เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1534 อย่าจากผมไปอีก
บทที่ 1534 อย่าจากผมไปอีก
ได้ยินว่าตู้เซียวหยู่จะพาตัวเองไปหาเซียวซู่ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ร้อนทันที ดึงมือตัวเองออกวุ่นวายไปหมด ถอยกลับเข้าไปในเก้าอี้ ส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปหาเขา เขาไม่มาหาฉันเลย เขาต้องการแค่แสงจันทร์ขาวของเขา ถ้าฉันไปหาเขาก็เสียหน้าสิคะ”
“หน้าสำคัญอะไร” ตู้เซียวหยู่พูดอย่างโมโห “หน้าสำคัญกว่าความสุขของแกเหรอ แกคิดถึงเขาก็กลับไปหาเขาสิ”
“ไม่ค่ะ” เจียงเสี่ยวไป๋ดื้อรั้นมาก “ฉันจะไม่ไปหาเขาหรอก ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตลอดเลย ฉันเหนื่อยมาก ฉันอยากพัก”
พูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ คว้ากระเป๋าและจะเดินออกไป
ตู้เซียวหยู่ตกใจรีบวิ่งตามไป “แกจะไปไหน”
“อื้ม ฉันจะไปแล้วค่ะ ฉันจะให้เซียวซู่ผู้ชายคนนั้นหาฉันไม่เจอ เขาชอบทิ้งฉันไปหาคนอื่น งั้นฉันจะทำให้เขารู้ว่าฉันเก่งแค่ไหน ฉันเจียงเสี่ยวไป๋ก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน!”
เธอวิ่งออกไป ว่องไวมากจนตู้เซียวหยู่ห้ามไม่ทันเลย ได้แต่ตามเธอไป แต่เมื่อลงไปที่ชั้นล่างก็ต้องไปได้ล่าช้าเพราะถูกบริกรหยุดไว้
“ขอโทษคุณผู้หญิง กรุณาจ่ายบิล”
“เดี๋ยวก่อน ลูกสาวฉันวิ่งไปแล้ว ฉันจะไปตามเธอก่อน เดี๋ยวจะกลับมาจ่ายเงินให้ทีหลัง”
“ไม่ได้หรอกคุณผู้หญิง มันผิดกฎ”
บริกรเป็นตายยังไงก็ไม่ยินยอม ตู้เซียวหยู่อับจนหนทาง ได้แต่หยุดแล้วเปิดกระเป๋า “เท่าไรคะ”
เมื่อถามจบ เธอก็รีบร้อนเอาเงินยัดใส่มือบริกร “เอาจำนวนนี้ให้คุณก่อน ฉันไปตามลูกสาวฉันก่อน เธอเมาอยู่อันตรายมาก”
บริกรนับเงินที่ได้รับมา แต่กลับพบว่ามันมีไม่เท่าไร จึงหยุดเธออีกครั้ง “ขอโทษคุณผู้หญิง เงินที่คุณให้มามันไม่พอ”
ตู้เซียงหยู่โมโหมากจนอยากด่า แต่รู้สึกว่าแบบนี้ตัวเองเป็นคนผิด ได้แต่หยุดแล้วเอาเงินให้บริกรอย่างจริงจัง
“ขอบคุณ”
ผลของการจองเวรซ้ำแล้วซ้ำเล่าครั้งนี้ เมื่อตู้เซียวหยู่อยากจะวิ่งไปหาเจียงเสี่ยวไป๋อีกครั้ง แต่กลับพบว่าเด็กคนนี้วิ่งหนีไปจนไม่เห็นแม้เงาไปเรียบร้อยแล้ว เธอตามหาไปทั่วอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่เห็นเงาของเจียงเสี่ยวไป๋ ได้แต่โทรหาเจียงเสี่ยวไป๋อย่างร้อนใจ
แต่ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋กำลังโกรธ จึงไม่รับสายของเธอเลย
ตู้เซียวหยู่อารมณ์เสียขึ้นมาฉับพลัน ทำไมถึงไม่เลือกร้านอาหารที่เช็กบิลล่วงหน้า จะต้องหาร้านที่จ่ายหลังมื้ออาหาร ถ้าจ่ายเงินล่วงหน้า เธอก็ไม่ต้องสูญเสียลูกสาวตัวเองไปแบบนี้
ยัยเด็กน้อยเสี่ยวไป๋มีข้อเสียอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือเป็นบ้าหลังดื่มจนเมา หวังว่าเธอจะไม่เกิดเรื่องก็พอแล้ว
เซียวซู่เพิ่งเสร็จสิ้นการคุยเรื่องโครงการ หลังจากจัดการเรื่องอื่นๆ ในบริษัททั้งหมดจบแล้ว ถึงได้เก็บของแล้วออกไป
ตอนที่ขึ้นลิฟต์บังเอิญเจอผู้หญิงที่สารภาพรักกับเขาเมื่อครั้งก่อน
เมื่อหญิงสาวเข้ามานั้นแสดงออกชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเซียวซู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มถามเขาว่า “ฉันขอเข้าไปได้ไหมคะ”
เซียวซู่รู้สึกว่ามันไม่มีอะไร เม้มริมฝีปากบางก่อนจะพูดว่า “เข้ามาสิครับ”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินกะเผลกเข้ามา เซียวซู่มองสังเกตเธอ แล้วถามเธอหนึ่งประโยคตามประสาความเป็นห่วงเพื่อนร่วมงาน “เป็นอะไรครับ”
หญิงสาวค่อนข้างเก้อเขิน หน้าแดงเล็กน้อย “ไม่เคยใส่ส้นสูงค่ะ มันก็เลยพลิก”
เซียวซู่มองลงไปที่เท้าของเธอ พบว่าวันนี้เธอใส่ส้นสูงจริงๆ ชั่วขณะที่อยู่ในลิฟต์นั้นเงียบเชียบ ทั้งสองฝ่ายไม่มีการพูดอะไรอีก
ครั้งก่อนที่ถูกเซียวซู่ปฏิเสธไป ดังนั้นหญิงสาวจึงคิดได้แล้ว และก็ไม่ตั้งใจจะรบกวนเขาอีก เพราะถึงอย่างไรความรู้สึกแบบนี้มันไม่สามารถบังคับกันได้ ทุกคนล้วนมีโชคชะตาของตัวเอง
จะให้ดึงดันตามติด เรื่องแบบนี้เธอก็ทำไม่ได้
ดังนั้นจึงทำเพียงบิดข้อเท้าไปมา และเธอก็ไม่ได้ออกปากขอให้เซียวซู่พาไปโรงพยาบาล
หลังจากผ่านไปสักพัก บางทีเซียวซู่อาจจะรู้สึกละอายเล็กน้อย จึงเอ่ยปากพูดว่า “อยากให้ผมพาคุณไปโรงพยาบาลไหมครับ”
เพราะในลิฟต์ก็มีแค่พวกเขาสองคน เขาสังเกตนิดหน่อยก็รู้ว่าเธอบาดเจ็บ ถ้าไม่เอ่ยปากสักหน่อยดูเหมือนว่ายังไงก็ไม่ถูกต้อง
เมื่อได้ฟัง หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้แววตาก็หมองลง จึงหลุบตาลงก่อนจะส่ายศีรษะ
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันโทรเรียกรถแล้ว เดี๋ยวฉันลงไปถึงชั้นล่างก็ได้นั่งแล้วค่ะ”
เรียกรถแล้วเหรอ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เซียวซู่ก็ไม่พูดอะไรอีก
ลิฟต์ไปถึงชั้นหนึ่ง เซียวซู่ก้าวเดินออกไป หญิงสาวเดินกะเผลกอยู่ข้างหลังเซียวซู่ มองแผ่นหลังของเขาด้วยใจที่ค่อนข้างเศร้า ถ้าเขายินดีช่วยเธอนิดหน่อยก็พอแล้ว
ไม่สิ เขาเป็นคนที่กำลังรอภรรยากลับมา ตนจะสามารถคาดหวังแบบนั้นได้อย่างไร ในไม่ช้า ความเพ้อฝันที่น่าเบื่อในใจของหญิงสาวก็ถูกทำลายโดยความเป็นจริง
เดินไปไม่กี่ก้าว เธอพบว่าการก้าวเดินของเซียวซู่ช้าลงเล็กน้อย ก่อนจะหันมองกลับมาที่เธอ “รถของคุณอยู่ข้างนอกเหรอครับ”
“ค่ะ ใช่”
เดิมทีเซียวซู่ตั้งใจจะไม่สนใจเธอ แต่หลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวตระหนักรู้ในตัวเองมาก เมื่อตนเห็นแล้วไม่ช่วยมันก็ไม่ถูกต้องนัก ได้แต่เดินไปข้างตัวเธอและทำการช่วยประคองเธอ “ผมจะพาคุณไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
จนเมื่อเซียวซู่ส่งหญิงสาวขึ้นรถไปแล้วจึงปิดประตูรถให้เธอ เมื่อเตรียมจะกลับไปที่รถของตัวเอง ก็กลับหันไปเห็นร่างคุ้นตายืนอยู่ไม่ไกล
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองมองผิด มีความค่อนข้างไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อมองดูอีกครั้ง คนคนนั้นก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น แถมบนใบหน้ายังมีคราบน้ำตานองด้วย
“เสี่ยวไป๋เหรอ” เซียวซู่ตกตะลึงอยู่นาน ทันใดนั้นก็ได้สติก่อนจะก้าวกว้างไปข้างหน้า
หลังจากไม่อยากเห็นเขาเคลื่อนไหว เสี่ยวไป๋ที่ยืนนิ่งอยู่ตลอดก่อนหน้านี้จึงหันหลังแล้ววิ่งหนีไป ความสับสนและความไม่สบายใจของเซียวซู่ขยายขึ้นถึงขีดสุดในทันที รีบตามไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
จากนั้นเมื่อเขาไล่ตามเสี่ยวไป๋ไป พบว่าเธอกำลังวิ่งอย่างสับสนวุ่นวาย ดูเหมือนไม่รู้เลยว่าตัวเองจะวิ่งไปที่ไหน ไปในทิศทางเดียวแต่วิ่งเร็วมาก
เสี่ยวไป๋เกิดมาตัวสูง โดยเฉพาะขาทั้งสองข้างที่เรียวมาก เวลาที่วิ่งดูราวกับใต้เท้าเหยียบลงบนกระแสดวงดาว
ที่จริงแล้วเซียวซู่ไม่ได้วิ่งช้ากว่าเธอ สองความเร็วนั้นเท่าเทียมกัน แต่ว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวไป๋กับตนอยู่ห่างกัน ดังนั้นระยะห่างจึงลากไปตลอด
ในไม่ช้าเซียวซู่ก็รวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อย่นระยะทาง วิ่งไปข้างหน้าอย่างดุเดือดจนกอดเสี่ยวไป๋ได้ในที่สุด
ช่วงเวลาที่โอบกอด เซียวซู่ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นในหู เขากลัวจริงๆ กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นคือภาพลวงตา เมื่อเขากอดได้แล้วก็จะหายไปในพริบตา
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เสี่ยวไป๋ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขนจริงๆ ถึงแม้ว่าเป็นเพราะเขาจู่โจมหนักมาก ทั้งสองคนถึงได้โผเข้าหากันก็ตาม
เซียวซู่ออกแรงที่มือพลิกเธอหันกลับมา ใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเบาะรองให้เสี่ยวไป๋
แล้วแผ่นหลังของเขาก็กระทบพื้นอย่างรุนแรง หลังจากความเจ็บปวดแสบร้อน ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ชัดเจนขึ้น เสี่ยวไป๋ที่อยู่ตรงหน้าก็ยังคงถูกเขากอดเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างดี
เพียงแต่เสี่ยวไป๋เหมือนจะได้สติคืนกลับมาแล้ว จึงใช้กำลังดิ้นรนอย่างหนักหน่วง
เซียวซู่ใช้กำลังกอดเธอไว้แน่น ตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน “อย่าจากผมไปอีกนะ!”