เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1538 แม่สามีฉันยินยอมแล้ว
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 1538 แม่สามีฉันยินยอมแล้ว
บทที่ 1538 แม่สามีฉันยินยอมแล้ว
กระทั่งลงจากรถ ตู้เซียวหยู่ถึงได้จับแขนเจียงเสี่ยวไป๋
“นี่มันเรื่องอะไรกัน แกไปอยู่ต่างประเทศมาครึ่งปี ที่คิดได้ก็คือการหย่าร้างงั้นเหรอ เสี่ยวไป๋ นี่…คือผลจากการคิดของแกจริงเหรอ”
ตู้เซียวหยู่อยากถามเธอว่าก่อนหน้านี้ตอนที่แกเมาไม่รู้เลยเหรอว่าพูดอะไรกับฉันไว้
แต่ตั้งแต่เด็กลูกสาวก็แข็งแกร่งไม่ยอมใคร ถ้าบอกเธอไปว่าหลังจากเมามีท่าทีเป็นอย่างไร เธอจะคิดว่าตนโกหกเธอหรือเปล่า
หรือมันจะเป็นการทำร้ายความหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีหรือเปล่า
“ค่ะ ฉันคิดชัดเจนแล้ว” เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างไม่แยแส “ครึ่งปีก่อนตัวฉันอยู่กับการทรมานตัวเอง ที่จริงฉันไม่ชอบการมีชีวิตที่ถูกความรู้สึกควบคุม ฉันเป็นคนค่ะ ฉันควรจะควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองได้มากกว่าจะถูกอารมณ์และความรู้สึกกำกับควบคุม ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ฉันก็คงเหลือแค่วัยกับพลังงานเป็นของตัวเองเท่านั้น”
“ดังนั้นแกก็เลยตั้งใจ?”
“หย่าค่ะ ฉันต้องการลูก แล้วใช้ชีวิตด้วยตัวเอง”
ตู้เซียวหยู่มองดูเด็กที่อุ้มอยู่ในมือเธอ แล้วพูดอย่างไร้วิญญาณว่า
“ถ้าแกพาลูกไป รู้ไหมว่าการแต่งงานอีกครั้งมันยาก”
“การแต่งงานมีอะไรดีคะ หลังจากหย่าฉันก็จะไม่แต่งงานอีกแล้วค่ะ”
ในใจแกยังมีเซียวซู่ดังนั้นจึงไม่อยากแต่งงานอีกล่ะสิ แน่นอนว่าคำพูดนี้ของตู้เซียวหยู่เป็นเพียงเสียงกังวานในหัวใจเท่านั้น
“ฉันต้องผ่านไปได้ด้วยตัวเอง เมื่อก่อนที่แต่งงานกับเขาเป็นเพราะสมองถูกลาเตะ สำหรับผู้ชายที่หัวใจไม่ได้อยู่ที่ฉันเลย ฉันเสียเวลามาหลายปีแล้ว มันไม่คุ้มค่า”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะ แล้วก็ก้มมองเด็กในอ้อมแขน “ฉันอยากพาเขาไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันค่ะ หลังจากนี้อาจจะเปลี่ยนอาชีพ”
ถ้าเป็นนักเขียน เธอก็ไม่สามารถมอบสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าให้ลูกได้
เธอต้องฉุดตัวเองขึ้น
สีหน้าท่าทางของตู้เซียวหยู่ยังคงประหลาดใจมาก เธอเดินข้างเจียงเสี่ยวไป๋พร้อมกับถามไปด้วยว่า “แกบอกว่าต้องการลูกก็จะได้ลูกมาได้เหรอ ทางบ้านเซียวซู่ก็เป็นลูกคนเดียว แกแน่ใจเหรอว่าทางฝั่งพ่อแม่สามีของแกจะยินยอมให้เด็กกับแก”
“แม่สามีฉันยินยอมแล้วค่ะ”
“อะไรนะ” ตู้เซียวหยู่ตกใจมากจนอ้าปากค้าง “ยินยอมเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ใจของแม่สามีแกช่างกว้างนัก เธอไม่เต็มใจปฏิเสธแกเพราะคิดว่าแกจะไม่กลับไปหาเซียวซู่แล้วล่ะสิ ดังนั้นจึงปล่อยให้แกพาลูกไปอยู่ด้วย เพื่อที่จะได้ตัดขาดกับเซียวซู่โดยสิ้นเชิงใช่หรือเปล่า เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงกับผู้ชายก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ผู้หญิงแต่งงานครั้งที่สองน่ะไร้ค่า ส่วนผู้ชายที่แต่งงานใหม่กลับเป็นที่ต้องการมาก ก็ไม่รู้ว่าโลกใบนี้เป็นยังไง เฮ้อ”
“คุณแม่คะ คุณอย่าคิดกับแม่สามีของฉันแบบนั้น ท่านเป็นคนดีมากคนหนึ่งนะคะ”
“จะดีแค่ไหนก็ไม่ควรปล่อยมือจากหลานชายให้คนอื่นไปนะ เรื่องนี้ฉันทำไม่ได้ ฉันทนไม่ได้”
พูดถึงตรงนี้ ตู้เซียวหยู่ก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “เธอสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอดีกับแกจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะปฏิบัติต่อแกเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ ฉันยังไม่เชื่อนิดหน่อย ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แล้วจะเป็นลูกสาวแท้ๆ ได้ยังไง แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นจริง บางทีอาจคิดว่าแกเป็นลูกสาวจริงๆ ดังนั้นถึงได้ตามใจแก”
“ใช่ค่ะ”
“แม่สามีแบบนี้ ต่อไปในอนาคตถึงแกจะถือตะเกียงส่องหาก็ไม่พบอีกแล้ว เซียวซู่เด็กคนนั้นน่ะ ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างแกสองคนจะมีปัญหา แต่ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ฉันเห็นเขาไม่ไปไหนเลย ทุกๆ วันนอกจากจะดูแลเด็กแล้ว เขาก็ไม่มีความคิดทำอะไรอย่างอื่นเลย”
“คุณแม่คะ คุณอย่าพูดแทนเขาเลยค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว”
เธอรักเขาได้ ก็เลิกรักได้ เธอเจียงเสี่ยวไป๋หยิบขึ้นมาได้ก็วางมันลงได้ เธออยากเป็นผู้หญิงที่พิเศษ ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองทำได้ ต่อมาพบว่าไม่ได้ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ
เธอสามารถมีชีวิตที่ดีได้ด้วยตัวเธอเอง จะทำให้ไอ้เลวเซียวซู่นั่นต้องเสียใจภายหลัง
“แม่ไม่ได้จะพูดแทนเขา แม่แค่พูดความจริง ฉันรู้ว่าฉันแก่มากแล้ว แต่ตอนที่ฉันกับพ่อแกยังหนุ่มสาวก็มีกระทบกระทั่งกันหนักมาก ระหว่างสามีภรรยา เมื่ออยู่ด้วยกันก็มักจะมีเรื่องสะดุดกันบ้าง แต่ฉันก็คิดอยู่เสมอว่ามันเป็นการขับเคลื่อนของชีวิตคู่ เพื่อให้คนสองคนยิ่งเข้ากันได้ดีมากขึ้น แกจะหย่าโดยไม่ให้โอกาสเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังพาลูกของเขาไปอีก ว่ากันตามจริงหากยืนในมุมของเขา ฉันรู้สึกว่าเขาช่างน่าสงสารมากๆ”
เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะพูดแทนเซียวซู่ แต่หลังจากเห็นว่าลูกสาวตัวเองทำตัวเป็นอิสระง่ายๆ และมุ่งมั่นมากขนาดนี้ ตู้เซียวหยู่ก็เริ่มสงสารเซียวซู่ขึ้นมา หลังจากนั้นก็พูดเพื่อเขาไปหลายประโยค
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเซียวซู่น่าสงสาร เธอไปครึ่งปี เขาก็รอเธอครึ่งปี ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว แล้วเธอก็อุ้มเด็กไปด้วย เขาไม่สามารถแม้แต่จะทำอะไรได้เลย
ไม่น่าสงสารหรอกเหรอ อย่างไรตู้เซียวหยู่ก็รู้สึกสงสารเขามาก!
“น่าสงสารเหรอคะ” เจียงเสี่ยวไป๋กัดริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ “เทียบกับความน่าสงสาร ความน่าสมเพชสิถึงจะแย่ที่สุด”
เมื่อเขาวิ่งเข้ากองไฟโดยไม่คิดชีวิตเพื่อช่วยชีวิตคนรัก เมื่อเขาทิ้งเธอไปส่งคนรักเข้าโรงพยาบาล
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่านิดเดียวเธอก็ไม่สงสาร แต่เธอสมเพช
การผูกชะตาและหัวใจของตัวเองกับผู้ชายแบบนี้ การจมปลักมาครึ่งปี มันเพียงพอแล้ว
ตู้เซียวหยู่มองดูท่าทีของลูกสาวตัวเอง ก็ยิ่งรู้ว่าเธอตัดสินใจแน่นอนแล้ว มันไม่ต่างกับตอนตัดสินใจที่จะไป การตัดสินใจที่แน่นอนนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา
หลังจากกลับมาบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋ก็วางลูกไว้ในที่ที่เตรียมไว้
ตกกลางคืน ตู้เซียวหยู่ก็เปิดประตูห้องของเธอเดินเข้ามา จากนั้นก็วางสมุดบัญชีเงินฝากไว้ตรงหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋
“คุณแม่คะ นี่หมายถึงอะไร”
“มันเป็นเงินฝากออมทรัพย์ที่พ่อแกกับฉันเก็บมาเกือบทั้งชีวิต ทั้งหมดนี่เก็บไว้ให้แก ก่อนหน้านี้ตอนที่แกแต่งงานอยากเอาออกมาใช้ แต่พ่อสามีของแกไม่ยอมให้ฉันใช้ ทุกอย่างบ้านเขาเป็นคนออก ทางบ้านนั้นก็ใช้จ่ายไปไม่น้อย และพวกเขาก็ปฏิบัติต่อแกอย่างดี ถ้าหย่า แกก็ต้องคืนเงินที่พวกเขาออกไปก่อนหน้านี้บางส่วน”
ไม่อย่างนั้นเงินที่พวกเขาจ่ายออกไป ก็จะปรากฏว่าไม่ได้อะไรเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ยื่นมือออกไปหยิบมัน หลังจากจมอยู่กับความเงียบอยู่นานถึงได้พูดขึ้นว่า “คุณแม่คะ ตัวฉันก็มีเงิน คุณไม่ต้องให้ฉันหรอก ในเมื่อเก็บไว้มาเกือบทั้งชีวิต งั้นคุณกับคุณพ่อก็เอาไว้ใช้เถอะค่ะ ชีวิตก็มีไม่กี่ปี ไม่ต้องมาคิดทำอะไรเพื่อฉันหรอกค่ะ”
“พูดอะไรน่ะ เงินนี่ฉันกับพ่อแกเก็บไว้ให้แกใช้ พวกเราจะใช้อะไร แก่มากขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนั้นหรอก แต่แกไม่เหมือนกัน หลังจากหย่าแกก็ต้องพาลูกไปด้วย ถึงตอนที่แกพาลูกไปยังสามารถทำงานได้เหมือนตอนยังโสดเหรอ ไม่มีใครแบ่งเบาภาระให้แกอีกแล้ว แน่นอนว่าต้องใช้เงิน เงินในสมุดบัญชีนี้ แกยังปันส่วนหนึ่งให้ตระกูลเซียวได้ เพราะแม่ของเซียวซู่ก็ใช้เงินซื้อของกำนัลให้แกไปไม่น้อย ส่วนที่เหลือก็ให้เป็นของแกไปเลย”
“ฉันจะไม่เอาค่ะ ถ้าคุณแม่อยากจ่ายคืน คุณแม่ก็เอาไปคืนเองเถอะค่ะ”
พูดจบ เจียงเสี่ยวไป่ก็หันหลังปีนขึ้นเตียง เธอป้อนนมผงลูก หลังจากที่ลูกหลับ เธอก็นอนลงข้างๆ
“ฉันจะนอนแล้วนะคะคุณแม่ คุณกับคุณพ่อเข้านอนแต่หัวค่ำเถอะค่ะ”
ตู้เซียวหยู่เห็นเธอมีท่าทีดื้อรั้นทิฐิสูง จึงโกรธแล้วหันหลังเดินไป แน่นอนว่าสมุดบัญชีเงินฝากยังวางอยู่บนโต๊ะ ไม่ได้เอาไปด้วย