เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ - บทที่ 91 แม่กับลูกชาย
บทที่ 91 แม่กับลูกชาย
ทุกครึ่งเดือน เว่ยฉิงจะได้หยุดงานเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าถังหลี่จะได้พบกับเขาแค่เดือนละสองครั้ง ดังนั้นหญิงสาวจึงตั้งตารอวันนี้มาก
นางรีบกลับบ้านอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ก่อนจะพาบุตรทั้งสองเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยเช่นกัน และหลังจากแต่งตัวเรียบร้อยดีแล้ว เว่ยฉิงก็กลับมาถึงบ้าน
เว่ยฉิงคิดถึงภรรยามาก เมื่อชายหนุ่มกลับมา เขาก็เข้าไปตามติดถังหลี่ ป้อนคำหวานทุกรูปแบบดั่งคุณชายเจ้าชู้ จนนางทนไม่ได้
ในตอนเย็นหลังจากเว่ยฉิงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาเข้าห้องนอนไปด้วยท่อนบนที่เปลือยเปล่า แล้วเข้าไปกอดถังหลี่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ใต้แสงเทียน
“ฮูหยิน…หยุดอ่านก่อน …สนใจข้าหน่อย”
ถังหลี่วางหนังสือลงและมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้
“เจ้าผิวคล้ำนะ”
“นายท่านเซี่ยซื้อที่นามา ข้าไปช่วยดูให้ ภรรยาดูสิ สามีของเจ้าดูสมชายมากกว่าเดิมหรือไม่?” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าไปให้นางมากขึ้นจนริมฝีปากแทบจะแนบชิดกัน ถังหลี่ผลักชายหนุ่มออกไป ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าสองชุดออกจากตู้และยื่นให้สามี
“เจ้าลองสวมดู”
“ซื้อมาให้ข้าหรือ?” แววตาของเว่ยฉิงเป็นประกาย
“ใช่แล้ว ลองดูว่ามันจะเหมาะกับเจ้าหรือไม่?”
เวิยฉิงไม่ได้มีความเขินอายใด ๆ ต่อหน้าภรรยา เขาถอดกางเกงออกและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แท้จริงแล้วเขามีเจตนาแอบแฝง เว่ยฉิงอยากให้ถังหลี่เห็นเรือนร่างของเขาไม่ว่าจะเป็นแขนหรือขา จนนางไม่สามารถอดใจไหว ต้องวิ่งมากระโดดกอดเขา!
เว่ยฉิงยิ้มให้ขณะที่กำลังหันหลังให้ถังหลี่ เขาเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า และใช้เวลาแต่งตัวนาน
เฮ้… ทำไมนางถึงยังไม่กระโดดขึ้นมาเสียทีเล่า?
เพราะกล้ามเขาไม่ใหญ่พอ?
หรือสะโพกเขาไม่แน่นพอ?
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าความสนใจของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จ เสื้อผ้าชุดนี้มีบางอย่างที่แตกต่างออกไป!
“ภรรยา.. ชายแขนเสื้อ ชายขากางเกงของข้าถูกมัดไว้!” เขาจับข้อมือและเท้าตัวเอง
“นี่มันสะดวกกว่ามาก ภรรยา..เจ้าทำมันให้ข้าหรือ?”
“ใช่ ข้าขอให้ช่างตัดเสื้อแก้ชุดให้เจ้า เวลาทำงานและเวลาเดินทาง มันจะง่ายและสะดวกต่อเจ้ามากกว่า ”
“สะดวกจริง ๆ ฮูหยิน เจ้าฉลาดมาก!”
เว่ยฉิงคิดว่าแค่คำชมนั้นไม่พอ ดังนั้นเขาจึงเอียงศีรษะเอนไปซบที่ไหล่ของถังหลี่
“ฮูหยินเจ้าใจดีกับข้ามาก”
เหตุใดบุรุษที่ดูน่าเกรงขามคนนี้จึงทำท่าทางเหมือนซานเป่าทุกประการ? ผู้ชายที่ดุดันทำตัวราวกับเด็กขี้อ้อน เขาไม่น่ารักเลย ออกจะดูโง่เง่ามากกว่า รอยยิ้มของถังหลี่ถูกวาดขึ้นไปถึงดวงตา
“นี่สำหรับเจ้า”
เว่ยฉิงมองลงมาและเห็นจี้หยกอยู่ในมือเล็ก ๆ ของถังหลี่ เหตุใดของขวัญจึงค่อย ๆ โผล่มาทีละชิ้นเล่า?
วันนี้เป็นวันพิเศษหรือ?
เว่ยฉิงวิงเวียนศีรษะเพราะความดีใจ!
มือใหญ่โตเทอะทะของเขารับจี้หยกมา เขาจับมันพลิกดูไปมา เว่ยฉิงทำงานติดตามนายท่านเซี่ยจึงพอมีความรู้ติดตัวบ้าง มองแว่บแรกก็รับรู้ได้ว่าหยกชิ้นนี้เป็นหยกเนื้อดี แต่หยกจะเนื้อดีหรือไม่ดีก็ไม่เท่ากับเป็นหยกที่ภรรยามอบให้เขา!
ฝ่ามือหยาบกร้านของเขาถูเบา ๆ ที่จี้หยก เขาแทบไม่อยากวางมันลงเลย ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบบางอย่าง เว่ยฉิงหยิบมันขึ้นมาและเพ่งมอง เมื่อหรี่ตาลงเขาก็เห็นคำสองคำเล็ก ๆ ที่สลักไว้
“ฉิง…หลี่…”
“ฮูหยิน จี้หยกชิ้นนี้มีชื่อพวกเราอยู่บนนี้ด้วย!” เว่ยฉิงกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เขาจ้องมองตัวอักษรสองคำตาแทบไม่กะพริบ หน้าอกของเขาเต็มตื้นไปด้วยความสุข ชื่อของเขาถูกแกะสลักคู่กับถังหลี่ แปลว่าเขาและนางจะอยู่ด้วยกันตลอดไปและจะไม่มีอะไรมาพรากพวกเขาไปได้ ชายหนุ่มโอบรั้งร่างของภรรยาเข้ามากอด
“ภรรยา เจ้าให้คนแกะสลักมันหรือ?”
ถังหลี่พยักหน้ารับ “ใช่สิ เจ้าอยากสวมมันหรือไม่?”
มีเชือกสีแดงห้อยไว้กับจี้หยก เว่ยฉิงสวมมันลงบนลำคอของตนเอง หยกสีเขียวสวยห้อยอยู่บริเวณหน้าอกของเขาใกล้ตำแหน่งหัวใจ
“ภรรยา..ข้าจะใส่มันติดตัวเสมอ มันจะอยู่ตรงนี้ของข้า เว้นแต่…”
ถังหลี่รีบปิดปากของเขาและกลอกตา
“เจ้าจะพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีก เงียบได้แล้ว!”
ในขณะนั้นถังหลี่ก็ได้นึกถึงเรื่องราวในหนังสือ นางตกใจที่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ หญิงสาวตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้สามีพบเจอชะตากรรมเช่นเดียวกับในนวนิยาย
ถังหลี่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของผู้คนไปได้มากมาย แล้วนางจะไม่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเว่ยฉิงได้เชียวหรือ?
เว่ยฉิงชอบใจที่เห็นนางตื่นตระหนก เขาแกล้งเอามือตัวเองตีปากเบา ๆ
“ปากไร้สาระนี่! ไม่ต้องกลัวนะฮูหยิน ข้าจะปลอดภัยและครอบครัวของเราจะปลอดภัย”
“ใช่แล้ว!” ริมฝีปากของถังหลี่แย้มยิ้ม นางเอาหัวเล็ก ๆ เอนซบไปที่แผ่นอกของชายหนุ่มข้างกาย ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นเบา ๆ
คู่หนุ่มสาวกระซิบพูดคุยราวกับว่ามีเรื่องมากมายไม่รู้จักจบ หลังจากที่คุยกันจนค่อนคืน ทั้งคู่ก็หลับตาลงและผล็อยหลับไป เว่ยฉิงชอบนอนกอดภรรยาให้นางอยู่ในอ้อมแขนของตน แต่ปัญหาเดียวของชายหนุ่มก็คือเว่ยฉิงน้อยนั้นพูดเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักฟัง!
วันรุ่งขึ้น
เว่ยฉิงตามถังหลี่ไปที่เป่าชิงเก๋อ ในขณะที่นางกำลังทำงาน เว่ยฉิงก็เฝ้ามองนางอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มมองภรรยาราวกับถูกสะกด
ฮูหยินน้อยของเขางดงามมากยามตั้งใจทำงาน
ลูกค้าบางคนเมื่อเห็นเว่ยฉิงก็สงสัยว่าชายหนุ่มคือใคร เขาก็แนะนำตัวทันที
“ข้าเป็นสามีของเถ้าแก่เนี้ยถัง เราสองคนเป็นสามีภรรยากัน…เจ้ามองไม่ออกหรือ?”
เว่ยฉิงมักไม่ค่อยพูดจาแต่ถ้าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับถังหลี่เขาสามารถพูดได้เยอะมาก หญิงสาวไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป นางเดินไปหาเขา และทำให้เขา ‘หุบปาก’ ลง หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เงียบเสียงลงทันที
เมื่อสินค้ามาส่งที่หน้าร้าน เว่ยฉิงรีบออกไปยกทันที เขาแข็งแรงมากในขณะที่คนทั่วไปต้องแบกของถึงห้าหรือหกรอบ แต่เขาสามารถขนมันทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ฉางลู่ตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วย นายท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร?
“เจ้าปล่อยเขาขนไปเถิด เขามีแรงขนได้ทั้งหมดนั่นแหละเจ้าอย่าไปเสียเวลาเลย” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“ใช่ ถือเสียว่าข้าปลดปล่อยพละกำลังของข้า” เพราะภรรยาของเขาไม่ยอมให้เว่ยฉิงใช้มันกับนาง
หลังจากที่ขนของเสร็จแล้ว เว่ยฉิงยังคงนั่งอยู่ที่เป่าชิงเก๋ออย่างดื้อรั้น เขาเท้าคางจ้องมองภรรยาที่กำลังตรวจสอบสมุดบัญชีอยู่ ในขณะเดียวกันที่ประตูร้านก็มีคนสองคนกำลังมองเข้ามาในร้าน คนหนึ่งเป็นสตรีอายุสี่สิบต้น ๆ และบุรุษอายุประมาณยี่สิบปี
“ซวนเอ๋อร์เจ้าเห็นไหม ผู้ชายคนนั้นคือน้องชายเว่ยเสี่ยวเถานามว่าเว่ยฉิงใช่หรือไม่?”
“ข้าคิดว่าใช่นะท่านแม่ เหตุใดเว่ยฉิงถึงมาอยู่ที่นี่?”
“เขาทำงานในร้านใหญ่ ๆ อย่างงั้นหรือ?”
“ข้าว่าดูไม่ใช่แบบนั้น เขาวางท่าเหมือนคนใหญ่โตดูแล้วไม่เห็นมีใครมาออกคำสั่งกับเขาเลย!”
“ใช่ ๆ เขาดูไม่เหมือนคนงานแต่เป็นเจ้าของร้าน! ลองถามใครสักคนดีหรือไม่?”
สตรีผู้นั้นคว้าคนที่เดินผ่านไปมาและถามคำถามพวกเขาสองสามข้อ ก่อนนางจะเดินออกมา
“นั่นคือสามีของเถ้าแก่เนี้ยถัง นางเป็นเจ้าของร้านเป่าชิงเก๋อ!”
คราวนี้ทั้งสองต่างมองหน้ากัน
เหลือเชื่อ! เว่ยฉิง กลายเป็นคนร่ำรวยหรือ?! เขาได้ภรรยาที่เป็นเจ้าของกิจการ!
“เป็นเว่ยฉิงจริงด้วย เหตุใดเขาจึงไม่บอกพวกเราว่าเขาแต่งงานแล้วละ!”
“ท่านแม่หรือว่าเว่ยฉิงจะตัดขาดกับครอบครัวของเราหรือ?”
“ซวนเอ๋อร์เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น! เราคือป้าสะใภ้และพี่ชายของเขานะ แล้วเขาก็คือน้องชายของเจ้า! ครอบครัวของเราให้ความสำคัญกับเรื่องในครอบครัวมาก! อย่างไรเสียต้องไปบอกให้เสี่ยวเถาไปพบน้องชายของนาง”
“ใช่แล้วท่านแม่พูดถูก”
ทั้งสองจ้องมองไปที่ประตูร้านอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจากไป
—————-