เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1537 ตั้งใจจะหย่า
บทที่ 1537 ตั้งใจจะหย่า
ประเด็นนี้เจียงเสี่ยวไป๋เคยพิจารณาแล้ว
แต่หลังจากลองคิดดูแล้ว เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะทำให้ตัวเองทุกข์เพราะเห็นแก่ลูก
เธอเลือกที่จะมีลูก ก็ต้องรับผิดชอบต่อลูก มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าต้องคำนึงถึงชีวิตของตัวเองด้วย
เธอเพียงคนเดียว ก็สามารถให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้นได้
สมมติว่าเธอกับเซียวซู่อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข แม้ว่าเด็กจะได้รับความรักจากพ่อแม่ที่สมบูรณ์ เด็กมีความรู้สึกไวแค่ไหน พ่อแม่รู้สึกดีหรือไม่พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
เธอไม่อยากปลูกฝังความรู้สึกแบบนี้ให้ลูกตั้งแต่อายุยังน้อย
“เฮ้อ พูดมากเกินไปแล้ว หนูต้องเบื่อแน่ๆ แม่จะไม่พูดแล้ว” เหลียงหย่าเหอค่อนข้างเศร้าแล้วเช็ดขอบตาของตัวเอง “ครึ่งปีมานี้ทุกวันฉันเห็นแต่เซียวซู่วนเวียนไปทำงานเลิกงานกลับบ้าน ดูแลลูก ทุกวันๆ เอาแต่เฝ้ารอหนูกลับมา เสี่ยวไป๋ต้องได้เห็นความทุกข์ใจและการรอคอยของเขา ต่อให้ไม่ได้กลับมาเร็วกว่านี้ แต่แค่กลับมาก็เป็นเรื่องดีแล้ว”
“แต่คิดไม่ถึงว่าหนูจะกลับมาก็กลับมาโดยแค่อยากพาลูกไปอยู่ด้วย”
พูดถึงตอนท้าย เหลียงหย่าเหอร้องไห้ออกมาเสียงเบาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ในใจของเจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกราวกับมีมดนับพันเจาะหัวใจจนเจ็บปวด แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย
ทำได้เพียงยืนอยู่ที่เดิมและรอให้เหลียงหย่าเหอร้องไห้เสร็จ หลังจากลุกขึ้นก็พูดกับเธอว่า “หนูไปเถอะ ก่อนที่เซียวซู่จะกลับมา รอเขากลับมาแล้ว ฉันจะอธิบายให้เขาฟังเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างประหลาดใจ “คุณแม่คะ?”
“ไปเถอะ แต่หนูต้องสัญญากับแม่ ว่าจะให้เวลาตัวเองมากขึ้นในการพิจารณาให้ชัดเจน อย่าตัดสินให้เซียวซู่ตายในทันที เรื่องระหว่างพวกหนูฉันก็พอจะเข้าใจ ลูกเอ๋ย อย่ายึดติดกับอดีตเลยนะ เซียวซู่น่ะตอนนี้หัวใจของเขาเป็นของหนูโดยสมบูรณ์แล้ว”
ประโยคสุดท้ายทำให้เจียงเสี่ยวไป๋สะเทือนใจมาก แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เธอรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันรู้ค่ะคุณแม่ ฉันจะพิจารณาให้ดีๆ งั้นฉันพาลูกไปก่อนนะคะ”
“ไปเถอะจ้ะ”
ขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋อุ้มลูกไป เหลียงหย่าเหอไม่กล้าแม้แต่จะหันไป และก็ไม่กล้ามองมาก เกรงว่าหากตนมองมากไป แล้วจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปขวางหน้าหยุดแม่ลูกไว้
เธอเป็นแม่ของฝ่ายชาย แน่นอนว่าจิตใจต้องเอนเอียงไปทางเซียวซู่ แต่เพราะว่าเธอจะเอนเอียงไปทางเซียวซู่ ดังนั้นเธอจึงยืนในมุมของเสี่ยวไป๋และพิจารณาเพื่อเธอ เสี่ยวไป๋เองก็เป็นแม่คน แน่นอนว่าหวังจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับลูกของตัวเอง
ถ้าผลปรากฏว่าเธอต้องการหย่า ในสถานการณ์ฐานะทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยเช่นนี้ เธออยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองแน่นอน
ปัง!
จนกระทั่งประตูปิดลง เหลียงหย่าเหอก็ทรุดนั่งลงบนโซฟาโดยไร้ซึ่งการขยับเขยื้อน
จากความสุขที่ได้เห็นเสี่ยวไป๋ จนกระทั่งเสี่ยวไป๋พาลูกจากไปพร้อมกัน จะว่าไปก็เหมือนกับตกจากสวรรค์ลงสู่นรกก็ไม่ปาน
เธอที่เป็นแม่ยังมีความรู้สึกเช่นนี้ เดี๋ยวลูกชายของเธอรู้เข้าจะยิ่งเศร้ากว่านี้มากแน่
ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานแค่ไหน จนกระทั่งเซียวซู่กลับมาพร้อมกับสิ่งของ หลังจากกลับมาก็เอาของเก็บเข้าตู้เย็นเงียบๆ เหลียงหย่าเหอแค่มองดูเฉยๆ เห็นเขาเก็บของใส่ตู้เย็นจนเต็ม และหลังจากกลับมาเขาก็ไม่ได้มีการถามเรื่องของเจียงเสี่ยวไป๋
เจ้าลูกโง่คนนี้ คงคิดว่าเสี่ยวไป๋ยังอยู่ในบ้านกับลูกใช่ไหม
คิดมาถึงตรงนี้ เหลียงหย่าเหอก็พูดขึ้น “ไม่ต้องเตรียมแล้ว เธอไปแล้ว”
เมื่อได้ยิน มือที่เคลื่อนไหวของเซียวซู่ก็หยุดนิ่ง หลังจากนั้นก็ใส่ของเข้าตู้เย็นต่อไป การเคลื่อนไหวเหมือนหุ่นยนต์ และดูเหมือนมึนเบลอ
เหลียงหย่าเหออดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นฉับพลัน ก้าวเข้าไปตะโกนด่าเสียงลั่น “แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ เสี่ยวไป๋ไปแล้ว เธอพาลูกไปด้วย ทำไมแกไม่ตอบ ทำไมแกเหมือนคนตายแบบนี้ แกยังเป็นสามีและพ่อคนอยู่หรือเปล่า!”
เซียวซู่ยังคงไม่ตอบ นานมากที่เขาเหมือนจะสูญเสียกำลังทั้งหมดที่มีไป
“แล้วจะให้ผมทำยังไง”
“อะไร”
“ผมจะทำยังไงได้ เธอไม่เต็มใจกลับมาหาผม ช่วงเวลาครึ่งปี บางทีเธออาจจะเลือกทางที่ดีได้แล้วจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เซียวซู่ก็ลดสายตาลง เหยียดริมฝีปากอย่างหมดหนทาง “บางทีผมควรเคารพการเลือกของเธอ ผมไม่อยากบังคับอะไรเธอมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
“อะไรที่เรียกว่าบังคับ” เหลียงหย่าเหอไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาเลยจริงๆ จับไหล่ของเขาเงียบๆ “แกเป็นพ่อของเด็ก แกต้องสู้ มันไม่ใช่การบังคับเข้าใจไหม”
“คุณแม่ครับ อย่าพูดอีกเลย”
เซียวซู่ดันมือของเธอออก แล้วหันหลังกลับเข้าห้อง
เขาขังตัวเองอยู่ในห้อง หลับตาพลางครุ่นคิด ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขาอยู่นิ่งสงบและไม่รบกวนเจียงเสี่ยวไป๋สักวัน แล้วมันถึงจุดจบเพราะอะไร หลังจากเสี่ยวไป๋กลับมาเธอก็อุ้มลูกไป พูดกันตามจริงหากมันเป็นการตัดสินใจของเธอ ก็เหมือนว่าเขาจะไปสามารถไปห้ามอะไรเธอได้
เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่พักฟื้นหลังคลอดถึงแม้เสี่ยวไป๋จะอยู่กับเขา แต่ตลอดเวลาเธอไม่มีความสุขเลยสักนิด
บางทีพวกเขาอาจไม่เหมาะที่จะแต่งงานอยู่กินกัน
แน่นอนว่าเขาควรทำตามคำทำนาย ไม่จากเป็นก็จากตาย
เซียวซู่ยกมือขึ้นกุมใบหน้าส่งเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น
เวลานานผ่านไป ของเหลวคริสตัลใสไหลผ่านนิ้วมือ
หลังจากเจียงเสี่ยวไป๋อุ้มลูกไป ก็โทรหาตู้เซียวหยู่ ทางด้านตู้เซียวหยู่ที่กำลังตามหาอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ ก็พบว่าเจียงเสี่ยวไป๋โทรมาหา จึงรีบรับสายทันที
“เสี่ยวไป๋?”
“คุณแม่คะ ฉันได้ลูกมาแล้ว”
ตู้เซียวหยู่ตกใจอยู่นานก่อนจะถามว่า “ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน”
เจียงเสี่ยวไป๋บอกที่อยู่ไป หลังจากนั้นก็นั่งรอพร้อมกับอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน รอไม่นาน ตู้เซียวหยู่ก็รีบมาหา
ตอนแรกเธอไม่กล้าเชื่อ แต่เมื่อได้มาเห็นเสี่ยวไป๋อุ้มเด็กอยู่ในมือซึ่งเป็นหลานของเธอก็ตระหนกตกใจมาก
“เสี่ยว เสี่ยวไป๋ แกไปเจอเซียวซู่มาแล้วเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋นั่งอยู่กับเธอ เหมือนวิญญาณถูกดึงออกจากร่าง ตู้เซียวหยู่พูดกับเธอจนกระทั่งรู้สึกตัว แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมองเธอ
“อืม เพิ่งไปเจอมาค่ะ”
ตู้เซียวหยู่เห็นสีหน้าท่าทางของเธอ ในใจก็รู้สึกแย่มาก ได้แต่ยื่นมือออกไปหาเธอ “มา ฉันช่วยแกอุ้มลูกนะ”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้เห็นเขานานแล้ว ฉันอุ้มเขาเองค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นก็สอบถามว่า “ที่บ้านคุณแม่มีของสำหรับเลี้ยงเด็กเล็กไหมคะ ฉันอยากพาเขาไปอยู่ที่บ้านสักสองสามวัน”
“แน่นอนว่ามี” ตู้เซียวหยู่พยักหน้า ตั้งแต่มีหลานชายคนนี้ ที่บ้านของเธอมักจะมีสิ่งที่เขาต้องใช้ ทุกสัปดาห์เซียวซู่จะพาเด็กมาหา ดังนั้นที่บ้านไม่ว่าจะกินจะใช้อะไร ก็ล้วนเป็นของใหม่ทั้งนั้น
“ดีค่ะ งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร เราไปกันเถอะ”
ระหว่างทางกลับ ตู้เซียวหยู่คิดจะถามเจียงเสี่ยวไป๋อยู่หลายครั้งว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้นไว้ แล้วถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
ยังจะถามอะไรอีกล่ะ ไม่ว่าลูกสาวจะคิดอย่างไร เธอที่เป็นแม่ก็จะสนับสนุนทุกเรื่องอย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งไม่มีอะไรจะถามเข้าไปใหญ่
เพียงแต่ทันทีที่ใกล้จะถึงบ้าน จู่ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็กลับเริ่มพูดกับเธอเอง “คุณแม่คะ ฉันตั้งใจจะหย่ากับเซียวซู่ค่ะ”
เมื่อได้ยิน ตู้เซียวหยู่ก็สูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่ามันนานมากกว่าที่ตนจะได้สติ
“หย่า หย่างั้นเหรอ”