เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1532 แม่ลูกพบกัน
บทที่ 1532 แม่ลูกพบกัน
ได้ยินว่าเธอกลับมาดูลูก ป้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
เพราะก่อนหน้านี้เธอยังอยากแนะนำลูกชายของตัวเอง ผลปรากฏว่าแม้แต่ลูกก็ยังมีแล้ว แถมยังรู้สึกอายด้วย
“คุณยังเด็กมากจริงๆ มองไม่ออกเลยว่ามีลูกแล้ว”
สุดท้ายแล้วป้าก็ได้แต่ล้อเล่นกับเธอด้วยคำอื่นเพื่อปัดตกหัวข้อนี้ไป เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าอย่างสุภาพ
หลังจากลงจากรถ เจียงเสี่ยวไป๋ก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับบ้าน
หลังจากที่เธอจองห้องพักในโรงแรมใกล้เคียงและวางสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ถึงได้คิดได้ว่าจะไปดูลูกอย่างไรดี
เพราะตอนนี้ลูกของเธอยังเล็กมาก ถ้าไปที่บ้านเพื่อดูเขามันไม่สมจริง แต่จะให้เขาออกมาได้อย่างไรล่ะ ก่อนหน้านี้เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้ก็รีบกลับประเทศมาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
ถ้าไปที่บ้านแล้วเจอเขา เซียวซู่จะคิดว่าตนกลับมาหาเขาหรือเปล่า
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าในใจของตัวเองเป็นแบบไหนกันแน่ ถึงแม้ว่าจะคิดถึงเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่บ่อยครั้งที่คิดไปถึงภาพที่เขาทิ้งขว้างตัวเอง
ความเจ็บปวดเหล่านั้นยังไม่ผ่านไป ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางปล่อยไปได้
กลับมาคราวนี้ตั้งใจจะแอบไปดูสักหน่อยแล้วก็จะจากไป
ต้องคิดหาวิธี
โทรหาแม่ของเธอตรงๆ ไปเลยดีไหม เพราะเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่หลังจากที่แม่รู้ ท่านจะเอาไปบอกเซียวซู่หรือเปล่า
สุดท้ายคิดไปคิดมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังคิดหาวิธีดีๆ ไม่ได้ เวลาสองวันอยู่ในโรงแรมเพียงคนเดียว สั่งอาหารเมื่อหิว แล้วก็ไม่ไปที่ไหนเลย ใช้ชีวิตน่าเบื่อไปวันๆ
สุดท้ายเธอก็ดื่มไวน์ไปนิดหน่อย หลังจากนั้นถึงได้โทรหาตู้เซียวหยู่
เมื่อสายเชื่อมต่อติด เจียงเสี่ยวไป๋ก็อดจะหัวเราะตัวเองไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เวลาเธอจะติดต่อกับแม่ของตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่ายังต้องดื่มเพื่อยืมความกล้า ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถกดโทรออกไปได้
คิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกเศร้า
ทั้งทั้งที่ก่อนหน้านี้ชีวิตของเธออยู่อย่างสุขสบายมีหน้ามีตา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ทำให้ตัวเธอต้องเป็นแบบนี้
“ฮัลโหล?”
เสียงสั่นเล็กน้อยของตู้เซียวหยู่ดึงเธอกลับมาสู่ความเป็นจริง
เจียงเสี่ยวไป๋ได้สติกลับมา เหยียดมุมปากอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“คุณแม่…”
ได้ยินเสียงคำว่าแม่ โทรศัพท์มือถือในมือตู้เซียวหยู่ที่อยู่ปลายสายแทบร่วงก่อนจะส่งเสียงร้องไห้ออกมา เพราะตั้งแต่เสี่ยวไป๋ตัดสินใจจากไป เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับตัวเองอีก
ตู้เซียวหยู่พยายามติดต่อเธอ แต่ทุกครั้งที่โทรหาเธอล้วนไม่สามารถเชื่อมต่อได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้เสี่ยวไป๋จะโทรหาเธอเอง ดังนั้นตู้เซียวหยู่จึงตื่นเต้นมาก
“เสี่ยว เสี่ยวไป๋”
สองคนหายใจคนละฝั่งเป็นจังหวะเดียวกัน เมื่อพูดจบก็ต่างตาแดง ในน้ำเสียงมีก้อนสะอื้นเล็กน้อย
“เต็มใจโทรหาแม่แล้วเหรอ แม่ยังคิดว่าชีวิตนี้แกจะไม่อยากคุยกับแม่แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ตาแดงมาก ตลอดเวลาพยายามที่จะไม่ปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่น ดังนั้นจึงทำได้แต่เปิดดวงตาให้กว้าง หลังจากเม้มริมฝีปากเบาๆ ถึงได้ส่งเสียงออกมาช้าๆ “ไม่หรอกค่ะ จะไม่คุยไปตลอดชีวิตได้ยังไงคะ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าติดต่อคุณแม่เท่านั้น กลัวว่าถึงตอนนั้นคุณจะโน้มน้าวฉันน่ะค่ะ”
“เด็กโง่” ตู้เซียวหยู่ตำหนิเธอเสียงเบา “แกตัดสินใจเลือกเอง แม่จะไปตำหนิแกได้ยังไง แม่กลัวว่าแกจะไม่มีความสุข นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว แกคิดได้หรือยัง”
พูดปัญหานี้ขึ้นมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็จมอยู่ในความเงียบ
เมื่อฟังอยู่นานแล้วไม่มีการตอบกลับจากเจียงเสี่ยวไป๋ที่ปลายสาย ตู้เซียวหยู่จึงรู้ว่าตัวเองถามผิดไป จึงยิ้มอย่างเก้อเขินแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ดูสิฉันถามอะไรเนี่ย เสี่ยวไป๋ของเราอยากทำอะไรก็ทำเลยจ้ะ ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ต่างประเทศเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดนิ่งไปนาน สายตาค่อยๆ ยกขึ้นและตกลงที่ขอบหน้าต่าง มองไปที่แสงแดดจ้านอกหน้าต่าง หลับตาและสัมผัสมันครู่หนึ่ง เมื่อลืมตาถึงจะค่อยๆ พูดเสียงอู้อี้ว่า
“ฉันอยู่ในประเทศค่ะ”
เมื่อได้ยิน ตู้เซียวหยู่ก็ตกใจมากไปครู่หนึ่ง ที่ได้รับสายจากลูกสาวก็ทำให้เธอประหลาดใจมากแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังอยู่ในประเทศอีก
ชั่วขณะนั้น เธอตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี นานมากกว่าจะเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ กลัวว่าลูกสาวจะไม่ชอบฟังคำพูดตน เดี๋ยวลูกสาวจะโกรธจนวางสายไปหรือว่าจากไปอีก
นี่แค่เวลาครึ่งปี ครึ่งปีของความคิดถึงมันช่างเป็นอะไรที่ยากลำบากจริงๆ
ไม่เพียงแต่ความคิดถึง ยังมีความรู้สึกอื่นๆ อีกมากมาย กังวลว่าอยู่ภายนอกเธอจะไม่ได้นอนหลับสนิทหรือไม่ ทุกข์ใจหรือเปล่า จะไม่เจอคนเลวใช่ไหม แล้วถ้าป่วยจะทำอย่างไร
ดังนั้นจึงระมัดระวังคำพูดเป็นพิเศษ
ครึ่งปีก่อนแม่ไม่ได้พูดกับตนแบบนี้ หลังจากครั้งที่เธอเริ่มต่อต้านแม่ ตู้เซียวหยู่ก็ระมัดระวังกับเธอเป็นพิเศษทั้งการกระทำและคำพูด
เมื่อไรกันที่สองแม่ลูกกลายเป็นแบบนี้
เมื่อคิดให้ละเอียดขึ้นมาแล้วก็เจ็บปวดมาก เจียงเสี่ยวไป๋สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณแม่คะ คุณไม่ต้องร้อนรนนะคะ อยากพูดอะไรก็ค่อยๆ พูด ฉันจะไม่วางสาย คุณอย่ากังวลไปเลย”
ตู้เซียวหยู่คิดไม่ถึงว่าอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองจะถูกลูกสาวอ่านออก นอกจากรู้สึกเขินแล้วยังค่อนข้างซาบซึ้ง เธอสูดจมูกก่อนจะพูดว่า “ที่จริงแล้วแม่อยากพูดว่า พบหน้าได้ไหม”
หลังจากวางสายไปแล้ว ตู้เซียวหยู่ก็ร้องไห้กับโทรศัพท์มือถือในมือ
เมื่อสามีของเธอเจียงเหย็นเคอเข้ามาก็เห็นท่าทางแบบนี้ของภรรยา ยังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นและรีบเดินเข้ามา
“เป็นอะไรไป”
ตู้เซียวหยู่เงยหน้าขึ้น ร้องไห้ดวงตาพร่ามัวพลางพูดว่า “เมื่อครู่ลูกสาวโทรมาหาฉัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงเหย็นเคอก็นิ่งไป ชั่วขณะกว่าสติจะกลับคืนมา
“ในที่สุดเธอก็เต็มใจจะติดต่อคุณเหรอ”
“อืม”
“เฮ้อ ตอนนี้ยัยเด็กคนนั้นโตแล้ว ต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ยิ่งออกจากการควบคุมของเรามากขึ้นเรื่อยๆ คุณต้องเปิดใจหน่อย เพราะยังไงแกก็มีอิสระและมีชีวิตเป็นของตัวเอง”
“ฉันไม่ได้คิดจะไม่เปิดใจค่ะ เพียงแต่ฉันเป็นห่วงว่าแกอยู่ข้างนอกคนเดียวหากเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง และแกก็มักจะไม่ติดต่อมาเลย”
มันยากที่จะพูด กลัวมากจริงๆ ว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับเจียงเสี่ยวไป๋แล้วปรากฏว่าพ่อแม่ไม่รู้เรื่อง นั่นจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด
เจียงเหย็นเคอเข้าใจความคิดของเธอ เดินไปนั่งลงข้างเธอ เอื้อมมือไปจับเธอเบาๆ
“เอาล่ะ อย่าคิดมากเกินไปนักเลย แกก็ติดต่อคุณมาแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้คุณบอกครอบครัวอีกฝั่งหรือยัง”
“ยังเลย”
ตู้เซียวหยู่ส่ายหน้า “ตอนที่เสี่ยวไป๋โทรหาฉันถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดว่าบอกครอบครัวฝั่งนั้นได้ไหม แต่ฉันลองหยั่งเชิงดูแล้ว เธอน่าจะไม่อยากติดต่อกับเซียวซู่”
“เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย…”
“อย่าว่าเธอเลย เสี่ยวไป๋ยินยอมจะกลับมาก็ดีแล้ว เรานัดทานข้าวกันช่วงบ่าย คุณอย่าได้พูดไปเด็ดขาดนะ!”
เจียงเหย็นเคอยิ้มอย่างอ่อนใจ “เข้าใจแล้ว ฉันเป็นพ่อของเสี่ยวไป๋ แน่นอนว่าต้องยืนอยู่ข้างเสี่ยวไป๋กับคุณ อีกอย่างผมชอบนินทาที่ไหนกัน”
“อืม”
เมื่อถึงช่วงบ่าย เจียงเสี่ยวไป๋ก็มาตามสัญญา สองแม่ลูกนัดกันที่ร้านอาหารเล็กๆ จองห้องวีไอพีเล็กห้องหนึ่งเพื่อสะดวกในการสนทนา
และห้องวีไอพีเล็กก็เงียบสงบเป็นส่วนตัว เมื่อทั้งคู่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็จะไม่ต้องทำให้คนอื่นได้เห็นแล้วขำกัน