนเหนียงนี่มันไม่ถูกต้อง ข้าช่วยพวกเจ้าด้วยเจตนาดีไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนเลย”
“แต่มันจะทำให้พวกข้าสบายใจที่ได้ตอบแทนท่าน”
ถังหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของนางจะเปล่งประกาย
“หยุนเหนียงเอาอย่างนี้ เหตุใดเจ้าถึงไม่ปล่อยให้เจิ้งติ่งของเจ้าทำงานให้กับข้าเล่า?”
“นี่มัน…เขาอายุยังน้อยทำอะไรไม่ได้มาก ต่อให้สุขภาพจะแข็งแรงแต่ก็ไม่ได้มีความสามารถพอจะช่วยเหลือท่าน…”
“หยุนเหนียงข้าน่ะถูกชะตากับเด็กคนนี้ เขาฉลาดและสามารถช่วยงานข้าได้อย่างแน่นอน” ถังหลี่พูดต่ออย่างติดตลกว่า “อีกอย่างข้าไม่อยากให้สามีเจ้ามาทำงานให้กับข้าหรอก”
หยุนเหนียงยิ้ม รู้ว่าถังหลี่ไม่ค่อยชอบเจิ้งซู หากรับเขาทำงานก็ต้องพูดคุยกับเขา
“แล้วข้าก็เบื่อหมั่นโถวของเจ้าแล้ว ไม่อยากกินมันแล้วล่ะ ส่วนบ้านข้าก็มีป้าจ้าวคอยจัดการแล้ว นางเก่งมาก ข้าเลยไม่ต้องการสาวใช้เพิ่ม”
หยุนเหนียงป้องปากยิ้ม นางก็เบื่อหมั่นโถวเช่นกัน
“แปลว่าท่านยอมรับสัญญาทาสของติ่งเอ๋อร์หรือ?” หยุนเหนียงกล่าว แต่หญิงสาวก็ปฏิเสธ
“หยุนเหนียง เด็กคนนี้จะต้องมีอนาคตที่ดี เขาไม่ควรมีสัญญาทาสฉุดรั้งชีวิตของเขาไว้ เพราะฉะนั้นสัญญานี้ข้าคงรับไว้ไม่ได้” หยุนเหนียงเหลือบมองไปที่บุตรชายของตน เมื่อได้ยินคำกล่าวของถังหลี่นางก็คล้อยตาม ใครเล่าจะไม่สนใจอนาคตของลูกตัวเอง?
“เอาเป็นว่าเขียนสัญญามีอายุขัยแค่สิบปี เนื่องจากเป็นการใช้หนี้เขาจะทำงานให้ข้าและข้าจะไม่จ่ายค่าจ้างใด ๆ ให้แก่เขา หากดูความฉลาดเฉลียวของเขาแล้ว ค่าจ้างรายปีคือหนึ่งร้อยตำลึง หนึ่งหมื่นตำลึงคือค่าตอบแทนสิบปี โสมมีราคาหนึ่งร้อยตำลึง ข้าจะหักจากค่าจ้างของเขาไป”
หยุนเหนียงคล้อยตาม ดูเหมือนว่าสิ่งที่ถังหลี่พูดมาจะมีส่วนถูก บุตรชายของนางมีค่ามากถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
“ตกลงตามนี้นะ ลงนามสัญญาสิ”
พวกเขาจึงลงนามสัญญากัน
เมื่อหยุนเหนียงออกมาจากร้านพร้อมกับเจิ้งติ่ง นางครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ติ่งเอ๋อร์ เหตุใดแม่ถึงรู้สึกเหมือนว่าเถ้าแก่เนี้ยถังกำลังหลอกเราเล่า?”
“ปีนี้เจ้าอายุสิบสองปี และสัญญาคือต้องอยู่กับนางเป็นเวลาสิบปี ในเมื่อเจ้าต้องเรียนรู้งานจากนางแล้วเจ้าจะได้ค่าเหนื่อยอะไรถึงหนึ่งร้อยตำลึงต่อปี? ตามจริงแล้วเราควรจ่ายหนี้ให้นาง สิบปีต่อมาเจ้าก็จะอายุยี่สิบสองและถึงตอนนั้นนางจึงจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระ เราติดหนี้นางแล้วเราจะตอบแทนนางได้เช่นไร?”
เจิ้งติ่งมองไปที่มารดาด้วยแววตาที่สื่อว่า “ในที่สุดท่านแม่ก็เข้าใจเสียที”
“ติ่งเอ๋อร์ เจ้ารู้งั้นหรือ? เหตุใดถึงไม่พูดมันออกมาเล่า..”
“ท่านแม่ สัญญาหาใช่เรื่องสำคัญ จะลงนามไว้สิบปีหรือยี่สิบปีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจและหัวใจที่แนวแน่มากกว่าหนังสือสัญญา สิบปีต่อจากนี้ข้าจะทำงานต่อไป สำหรับเถ้าแก่เนี้ยถังหากนางอยากได้เงินหนึ่งพันตำลึง ข้าจะหาหนึ่งหมื่นตำลึงมามอบให้นาง”
ดวงตาของเด็กชายลุกโชน หยุนเหนียงพยักหน้า
“เจ้าพูดถูกติ่งเอ๋อร์ เราจะจดจำบุญคุณของนางไว้ตลอดชีวิต”
…
ถังหลี่ไม่ได้รู้สึกขาดทุน
แม้ในหนังสือจะกล่าวไว้ว่าเจิ้งติ่งเป็นคนขี้โรค นิสัยไม่ดีและเลวทราม แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธความสามารถด้านการค้าของเขาได้
เจิ้งติ่งทำงานให้นางฟรีสิบปีและเขาจะทำได้อย่างแน่นอน สิบปีต่อจากนี้เมื่อเจิ้งติ่งโตเต็มที่ ก็เหมือนดั่งวิหคที่บินทะยานขึ้นไปบนท้องนภา ดังนั้นแล้วนางไม่ควรที่จะฉุดรั้งเขาไว้
ในตอนนั้นเอ้อร์เป่าคงจะเติบโตขึ้นและเข้ามาดูแลกิจการต่อจากถังหลี่ เมื่อถึงเวลานั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
ถังหลี่ตัดสินใจแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ คาดว่าในอีกไม่กี่ปีนางจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นอนนับเงินบนเตียงได้!
หญิงสาวลงมือทำงานต่ออย่างมีความสุข และหลังจากเสร็จงานนางรีบกลับบ้าน เพราะวันนี้จะเป็นวันที่เว่ยฉิงหยุดพัก