เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 161 อกหัก
เสิ่นเฉียวเดินเข้าไป ก็ยังไม่ค่อยจะปกติ ถามด้วยความเก้อเขิน
“ช่วงนี้ธุรกิจที่นี่เป็นยังไงบ้าง? ”
พนักงานที่ร้านพยักหน้า : “ก็พอได้ คุณหนูเสิ่น ต่อไปคุณคือเจ้านายของพวกเราแล้ว เพราะห้างเปลี่ยนเจ้าของแล้ว คุณก็ไม่เคยมาที่นี่เลย เพราะฉะนั้นเงินเดือนของเรายังคงค้างอยู่”
ได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวนิ่งไป ที่แท้เป็นเพราะเปลี่ยนเจ้าของเงินเดือนเลยค้างมาโดยตลอดไม่ได้จ่าย?
หนักงานน้ำตาไหล : “ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ไม่ได้จ่ายเงินเดือนแล้ว คุณหนูเสิ่น ฉันก็ยังรอเงินเดือนจ่ายค่าเช่าห้องนะ”
เสิ่นเฉียวถอนหายใจเบาๆ : “งั้นต้องจ่ายเงินเดือนยังไง ฉันจ่ายให้เธอ? ”
“ไม่ไม่ไม่ คุณต้องไปชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า”
ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าหรอ? เสิ่นเฉียวพยักหน้า : “งั้นฉันไปดูละกัน”
เสิ่นเฉียวขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุด บรรยากาศไม่เหมือนกับชั้นล่าง ชั้นบนสุดเงียบมาก มีความรู้สึกเหมือนยืนอยู่นอกโลก
เข้าไปแล้วเธอเห็นคนที่ทำงานเยอะมากก็ต่างกำลังยุ่ง ทุกคนมองเธอด้วยความประหลาดใจ แล้วก็มองกลับไป
เสิ่นเฉียวไม่รู้ว่ามาที่นี่ควรจะต้องพูดอะไรทำอะไร ได้แค่หาคนถามเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อน
คนนั้นฟังคำบรรยายของเธอแล้ว ก็พาเธอไปที่ห้องทำงานห้องหนึ่ง
“คุณเข้าไปเถอะหาเขาก็ได้แล้ว”
เสิ่นเฉียวเคาะประตู เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“เข้ามาได้”
เสิ่นเฉียวผลักประตูเข้าไป โผล่หัวออกมา : “สวัสดีค่ะ? ”
แล้วก็สบตากับคนที่อยู่ข้างใน การแสดงออกของเธอผิดไปเล็กน้อย
ไม่ได้รอให้เสิ่นเฉียวพูดออกมา ผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะก็พูดพลางหัวเราะ : “ผู้ช่วยของเย่โม่เซิน? ”
ไม่ผิด คนที่อยู่ตรงหน้าคือพี่จิงที่เคยแต่งหน้าให้เธอ
เธอวนรอบๆ ห้องทำงานแล้วเดินมาทางเธอ มือสองข้างกอดอกพิงที่ประตูแล้วพูดว่า : “เธอนี่ช่างทำให้คนหัวเราะจริงๆ รอเธอตั้งนานกว่าจะออกมา”
เสิ่นเฉียว:รอฉัน?
“ใช่สิ ด้วยความประหลาดใจห้างนี้ก็เปลี่ยนเจ้าของแล้ว ฉันเป็นพนักงาน ก็แน่นอนว่าจะต้องอยากพบเจ้านายคนใหม่สิ แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นคุณ”
เสิ่นเฉียว: “……คุณรู้ได้ยังไง?”
“ความลับ”
พี่จิงหันกลับไปเดินเข้าไปข้างใน “คุณคงมาดูบัญชีใช่ไหม? ” บัญชีของเร็วๆ นี้ฉันจัดการไว้หมดแล้ว ส่งในอีเมลคุณ?
“ไม่ ไม่ต้องแล้ว” เสิ่นเฉียวค่อนข้างลังเล “ฉันแค่มาพูดแทนพนักงานข้างล่าง เงินเดินล่าช้าเลยมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว พวกเธอต่างก็กังวล”
“เหอะ ไม่ใช่แค่พวกเธอกังวล พี่จิงฉันก็กังวลมากแล้วหล่ะ? เงินเดือนของฉันก็ล่าช้ามาสัปดาห์หนึ่งแล้ว”
“ได้ ได้ยังไง? ”
“ก็กำลังรอคุณเซ็นชื่อไง เจ้านายใหม่~”
พี่จิงวางรายการเงินเดือนไว้ข้างหน้าเธอ: “ดูสักหน่อยเถอะ ถ้าหากไม่มีปัญหาก็เซ็นชื่อเถอะ”
เสิ่นเฉียวรับมาอย่างงงๆ ดูจนตาลายไปหมด
“เอิ่ม……”
“ใช่แล้ว นี่คือการ์ดรายรับรายจ่ายนะเจ้านายคนใหม่ รหัสชื่อวันเกิดของคุณ”
เสิ่นเฉียว: “……”
เธอรับบัตรธนาคารมาก กะพริบตาอย่างงงๆ
เรื่องอะไรกัน? ด้วยความประหลาดใจก็ให้บัตรรายรับรายจ่ายกับเธอ?
“ข้างในเป็นกำไรของห้างเดือนนี้”
เสิ่นเฉียวไปที่ธนาคารใกล้ๆ ตรวจสอบดู เห็นว่าในบัตรมีกำไลเฉียดหมื่นล้านข้างในจริงๆ ตกใจจนแทบจะทำบัตรหล่นแล้ว
แต่เธอก็กลับไปหาพี่จิงอีก
“พี่จิง พี่ให้บัตรผิดไปหรือเปล่า? ” ในนี้มีเกือบหมื่นล้าน……
พี่จิงมองเธอด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ไง? ห้างใหญ่ขนาดนี้ และยังอยู่ภายใต้ชื่อของตระกูลเย่ เดือนหนึ่งกำไลหมื่นล้าน……..เดือนนี้ยังถือว่าน้อยแล้ว”
เสิ่นเฉียวหายใจไม่ออก รีบเอาบัตรธนาคารวางกลับไปที่โต๊ะ
บัตรหมื่นล้านนี่อยู่ในมือฉันก็เหมือนมันฝรั่งร้อนๆ เธอไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้
“เป็นอะไรไป? ”
“เงินในนี้เยอะเกินไป ฉันเก็บไว้ไม่ได้”
“ตอนนี้คุณเป็นเจ้านายของที่นี่ คุณไม่เก็บใครเก็บล่ะ? ”
เสิ่นเฉียว: “แต่ว่า…..”
“แม้ฉันไม่รู้ว่าโม่เซินทำไมถึงเอาห้างนี้ยกให้คุณกะทันหันแบบนี้ แต่ว่าเขาให้คุณก็ต้องมีเหตุผลของตัวเอง กำไลของห้างเดือนนี้ลดลงกว่าก่อนหน้านี้นิดหน่อย คุณมีวิธีทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกไหม? ยังไง ดูแลห้างใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ”
อะไร? เสิ่นเฉียวฟังคำพูดแล้วถลึงตากว้าง ทำให้ห้างมีชีวิตอีกครั้ง? เธอไม่เคยเรียนเกี่ยวกับการทำธุรกิจมาก่อน ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวเม้มปาก หยิบบัตรธนาคารกลับมาไว้ในมือ
“เรื่องนี้ฉันจะให้คำตอบคุณ”
หลังจากเสิ่นเฉียวออกไปจากห้าง แล้วก็กลับไปที่ตระกูลเย่ ในห้องหาเย่โม่เซินไม่เจอ สาวใช้บอกว่าเขาไปที่ห้องหนังสือ แล้วเธอก็ไปที่ห้องหนังสือเพื่อไปหาเขา
เธอเดินเข้าไปเอาบัตรธนาคารวางไว้บนโต๊ะ
บัตรธนาคารทับสัญญาสีขาวไว้ฉบับหนึ่ง
“นี่คือสัญญามอบอำนาจของห้างสรรพสินค้า แล้วยังมีกำไรของเดือนนี้”
เย่โม่เซินไม่สนใจเธอ และไม่ได้พูดอะไร เสิ่นเฉียวยืนอยู่สิบวินาที เห็นเขาไม่มีการตอบสนอง ยังหันกลับจะออกไป
“ฉันเย่โม่เซินส่งของออกไป แม้ว่าคุณจะส่งกลับเหมือนเดิมก็ตาม ฉันก็ไม่รับไว้”
เสิ่นเฉียวขั้นตอนดำเนินการก็ยังหยุดอยู่ที่เดิมแบบนี้แล้ว คำพูดนี้…..ดูเหมือนจะมีบางอย่างในคำพูด!
เธอหันหน้าไปอย่างรวดเร็ว กัดริมฝีปากล่าง : “ก่อนคุณจะส่งออกไปคุณเคยถามฉันก่อนไหม? ฉันเคยบอกว่าฉันอยากได้ห้างนี้? ห้างสรรพสินค้าใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะอยากได้ได้ยังไง? เย่โม่เซิน คุณคิดว่าเงินทองสามารถซื้อฉันได้อย่างนั้นหรอ? ”
เย่โม่เซินเงยหน้า มองไปที่เธอด้วยสายตาเยือกเย็น
“ถ้าเงินทองซื้อเธอไม่ได้ วันนี้เธอจะเอาของพวกนี้มาที่ห้องหนังสือฉันได้ยังไง ถ้าไม่ได้อยากได้ ก็ยังจะมาหาฉันที่นี่เพื่อแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาหรอ? ”
เสิ่นเฉียว : “……คิดไม่ถึงว่าคุณจะมองฉันแบบนี้!”
คำพูดพวกนี้ทำเธอโกรธจนตัวสั่น
แต่ก็ตอบใจสนองกลับมา เขาต้องตั้งใจแน่ๆ
เพราะเธอพูดคำพูดที่ทำร้ายเขา ดังนั้นตอนนี้เขาเลยพูดคำพูดที่แทงใจดำเธอ
“ไม่มีอะไร! คุณอยากจะมองฉันยังไงก็มองไปเถอะ ยังไงของพวกนี้ฉันไม่รับไว้”
พูดจบ เสิ่นเฉียวหันกลับก็ไป
ตอนที่เดินไปถึงประตู ก็ได้ยินเสียงพึ่่่มมาครั้งหนึ่ง
เย่โม่เซินก็ยื่นมือมาหยิบสัญญากับบัตรธนาคารโยนทิ้งไปในถังขยะ
เสิ่นเฉียวถลึงตาโตอย่างไม่เชื่อ
“คุณบ้าไปแล้วหรอ? นั่นเป็นสัญญาของห้างสรรพสินค้านะ ในบัตรก็มีเงินหลายหมื่นล้าน”
“ร้อนรนแล้วหรอ? ” เย่โม่เซินเหลือบมองไปที่เธออย่างเยือกเย็น มีรอยยิ้มกระหายเลือดที่ริมฝีปาก : “หยิบขึ้นมาสิ”
มือทั้งสองข้างกำอย่างแน่น เล็บแทบจะแทงเข้าไปในเนื้อแล้ว เสิ่นเฉียวมองไปที่ผู้ชายที่น่ารังเกียจข้างหน้า ความรู้สึกสิ้นหวังในใจค่อยๆ ลึกลงไป
“เธอต้อง…… ต้องหยามเกียรติคนอื่นแบบนี้ถึงจะมีความสุขใช่ไหม? ”
“สำหรับผู้หญิงแบบนี้ วิธีแบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว”
“โอเค ไม่ต้องการก็ไม่ต้องการ ทิ้งก็ทิ้ง ใครสนใจ? ” เสิ่นเฉียวทนเขาไม่ไหวจริงๆ แล้ว เลยตะโกนไปที่เขา ดวงตาคู่สวยเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่ได้ระวัง ตะโกนเสร็จ เธอก็ไม่ได้มองเย่โม่เซินอีก หันหลังกลับแล้วจากไป
เย่โม่เซินมองที่เงาเล็กๆ ที่จากตัวเองไป ตาก็ค่อยๆ ลอย ไปตกในถังขยะ กำมือแน่นอย่างเงียบๆ