เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 1639 กินปลา
บทที่ 1639 กินปลา
สั่งมาให้เธอกินทั้งหมดเลยเหรอ
ถางหยวนหยวน อึดอัดใจ เธอจะกินได้เยอะขนาดนี้ได้อย่างไร แถมตอนนี้ยังเป็นเวลากลางคืนอีก
ดังนั้นสีหน้าท่าทางถางหยวนหยวนเลยเปลี่ยนเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา
“พี่คะ เยอะขนาดนั้นฉันกินไม่ไหวจริงๆ”
“พอแล้ว พี่แค่แกล้งเธอเล่น กินได้เท่าไหร่ก็กินแค่นั้นก่อน กินไม่หมด พี่จะให้เขาห่อกลับให้เธอ”
“จริงเหรอ”
“อืม”
ถางหยวนหยวนถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะไม่ต้องแบกรับภาระที่หนักหนาขนาดนั้นแล้ว เธอสามารถกินได้อย่างละนิดอย่างละหน่อย ที่เหลือก็ให้พี่
เดิมทีคิดเอาไว้แบบนี้ แค่ว่าพอถึงตอนกินจริงๆแล้ว ถางหยวนหยวนเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองไม่อาจควบคุมให้ตนเองกินอย่างได้ละนิดละหน่อยได้จริงๆ
เลยอดไม่ได้ที่แอบกินเพิ่มอย่างละนิดอย่างละหน่อย จนตัวของถางหยวนหยวนเองก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา จนต้องแอบเหล่ตามองยู่ฉือยี่ซู กลับพบว่าเหมือนเขาจะไม่รู้ไม่เห็นแบบนั้น เพราะมัวแต่วุ่นวายกับการเติมน้ำในหม้อที่มีไว้สำหรับย่างปลาอยู่ หลังจากน้ำเดือดแล้ว เขาก็คีบปลาลงไปในจานอย่างเอาจริงเอาจัง
เมื่อเห็นปลาพวกนั้นแล้ว ถางหยวนหยวนรู้สึกฝังใจ จึงได้หันศีรษะไปทางอื่น
ผ่านไปสักพัก ยู่ฉือยี่ซูพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “ได้แล้ว”
“อะไรนะ” ถางหยวนหยวนยังไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ก็เห็นว่าเขาเอาจานปลามาวางอยู่ตรงหน้าของตนเอง “ให้เธอไง”
ถางหยวนหยวนเสียวสันหลัง เหมือนว่ามีบางอย่างกำลังทิ่มคอหอยอยู่ รู้สึกว่าอยากจะพูดปฏิเสธ แต่ก็ได้ยินเขาพูดว่า “ก้างปลาเอาออกให้หมดแล้ว วางใจได้”
“พี่”
เธอรู้สึกประหลาดใจ เดิมคิดว่ายู่ฉือยี่ซูพาเธอมากินปลา น่าจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเด็กไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขายังจดจำได้
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันคิดว่าพี่ลืมเรื่องที่ฉันไม่ชอบกินปลาไปแล้ว”
“มีของที่เธอไม่ชอบกินด้วยเหรอ ที่ไม่กินก็เพราะว่ากลัวก้างปลา ช่วงตรงกลางของปลาโมงนั้นมีก้างเล็กอยู่อันหนึ่ง ดังนั้นพี่เลยจัดการเอามันออกให้แล้ว วางใจกินได้เลย”
พูดจบ ยู่ฉือยี่ซูพลันยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเธอ ถางหยวนหยวนซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบคุณนะคะพี่”
ที่แท้ตั้งแต่ที่คิดจะพาเธอมากินปลานั้นเขาก็ได้คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มิน่าล่ะเขาถึงได้สั่งปลาโมงมาให้ แต่ถางหยวนหยวนไม่เคยรู้มาก่อน
“ถ้าชอบ เดี๋ยวครั้งหน้าพาเธอมากินปลาต้มพริก”
“อืม!”
ยู่ฉือยี่ซูพูดถูกต้อง ความจริงแล้วไม่มีสิ่งของอะไรที่ถางหยวนหยวนไม่ชอบกิน ถ้าเธอไม่กิน อย่างนั้นหมายความว่าของสิ่งนั้นทำให้เธอมีความฝังใจ
รสชาติของปลาโมงมันดีมาก อีกอย่างยู่ฉือยี่ซูได้เอาก้างปลาออกให้หมดแล้ว ดังนั้นถางหยวนหยวนเลยสบายใจมาก
“พี่คะ ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้กินปลามาหลายปีแล้ว ต่อไปพี่สามารถช่วยเอาก้างปลาออกให้ได้ไหมคะ”
พูดจบ ถางหยวนหยวนก็รู้สึกว่าการขอร้องของตนเองมันมากเกินไปหน่อย เลยรีบกลับคำทันที “ช่างเถอะค่ะ ก้างปลาเยอะขนาดนั้น การเอาก้างปลาออกทีละอันนั้นมันลำบากมาก ไม่เอาดีกว่า พี่รีบกินข้าวของตนเองเถอะ”
ตั้งแต่เมื่อครู่ถึงตอนนี้ ยู่ฉือยี่ซูยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่ท้องของถางหยวนหยวนนั้นอัดแน่นไปเกือบหนึ่งในสามแล้ว
“ไม่ลำบากหรอก ต่อไปพวกเราสามารถกินปลาทั้งตัว ก้างปลาน้อยให้เธอ ส่วนก้างเยอะเอามาให้พี่”
ถางหยวนหยวนกระพริบตาไปมา หยุดการเคลื่อนไหว พลางเงยหน้าขึ้นจ้องมองยู่ฉือยี่ซู
“หมายความของพี่คือ ต่อไปจะอยู่กับหยวนหยวนตลอดไปใช่ไหม ดังนั้นพี่ ….”
“แฮ่ม” ยู่ฉือยี่ซูกระแอมเบาๆ พลันพูดตัดบททันที “กินข้าว ไม่ใช่เคยพูดกับเธอแล้วเหรอ เรื่องบางเรื่องรอให้น้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วค่อยว่ากัน”
ตอนนี้คุยเรื่องนี้กับเธอ ยู่ฉือยี่ซูรู้สึกว่าตนเองเหมือนคนเลวร้าย
ถางหยวนหยวนเผยอปากขึ้น “ตอนนี้บอกพูดหน่อยเดียวไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะยังไงก็เหลืออีกแค่ครึ่งปีเอง”
“ดังนั้น แม้จะเหลืออีกตั้งครึ่งปีเธอก็รอไม่ไหวแล้วเหรอ”
เขาแกล้งแหย่ออกมาหนึ่งประโยค ใบหน้าถางหยวนหยวนแดงก่ำขึ้นมาในชั่วพริบตา
“เหลวไหล ฉันรอไม่ได้ตรงไหนกัน”
ยู่ฉือยี่ซูไม่ได้พูดต่อ ถางหยวนหยวนรู้สึกอายจนไม่อยากจะพูดอะไรต่อ ไม่อย่างนั้นพี่จะคิดว่าอีกครึ่งปีเธอรอไม่ได้จริงๆ
ตอนอยู่ด้วยกันเวลามักผ่านไปเร็วมาก เพราะว่าหลังจากที่คนสองคนเคยทะเลาะกันแล้วก็กลับมาดีกันใหม่ ดังนั้นถางหยวนหยวนทะนุถนอมช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเขามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอยากจะกอดเขามากๆ
แต่ว่าเธอรู้สึกว่าต้องรู้จักเล่นตัวเล็กน้อยเวลาที่อยู่ต่อหน้าของยู่ฉือยี่ซูไม่เช่นนั้นถึงเวลานั้นก็ต้องโดนแกล้งอีก
ก็เหมือนเมื่อวานนี้ ยู่ฉือยี่ซูเอาเธอส่งกลับไปยังโรงเรียนแล้ว สองคนร่ำลากัน ถางหยวนหยวนกลับไปในห้องพัก วันนี้เธอกลับมาค่อนข้างเร็ว ดังนั้นคนในหอยังไม่ได้นอน
พอเธอเข้ามา หยวนเย่าหันก็เป็นฝ่ายทักทายเธอทันที
“กลับมาแล้วเหรอหยวนหยวน~ ไปเที่ยวที่ไหนมา”
ถางหยวนหยวนมองมาที่หยวนเย่าหันอยู่แวบหนึ่ง หางตาพลันมองไปเห็นจางเสี่ยวลู่ที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าของเธอค่อนข้างอึดอัด สักครู่ถึงได้ผ่อนคลายลง หันมาทางถางหยวนหยวนเผยให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ไม่ได้ไปไหน ก็แค่ไปกินข้าวกันนิดหน่อย”
เธอถือถุงเดินเข้าไปแล้วเปิดออกมา “ฉันซื้อผลไม้มา พวกเธออยากกินไหม”
หยวนเย่าหันรีบเดินเท้าเปล่ามาหาทันที พลันหยิบลูกท้อขึ้นมาลูกหนึ่ง
“ขอบคุณนะหยวนหยวน ฉันเอาลูกท้อลูกหนึ่งพอแล้ว เสี่ยวลู่แกอยากกินอะไร”
จางเสี่ยวลู่เดินมา สุดท้ายก็เลือกลูกท้อไปลูกหนึ่งเหมือนกับหยวนเย่าหัน
จากนั้นถางหยวนหยวนก็ไปหาเมิ่งเข่อเฟย แต่เมิ่งเข่อเฟยกลับพูดเสียงเบาๆว่า “วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยากจะนอนแล้ว เลยไม่กินแล้ว พวกเธอกินกันไปเถอะ”
พูดจบ เมิ่งเข่อเฟยก็ห่มผ้า แล้วปิดตานอน
ถางหยวนหยวนสัมผัสได้ว่าถึงความเย็นชาและห่างเหินที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเธอได้อย่างชัดเจน ในใจรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจเล็กน้อย แต่กลับยังฝืนรักษารอยยิ้มเอาไว้ จากนั้นก็เอาผลไม้วางลง
หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่สบตากัน เหมือนว่าได้กลิ่นข่าวลือเสียหายอะไรบางอย่างออกมา จากนั้นทั้งสองคนก็เลยเดินไปยังข้างๆถางหยวนหยวน
“หยวนหยวน อีกสองวันจะถึงวันเกิดแล้ว เธอจะไม่มาจริงๆเหรอ”
พูดถึงวันเกิด ถางหยวนหยวนคิดว่าครั้งที่แล้วตนเองไม่ทันระวังเลยไปได้ยินที่ทั้งสองคุยกันมา เธอเม้มริมฝีปาก พร้อมทั้งตอบคำถาม “พวกเธออยากจะเจอพี่ชายของฉันใช่ไหม”
ทั้งสองคนต่างตกตะลึงทันที
“ถ้าพวกเธอเชิญฉัน ก็เพื่ออยากจะเจอพี่ชายฉันแล้วล่ะก็ อย่างนั้นฉันก็อาจจะไม่ไป
“ไม่ใช่!” หยวนเย่าหันส่ายหน้า พร้อมทั้งรีบปฏิเสธอย่างทันควัน “เมื่อก่อนอาจใช่ แต่ว่าหลังจากนั้นฉันคิดจนเข้าใจแล้ว ผู้ชายไม่ใช่ทุกอย่าง สายสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนนี่แหละถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก”
แม้ว่าถางหยวนหยวนไม่เคยคิดถึงความสัมพันธ์ของเพื่อน หรือว่าผู้ชายสำคัญกว่ากัน แต่ว่าคำพูดของหยวนเย่าหันที่พูดออกมานั้นเธอฟังแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
“อย่างนั้นฉันไปร่วมงาน ไม่เรียกพี่ชายมา ไม่มีปัญหาเหรอ”
“ไม่มีปัญหาไม่มีปัญหา ตัวเธอมาได้ก็พอแล้ว มาสนุกกัน ตอนงานวันเกิดของฉันจะมีหนุ่มหล่อมากันเยอะแยะ ถ้าเธอเกิดถูกใจคนไหนเข้าสักคน บอกฉันได้นะ ฉันจะเป็นแม่สื่อให้เอง!”
พูดจบ หยวนเย่าหันเอามือโอบถางหยวนหยวนเอาไว้ ยิ้มหน้าบานแล้วพูดว่า “เป็นอย่างไร”
ได้ยินแล้ว ถางหยวนหยวนหน้าแดงทันที
“ไม่ ไม่ต้องเลย”
เธอชอบยู่ฉือยี่ซูเพียงคนเดียว ไม่สนใจมองผู้ชายคนอื่น
“อย่าอายไปเลยหยวนหยวน ไม่นานพวกเราก็จะบรรลุนิติภาวะกันแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะหาผู้ชายที่ดีสักคนคบหาดูใจกัน ตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายเรียนจนถึงมหาวิทยาลัย แล้วก็จากมหาวิทยาลัยจนถึงเรียนจบปริญญาตรี ถ้าพวกเธอคบกันอย่างมีความสุขมาตลอด จนสามารถแต่งงานกัน จะดีขนาดไหน”
ความจริงแล้วหยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่คิดไว้ดีแล้ว ว่าจะแนะนำเพื่อนผู้ชายให้หยวนหยวนก่อน ถึงตอนนั้นพอเธอมีความสุข ก็จะขอบคุณพวกเธอ เรื่องที่จะไปจีบพี่ชายของเธอนั้นคงเป็นเรื่องง่ายดายใช่มั้ย