เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1575 กินไม่พูดนอนไม่มีเสียง
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 1575 กินไม่พูดนอนไม่มีเสียง
บทที่ 1575 กินไม่พูดนอนไม่มีเสียง
จงฉู่เฟิงอยากจะตะโกนออกมา แต่ทว่าต้องฝืนกลั้นเอาไว้
เขามองถางหยวนหยวน แล้วพูดขึ้นเบาๆ : “พี่ฉู่เฟิงออกไปรับโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวกลับมานะ”
แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป ไม่ได้บอกถางหยวนหยวนว่าใช่พี่ของเธอหรือเปล่าที่โทรมา ถางหยวนหยวนผิดหวังนิดหน่อย ทำได้แค่พิงลงไปบนโต๊ะรอเขา
หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่ที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการ พวกเธอพยายามดันถางหยวนหยวนอย่างเต็มที่
“หยวนหยวน ต้องเป็นพี่เธอแน่ๆที่โทรมา เธอรีบไปส่งเสียง เรียกพี่เธอมากินปิ้งย่างด้วยสิ”
“ใช่ ต้องเป็นพี่เธอที่โทรมาแน่ๆ”
ปฏิกิริยาที่ตื่นเต้นเกินไปอย่างนี้ทำให้ถางหยวนหยวนมึนงงไปหมด “พวกเธอรู้ได้ยังไง?”
“ต้องรู้สิ นี่พูดจากประสบการณ์เลยนะ ถ้าไม่ใช่พี่ชายเธอโทรมา ทำไมเขาต้องออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกด้วย รับตรงนี้ก็ได้”
“ใช่”
“แต่ว่า ต่อให้เป็นพี่ที่โทรมา พี่ฉู่เฟิงก็ไม่จำเป็นต้องออกไปรับข้างนอกนะ ทำไมเขาต้องออกไปข้างนอกด้วยล่ะ?”
ถางหยวนหยวนคิดไม่ออกจริงๆ นี่เหมือนไม่มีอะไรนี่นา?
โง่เง่า เพราะจงฉู่เฟิงชอบเธอไง แค่นี้ก็ดูไม่ออก สมองหมูจริงๆ ในใจของจางเสี่ยวลู่ด่าอย่างรุนแรง แต่บนใบหน้ากลับไม่แสดงออกเลยสักนิด เพียงแต่แสร้งทำเป็นพูดจาซับซ้อน : “ยังไงฉันก็รู้แล้วกัน เธอจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ”
หยวนเย่าหันแนะนำออกมาเบาๆ : “จริงๆเธอไม่ต้องสนใจหรอกว่าพี่ชายเธอโทรมาหรือเปล่า เธอแค่ตะโกนออกไปเรื่อยเปื่อย ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช่ พี่ชายเธอก็จะรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าเธออยู่ที่นี่?”
“ใช่เลย ถ้าพี่ชายเธอได้ยินเสียงเธอก็คงมาหาเธอใช่ไหมล่ะ? เธอไม่คาดหวังให้พี่ชายเธอมาหาเหรอ?”
คาดหวังสิ
ในหัวของถางหยวนหยวนเหลือเพียงแค่สามคำนี้ จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปข้างนอก เห็นจงฉู่เฟิงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น
“พี่ซู ฉันก็แค่ออกมาเองสักครั้ง ทำไม? ฉันยังต้องรายงานนายว่าไปไหนด้วยงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันแค่ออกมากินอะไรนิดหน่อย กำลัง กำลังจะกลับแล้ว”
“พี่ฉู่เฟิง พี่ฉันโทรมาใช่ไหมคะ?”
แค่ได้ยินเสียงนี้ จงฉู่เฟิงก็รู้สึกทันที จบกัน เขาเสียเวลาอธิบายอยู่ตั้งนาน แล้วคืนนี้กลับไปคงโดนพี่ซูตีตายแน่ๆ!
“จงฉู่เฟิง?”
อย่างที่คิด เสียงของยู่ฉือยี่ซูทุ้มขึ้นเล็กน้อย เรียกชื่อเต็มของเขา
จงฉู่เฟิงแค่รู้สึกว่าซวยแล้ว ไม่ได้โต้ตอบ
“ที่อยู่”
“รู้แล้ว ฉันจะรีบส่งโลเคชั่นไปให้นาย”
หลังจากวางโทรศัพท์ จงฉู่เฟิงก็ส่งโลเคชั่นไปให้ยู่ฉือยี่ซูเป็นอย่างแรก แล้วจึงโน้มตัวลงมามองถางหยวนหยวน : “แม่คุณ แม่คุณทูนหัว พี่แค่ออกมารับโทรศัพท์ เธอออกมาช้ากว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ?”
น้ำเสียงของเขาร้อนรน แล้วก็จำใจ
รอพี่ซูมา ในสายตาของแม่ทูนหัวจะยังมีตนเองอีกไหมล่ะ?
ถางหยวนหยวนเบะปาก พูดเบาๆ : “ฉันก็แค่ถามดู พี่ฉู่เฟิงโกรธเหรอคะ?”
“พี่จะกล้าโกรธเธอได้ไง? เฮ้อ ไปเถอะ เข้าไปก่อน อีกเดี๋ยวพี่เธอก็มาแล้ว”
จงฉู่เฟิงกลุ้มใจจริงๆ แต่ยังไม่ถึงกับโมโห ครั้งนี้ไม่ได้ก็ครั้งหน้าแล้วกัน อย่างไรก็เป็นสงครามที่ยืดเยื้ออยู่แล้ว อีกกี่ปีข้างหน้า คงไม่ต้องร้อนรนอย่างตอนนี้ อีกอย่างเธอยังเด็กมากๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย ถ้าตอนนี้จงฉู่เฟิงสารภาพอะไรกับเธอ นั่นก็คงไม่ต่างจากคนต่ำทรามหรอก
แม้เด็กมัธยมคนอื่นๆเหมือนว่าจะมีแฟนกันแล้ว อันที่จริงเด็กตอนนี้ต่างก็โตกว่าวัยมาก แต่ถางหยวนหยวนถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจนเกินไป จิตใจใสซื่อบริสุทธิ์มาก ดังนั้นจงฉู่เฟิงไม่ควรพูดเรื่องเหล่านี้ก่อนที่เธอจะเข้าใจในความรัก
“พี่จะมาเหรอคะ?” อย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากถางหยวนหยวนได้ยินชื่อยู่ฉือยี่ซูแล้ว แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยทันที อยู่กับตนเองมาสักพักแล้ว ยังไม่ได้เห็นแววตาที่เป็นประกายอย่างนี้เลย เฮ้อ อย่างที่คิดเอาไว้เขาเทียบกับพี่ชายของเธอไม่ได้เลย
แต่ทว่าก็ดีใจที่เป็นแค่พี่ชาย แม้จะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆก็ตาม
อย่างรวดเร็ว ยู่ฉือยี่ซูก็มาถึงแล้ว หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่คราวก่อนตอนที่เข้าร่วมงานวันเกิดอยากจะพูดคุยกับเขา แต่หลังจากที่เขามาถึงก็พาถางหยวนหยวนออกไปเลย ทิ้งไว้ให้แค่ร่างด้านหลังของพวกเขาเท่านั้น
นี่ทำให้เธอสองคนเสียดายมาก แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอกันอีกครั้ง
ดังนั้นหลังจากที่ยู่ฉือยี่ซูมาแล้ว ทั้งสองคนต่างก็ปากหวานเรียกพี่ตามถางหยวนหยวน
แต่ยู่ฉือยี่ซูตอบรับแค่เสียงของถางหยวนหยวนเท่านั้น หลังจากหาที่นั่งได้แล้ว ก็ดึงเก้าอี้มาไว้ข้างกาย แล้วพูดกับถางหยวนหยวน : “มานี่”
แต่เดิมถางหยวนหยวนนั่งอยู่ข้างจงฉู่เฟิง แต่แค่โดนยู่ฉือยี่ซูกวักมือเรียก เธอก็รีบลุกขึ้นจากข้างกายของจงฉู่เฟิงแล้วรีบไปนั่งข้างเขาทันที
ไม่ต้องบอกเลยว่าจงฉู่เฟิงกลุ้มใจแค่ไหน แม้แต่พูดยังไม่อยากพูดกับยู่ฉือยี่ซูสักคำเลย
ยู่ฉือยี่ซูเอาแต่ดูแลถางหยวนหยวนกินปิ้งย่าง ตนเองไม่ได้กินสักเท่าไหร่ อีกอย่างสีหน้าของเขาราวกับไม่ค่อยดีด้วย สายตานิ่งเฉย ชำเลืองมองหน้าของจงฉู่เฟิงอยู่บ่อยๆ
สายตานั้นมาพร้อมกับความเย็นยะเยือก เหมือนกับมีด จงฉู่เฟิงรู้สึกว่าด้านหลังของตนเองมีความเย็นยะเยือกพุ่งออกมา ทำให้เขาไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกินปิ้งย่างแล้ว
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันเอาแต่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วคุยกับยู่ฉือยี่ซู แรกเริ่มเขายังเห็นแก่หน้าของถางหยวนหยวนจึงตอบไปบ้าง บางทีก็แค่พยักหน้าหรือส่งเสียงอืมบ้างเท่านั้น แต่ทั้งสองคนก็พูดมากขึ้นเรื่อยๆ เจี๊ยวจ๊าวจนเขารำคาญ
ยู่ฉือยี่ซูไม่สบายใจที่จะฟัง จึงไม่สามารถแสดงสีหน้าดีๆเอาไว้ได้แล้ว
เขาเม้มริมฝีปากบางๆ มองสองคนนั้นด้วยความไม่พอใจ
“ตอนกินไม่พูด ตอนนอนไม่มีเสียง ไม่มีใครเคยสอนพวกเธอเหรอ?”
เดิมทีทั้งสองคนยังคงยิ้มเบิกบาน แต่หลังจากโดนพูดอย่างนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที ชั่วครู่ หยวนเย่าหันก็หน้าแดงขึ้นมา กัดปากเอาไว้ ในที่สุดก็ไม่รักษามารยาทแล้ว โยนตะเกียบทิ้งแล้วลุกเดินออกไป
“เย่าหัน?” ถางหยวนหยวนไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อยากจะลุกขึ้นตามไป แต่กลับโดนยู่ฉือยี่ซูดึงกลับมา “ในเมื่อมาแล้ว ก็กินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไป”
จางเสี่ยวลู่เริ่มแรกก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่หลังจากเห็นร่างของหยวนเย่าหันหันหลังจากไป จู่ๆเธอก็นึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วอมยิ้มขึ้นมา
โอกาสที่หยวนเย่าหันยอมแพ้ไปเองอย่างนี้ งั้นโอกาสก็ตกมาเป็นของเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? คนที่ชาติตระกูลดีเท่านั้น ที่จะใส่ใจเรื่องพวกนี้ แค่ประโยคเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว ยังคิดจะเข้าตระกูลที่ร่ำรวยอีก ต่างจากหยวนเย่าหัน จางเสี่ยวลู่ยังคงยิ้มแล้วโน้มน้าวถางหยวนหยวนอีกด้วย
“อย่าไปสนใจเลย นิสัยเธอก็เป็นอย่างนี้ พวกเรารีบกินเถอะ กินเสร็จแล้วจะได้กลับโรงเรียน”
“อืมๆ”
รอจนกินปิ้งย่างเสร็จ จางเสี่ยวลู่จึงพูดกับยู่ฉือยี่ซูอย่างอ่อนโยน : “ขอโทษนะคะพี่ เพื่อนฉันคนนั้นเธออารมณ์ค่อนข้างรุนแรง เรื่องโยนตะเกียบ ฉันขอโทษพี่แทนเธอด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก” ยู่ฉือยี่ซูมองเธออย่างเมินเฉย แล้วมองถางหยวนหยวนที่อยู่ข้างๆ “เตรียมตัวกลับแล้วนะ?”
“อื้ม” หลังจากถางหยวนหยวนเช็ดปากของตัวเองเรียบร้อยแล้ว จึงยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของยู่ฉือยี่ซู : “พี่ อย่าดุเพื่อนฉันอย่างนั้นสิ พวกเธอไม่สนิทกับพี่ ไม่เข้าใจพี่ จะคิดว่าพี่เป็นคนไม่ดีได้นะ”