เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1634 นี่คือคำมั่นสัญญา
บทที่ 1634 นี่คือคำมั่นสัญญา
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ
ยู่ฉือยี่ซูจ้องมองเธออย่างละเอียด คาดเดาความคิดของเธอในตอนนี้ เนิ่นนานจึงถามว่า“ต่อไปก็ยังจะไม่สนใจพี่เหรอ”
ถางหยวนหยวนมองเขา
“พี่สาวคนนั้น ไม่ใช่แฟนพี่จริงเหรอ”
“ไม่ใช่”
พูดมาถึงตรงนี้ ถางหยวนหยวนรู้สึกว่าความรู้สึกในใจตนเองเห็นชัดมากแล้ว ไม่รู้ต่อไปจะยังมีโอกาสไหม ถางหยวนหยวนอยากจะถามให้กระจ่างในเวลานี้
“ถ้าอย่างนั้น พี่รู้ว่าในใจของหยวนหยวนกำลังคิดอะไรอยู่ใช่มั้ยคะ”
ยู่ฉือยี่ซูอึ้งตะลึง คิดไม่ถึงว่าเธอจะถามอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้
รู้คือรู้ แต่วันนี้เขากลับไม่อยากจะพูดคุยปัญหานี้กับเธอ
ได้แต่ยื่นมือมาลูบศีรษะเธอ พูดเบาๆว่า“เด็กทุกคน ก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนก่อน”
เขาไม่ได้พูดตรงๆ ถางหยวนหยวนฟังความหมายของเขาออก
กลัวว่าเธอจะคิดมาก ยู่ฉือยี่ซูจึงเสริมอีกประโยค“เรื่องอื่น รอให้เธอบรรลุนิติภาวะก่อนค่อยว่ากัน”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็จุดความหวังในใจถางหยวนหยวนขึ้นมาเลย
“ความหมายของพี่คือ รอให้ฉันบรรลุนิติภาวะก็ได้แล้วใช่มั้ยคะ”
ยู่ฉือยี่ซู“……”เขาจะพูดอย่างไร
“ทุกอย่างรอให้เธอบรรลุนิติภาวะก่อนค่อยคุย ดีมั้ย”
ถางหยวนหยวนคว้ามือของเขามากุมไว้“พี่ หยวนหยวนจะถือว่านี่เป็นคำมั่นสัญญา”
“สัญญาอะไร”
“ก่อนที่หยวนหยวนจะบรรลุนิติภาวะ พี่จะไม่หาใครมาเป็นแฟน”
ถางหยวนหยวนเบิกตา จ้องยู่ฉือยี่ซูอย่างจริงจัง ถามอย่างคาดไม่ถึงว่า“ได้เหรอคะ”
ทั้งสองสบสายตากันเนิ่นนาน ยี่ฉิอยี่ซูส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ได้ รับปากเธอ รับปากเธอทุกอย่าง”
เดิมควรจะดีใจ แต่หลังจากถางหยวนหยวนได้ยินคำสัญญาของเขาแล้ว กลับอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ และยังร้องอย่างมากมายแบบนั้นด้วย
พอยู่ฉือยี่ซูก็ตื่นตระหนก เขาที่สูงหนึ่งเมตรแปดสิบกว่าเซนติเมตรไม่รู้จะอย่างไรดีต่อหน้าสาวน้อยคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเช็ดน้ำตาให้เธออย่างไร
“อย่าร้อง พี่รับปากเธอแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อืม ฉันไม่ร้อง ฉันไม่เสียใจ….”ถางหยวนหยวนร้องไห้พลางพูดอย่างสะอึกสะอื้นพลาง“ฉันแค่ดีใจมากเกินไป”
ช่วงระยะนี้เธอเสียใจมากจริงๆ คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสแล้ว
“พี่คะ พี่รู้มั้ย ว่าฉันเตรียมที่จากพี่ไปตลอดกาลแล้ว”
สาวน้อยร้องไห้พลางพูดประโยคนี้พลาง ยู่ฉือยี่ซูได้ฟังก็ใจสั่น ออกแรงจับเธอเอาไว้มากขึ้น โชคดี เขามาหาเธอ ถ้าปล่อยให้เธอเข้าใจผิดต่อไป เกรงว่าเธอจะจากตนเองไปจริงๆ
อย่าคิดว่าปกติหยวนหยวนเป็นคนอ่อนโยนบอบบางว่านอนสอนง่าย คุณพูดอะไรเธอก็จะรับปากคุณ ความจริงแล้วตอนที่เห็นเธอคิดจะมุ่งมั่นแน่วแน่ เธอก็เป็นคนหัวดื้อมาก
ก็เหมือนครั้งนี้ เขาอยากพบเธอ หาเธออยู่นานจึงจะเรียกเธอออกมาได้
โชคดี ที่พูดกันชัดเจนแล้ว
“ไม่มีทาง พี่จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
ถางหยวนหยวนร้องไห้อย่างเสียใจเล็กน้อย ทันใดนั้นใบหน้าเล็กๆก็แหงนหน้ามองขึ้นมาทั้งน้ำตาพูดว่า“ฉันกอดพี่ได้มั้ย”
ปลายนิ้วของอีกฝ่ายชะงักงัน ถางหยวนหยวนกระพริบตาเบาๆ“นิดเดียวก็ได้”
วินาทีต่อมา ยู่ฉือยี่ซูก้มตัวลง เอาสาวน้อยโอบเข้าหาอ้อมอก มือหนึ่งกดที่หัวไหล่เธอ อีกมือลูบที่ด้านหลังศีรษะเธอเบาๆ เสียงทุ้มต่ำและอบอุ่น
“พอแล้ว ใกล้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว ยังจะร้องห่มร้องไห้ ไม่อายหรือไง”
สาวน้อยสูดจมูก ยื่นมือเล็ก ๆ สองข้างโอบรอบเอวของเขา“พี่คะ ฉันอยากกินไอศกรีม ช็อคโกแลต สายไหม แล้วก็เค้ก”
ยู่ฉือยี่ซู “…..”“ได้มั้ยคะ”
“เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่ได้เหรอคะ
พี่ขี้งก”
“ไม่ใช่ไม่ได้ เธอไม่ใช่ว่าจะลดความอ้วนเหรอ”
“วันนี้ไม่ลด! หยวนหยวนดีใจ! หยวนหยวนจะกิน!”
เสียงของสาวน้อยเต็มไปด้วยความสดใสและดีใจ เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่มีความสุข หัวใจของยี่ฉือยี่ซูที่ช่วงนี้ถูกหินก้อนมหึมากดทับอยู่ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงมา รับปากเธอเบาๆ“ได้ ไปกิน”
วันนั้น ยู่ฉือยี่ซูพาถางหยวนหยวนไปกินไอศกรีม สายไหม และยังซื้อช็อคโกแลตให้เธอด้วย
หลังจากถางหยวนหยวนกินไอศกรีมไปแท่งหนึ่งแล้ว ก็จะกินอีกแท่ง ถูกยู่ฉือยี่ซูเห็น ตำหนิเบา “ไอศกรีมเป็นของเย็น อย่ากินเยอะไม่ดี”
“อ่าว”
ถางหยวนหยวนสับสนเล็กน้อย“แต่ว่าฉันเอามาแล้ว”
พูดจบ สายตาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ เอาไอศกรีมที่กัดไปสองสามคำแล้วผลักไปตรงหน้าของยู่ฉือยี่ซู“ไม่งั้นก็ให้พี่กินแล้วกัน”
เขาไม่ได้รับไป ถางหยวนหยวนเอียงคอมอง“พี่คะ พี่รังเกียจที่ไอศกรีมถูกหยวนหยวนกัดไปแล้วเหรอคะ
พี่รังเกียจหยวนหยวนเหรอคะ”
“ไม่ใช่แน่นอน”ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือออกมา มองหน้าด้วยสีหน้าหมดหนทางเล็กน้อย สาวน้อยสีหน้ายินดี หลังจากเห็นเขาหยิบไอศกรีมที่ตนเองกัดไปแล้วก็ไม่ได้มีทีท่าเขินอายหรืออะไรใดๆ ไปกินเค้กของเธออย่างไร้เดียงสา
เห็นได้ชัดว่า เธอไม่รู้เลยว่า การให้ตนเองกินของที่เธอกินแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่คลุมเครือขนาดไหน
ในสายตาเธอ นี่มันก็แค่ไอศกรีมแท่งหนึ่งที่เขาไม่ให้เธอกิน และเธอก็ไม่กิน แต่ไม่อยากทิ้งไอศกรีมไปโดยสิ้นเปลืองเท่านั้น
ดังนั้น ก็เป็นตนเองที่คิดมากเกินไป ยู่ฉือยี่ซูตำหนิตนเองแรงๆในใจ
เธอไร้เดียงสาขนาดนั้น เขาไม่อาจใช้ความคิดที่ปรุงแต่งแล้วพวกนั้นมามองเธอได้
ยู่ฉือยี่ซูไม่ได้ชอบกินไอศกรีมเท่าไหร่นัก ตอนเด็กๆมักจะดูเธอกิน เขาก้มหน้ากัดไปหนึ่งคำ รสชาติอ่อนนุ่มเย็นฉ่ำหวานเลี่ยนสัมผัสไปที่ต่อมรับรสของเขาในทันที
รสชาติ ดูเหมือนจะไม่เลว
นี่คือความคิดแรกที่ยู่ฉือยี่ซูกินไอศกรีม
“พี่คะ อร่อยมั้ย”
ถางหยวนหยวนถามเขาอย่างไร้เดียงสา
“ไม่เลว”
ยู่ฉือยี่ซูพยักหน้า
ได้ยินเขาบอกว่าอร่อย สายน้อยกินเค้กต่อไปด้วยความดีใจอีก
แต่หลังจากนั้นสาวน้อยก็อยากกินอย่างอื่นอีก ดังนั้นกินเค้กไปครึ่งเดียวก็ไม่อยากกินแล้ว เห็นเขากินไอศกรีมใกล้หมดแล้ว จึงเอาเค้กที่กินเหลือผลักไปตรงหน้าเขา
“พี่คะ ฉันกินไม่ไหวแล้ว พี่ช่วยฉันกินให้หมดหน่อยนะอย่ากินทิ้งกินขว้างได้มั้ยคะ”
ยู่ฉือยี่ซูเม้มปาก“กินไม่ไหวแล้ว ยังอยากกินอย่างอื่น”
“โอ้ย ฉันก็กินเค้กไม่ไหวแล้ว แต่ฉันยังกินอย่างอื่นไหวอยู่ ได้มั้ยคะพี่”
เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา“กินน้อยๆหน่อย”
“ขอบคุณค่ะพี่!”
วันนั้น ถางหยวนหยวนกินของที่ไม่ได้กินมานานหลายอย่างมาก กินไม่หมดก็ผลักไปตรงหน้ายู่ฉือยี่ซูให้เขาจัดการ กินจนถึงกลางคืนถึงกลับไป
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่เพียงผ่อนคลายลงไม่น้อย ดูเหมือนยังทำให้อบอุ่นขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน
แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงความคิดของตัวยู่ฉือยี่ซูเอง
ระหว่างทางกลับไป สาวน้อยเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว กอดแขนเขาพิงร่างเขาหลับตา ท่าทางไม่อยากจะเดิน
เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ ยู่ฉือยี่ซูคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ“ขึ้นมา พี่จะแบกเธอกลับไป”
หลังของเขาถางหยวนหยวนคุ้นเคยเป็นอย่างดี หลังจากสงวนท่าทีไว้เล็กน้อย ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของเขา เกี่ยวคอของเขาอย่างชำนาญ
“ขอบคุณค่ะพี่ อย่างนั้นฉันแอบนอนแป๊บนึงได้มั้ย”
“นอนเถอะ ถึงแล้วจะเรียกเธอ”