เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1624 เห็นแก่ตัว
บทที่ 1624 เห็นแก่ตัว
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ลงมาจากเตียงแล้วก็เดินเข้าไปหาจงฉู่เฟิง
“เพื่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
แกพูดจาเรื่อยเปื่อยต่อหน้าพี่ซู ไม่กลัวโดนต่อยรึไงกัน? ”
“ถ้าเขากลัวเขาก็ไม่พูดแล้วสิ เมื่อกี้ก็โดนไปหมัดหนึ่งแล้วไม่ใช่รึไง?
เจ็บไหม? ”
พอถามถึงตรงนี้ หนึ่งในสองคนนั้นก็ยืนมือไปจับตรงมุมปากของจงฉู่เฟิง แต่ผลก็คือจงฉู่เฟิงไม่ตอบสนองอะไรเลย
“เพื่อน?”
“ทำไมถึงไม่ตอบสนองอะไรเลยล่ะ?
หรือว่าโดนต่อยจนบื้อไปเลย?”
ทั้งสองคนก็จิ้มไปที่มุมปากของจงฉู่เฟิง แต่เขาก็ยังคงไม่ตอบสนองเหมือนเดิม ดังนั้นก็เลยจิ้มต่อไปเรื่อยๆ
สุดท้ายจงฉู่เฟิงก็ทนไม่ไหว เขากัดฟันแล้วก่นด่าว่า “พวกแกสองคนพอได้รึยัง?
จำเป็นต้องจิ้มแผลฉันให้ได้ใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะเจ็บใจมากกว่า แต่ว่าฉันก็เป็นคนมีเลือดมีเนื้อเหมือนกัน ช่วยเปลี่ยนที่จิ้มหน่อยได้ไหม? ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถึงแม้ว่าตอนนี้จงฉู่เฟิงจะดูเศร้าเสียใจมาก แต่พอเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนได้ยินเขาบ่นแล้วนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือกุมท้องแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“จงฉู่เฟิง อย่ามาตลกได้ไหม เวลานี้แกควรจะพูดว่า หัวใจของแกได้ตายไปแล้ว นอกจากการเจ็บที่หัวใจนั้น แกก็ไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนอีกไม่ใช่เหรอ? ”
“ใช่ๆ แกทำอะไรของแกเนี่ย กลับพูดว่าเจ็บแผลซะงั้น”
จงฉู่เฟิงมองดูเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนที่เหน็บแนมเขาอย่างมาก ก็ตะคอกออกมาด้วยความโมโห “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ”
หลังจากด่าเสร็จ ความเจ็บปวดที่มุมปากทำให้เขาหน้าตาบูดบึ้ง สูดอากาศเย็นๆ เข้าปิดไม่หยุด
พอเพื่อนร่วมห้องทั้งสองเห็นเหตุการณ์แบบนี้ก็หัวเราะดังขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก! จงฉู่เฟิงโกรธมาก แล้วก็เตะพวกเขาไปคนละที
“เรื่องคืนนี้ ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด ฉันเมา ก็เลยพูดจาไปเรื่อยเปื่อย”
“ในเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดจาเรื่อยเปื่อย แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงดื้อดึงไม่ยอมรับผิดไปล่ะ พี่ซูโกรธจนออกไปข้างนอกแล้วเนี่ย”
พอพูดถึงจุดนี้ จงฉู่เฟิงก็เงียบ แววตาเขาก็มืดลงและกลายเป็นจริงจังขึ้นมา
“ฉันไม่เสียใจกับคำพูดพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว”
เรื่องบางเรื่องนั้นต้องเปิดอกและพูดออกมาให้ชัดเจน ยิ่งเรื่องความรู้สึกนี้ยิ่งต้องพูดให้เคลียร์ จะเอาแต่คลุมเครือไม่ชัดเจนไม่ได้
เขาไม่ต้องพูดต่อหน้าหยวนหยวนก็ได้ เธอแค่อยู่แบบใสซื่อบริสุทธิ์สวยงามไปแบบนั้นก็เพียงพอแล้ว แต่ว่ายู่ฉือยี่ซูนั้นเป็นใครกันถึงจะพูดไม่ได้?
จงฉู่เฟิงต้องการให้เขาจัดการสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจน! กลางดึกแบบนี้ยู่ฉือยี่ซูยืนพิงประตูมหาลัยอย่างโดดเดี่ยว มือล้วงกระเป๋ากางเกง เอาหลังพิงกำแพง มองไปด้านหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง
อยากจะออกมาสูดอากาศหน่อย แต่ก็มาที่นี่อย่างไม่รู้ตัว
คำพูดยังคงก้องอยู่ในหู ในใจของยู่ฉือยี่ซูนั้นสับสนวุ่นวายมาก
ในอดีตเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ตอนนี้ก็ยิ่งไม่เคยคิดไปกันใหญ่ แต่ว่าทำไมถึงทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ล่ะ?
จงฉู่เฟิงไม่ได้พูดเป็นครั้งแรก
เขายืนอยู่ตรงหน้าประตูมหาลัยอยู่นานถึงได้ออกมา
วันรุ่งขึ้นตอนที่จงฉู่เฟิงตื่นขึ้นมานั้น แค่ขยับปากก็รู้สึกว่าเจ็บแล้ว แล้วก็เห็นว่าคางของตัวเองบวม เขาก็ร้องออกมา มองยู่ฉือยี่ซูแล้วก็พูดว่า “พี่ซู ครั้งหน้าช่วยเบามือหน่อยได้ไหม? ”
ยู่ฉือยี่ซูเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“พี่ซู?
ฉันจริงจังนะ”
ในที่สุด ยู่ฉือยี่ซูก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา “แกอยากจะพูดอะไรกันแน่ วันนี้แกไม่ได้เมานิ ถ้าเกิดว่าพูดจาเหลวไหลอะไรอีก ฉันจะต่อยจนกว่าแกลุกขึ้นมาไม่ได้ถึงจะหยุด”
โอเคๆ เมื่อวานฉันยังโดนตีไม่พอ นายอยากต่อยก็ต่อย ยังไงซะเพื่อหยวนหยวนแล้ว ฉันก็ต่อยกลับไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหม? ”
ยู่ฉือยี่ซูจ้องเขาเงียบๆ
“วันนี้ฉันแค่ต้องการประโยคที่เท็จจริงประโยคเดียว สรุปแล้วแกชอบหยวนหยวนรึเปล่า? ”
พอได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ
“ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบฟัง แต่ว่าเพื่อนหยวนหยวนแล้ว ฉันรู้สึกว่าฉันต้องถาม”
“นี่มันเกี่ยวอะไรกับหยวนหยวนกัน? ”
“ก็ต้องเกี่ยวอยู่แล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่จงฉู่เฟิงรู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล แล้วก็เห็นแก่ตัวด้วย
“ฉันพูดว่า ถ้า หยวนหยวนชอบแกล่ะก็ สมมุติ…..ว่าแกไม่มีแฟนเลย เธอจะตั้งความหวังไว้กับแกไหม? ”
คำพูดนี้ทำให้ยู่ฉือยี่ซูอึ้งไป
“แกพูดอะไรของแก? ”
“อย่าหาว่าฉันเห็นแก่ตัวเลยนะ ถ้าเกิดว่าแกมีความรู้สึกให้เธอล่ะก็ ถ้ายังงั้นก็เป็นไปได้มากว่าแกจะไม่มีแฟน”
แต่ว่าถ้าเกิดว่าแกไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอล่ะก็ บางทีก็แกก็ควรลองหาแฟนดูคนหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้สายตาของเด็กคนนั้นละออกจากตัวของแกบ้าง แฟนจริงๆ ก็ดี แฟนหลอกๆ ก็ได้ ขอแค่ให้เด็กนั้นรู้ว่าแกมีแฟนแล้วก็พอ”
ยู่ฉือยี่ซู:“?”
“จงฉู่เฟิง แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ”
“เปล่า เมื่อวานแกพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเธอพึ่งพาอาศัยแกน่ะ?
ถ้าเกิดว่าเธอแยกไม่ออกระหว่างคำว่าชอบกับคำว่าพึ่งพาล่ะ? ”
จงฉู่เฟิงมองเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เพราะฉะนั้นแกเลยต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ถ้าเกิดว่าความรู้สึกที่เธอมีให้แกนั้นมันเป็นแค่การพึ่งพาอาศัยจริงๆ ก็จะสามารถเปลี่ยนได้จากเรื่องนี้”
รอบข้างนั้นเงียบมาก ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่นาน ยู่ฉือยี่ซูก็หัวเราะเยาะออกมา “ดังนั้น นี่แกก็เลยกำลังบังคับให้ฉันหาแฟนอยู่งั้นเหรอ? ”
“แกรู้สึกว่าฉันกำลังบังคับแกอยู่เหรอ?
ถ้าเกิดว่าหยวนหยวนมีความรู้สึกให้แกจริงๆ แกสามารถให้คำตอบเธอได้ไหมล่ะ?
ถ้าเกิดว่าแกให้ไม่ได้ ถ้ายังงั้นแกก็ควรทำอะไรบางอย่างไม่ใช่เหรอ? ”
ยู่ฉือยี่ซูไม่ได้ตอบอะไร
“ดอกไม้ประจำโรงเรียนเอาแต่ตามจีบแกไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้หยวนหยวนก็เคยเจอเธอแล้ว บางทีแกอาจจะไปให้เธอช่วยก็ได้นิ แกไม่ต้องคบกับดอกไม้ประจำโรงเรียนก็ได้ แต่แกแค่บอกหยวนหยวนว่าดอกไม้ประจำโรงเรียนเป็นแฟนแกก็พอแล้ว”
ยู่ฉือยี่ซู:“……”
“ฉันพูดถึงขนาดนี้แล้ว ควรจะทำยังไงแกก็คิดเอาเองแล้วกัน” จงฉู่เฟิงลุกขึ้น แล้วก็มองหน้ายู่ฉือยี่ซู
“ฉันไม่คบกับหยวนหยวนก็ได้ ต่อให้เธอไม่ชอบฉันตลอดชีวิตนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าฉันไม่อยากเห็นเธอต้องการแต่ไม่สามารถครอบครองได้ พี่ซู ถ้าเกิดว่าแกสงสารเธอล่ะก็ ก็ควรเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว”
หลังจากที่จงฉู่เฟิงไปแล้ว ยู่ฉือยี่ซูก็นั่งอยู่คนเดียวอยู่นาน ส่วนเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนนั้นก็แกล้งหลับไม่ยอมลงมา นั่งเกาแกรกๆ อยู่ในผ้าห่ม
“พอแล้ว ออกมาได้แล้ว”
ยู่ฉือยี่ซูพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “ไม่ต้องเก็บตัวแล้ว”
เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนโผล่ออกมาจากผ้าห่ม สีหน้าดูกลัดกลุ้มเล็กน้อย ทำไมทุกครั้งที่ทั้งสองคนนี้คุยกันต้องเลือกเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วย ทำไมถึงไม่เลือกคุยกันตอนที่พวกเขาไม่อยู่?
“พี่ซู พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ”
“ฉันรู้”
“พี่ซู มีบางอย่างที่ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรพูดดี”
“หืม?”
“ที่จริงแล้ววันนั้นตอนที่น้องสาวแกมานั้น….ตอนแรกพวกเราก็นึกว่าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแก ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากมาย หลังจากนั้นฉู่เฟิงถึงได้บอกพวกเราว่านั่นไม่ใช่น้องแท้ๆ ของแก”
“แล้ว? ”
“สายตาที่เด็กคนนั้นมองแก มันไม่เหมือนกันจริงๆ นะ”
“พวกเราก็แค่พูดความคิดของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรอื่น”
“เมื่อก่อนฉันเคยมีน้องสาวเพื่อนบ้านคล้ายๆ กับน้องแกคนนี้ เด็กคนนั้นแยกระหว่างการพึ่งพากับความรู้สึกชอบไม่ออกจริงๆ เห็นความรู้สึกพึ่งพาเป็นความชอบ และหลังจากนั้นพอคนคนนั้นมีแฟน ตัวเองก็หาแฟนของตัวเอง ถึงได้รู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง”
พอได้ยินแบบนี้ ยู่ฉือยี่ซูก็เงียบไป
“ดังนั้น ถึงแม้สิ่งที่ฉู่เฟิงพูดมันจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ว่ามันก็คือความจริง”
“ความหมายของพวกแกก็คือ ให้ฉันโกหกเธอยังงั้นเหรอ? ”
ยู่ฉือยี่ซูเม้มปากแน่น รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ค่อยได้เท่าไหร่