เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 182 ลิ้มรสดีดีละกันนะ
จ้าวหยู่ลูบศีรษะด้วยความเขินอาย แล้วอธิบายกับเสิ่นเฉียวด้วยความจริงใจ
“ผมชื่อจ้าวหยู่ เป็นลูกชายคนเดียวของบริษัทตระกูลจ้าว งานอดิเรกของผมคือเล่นบาสและเล่นรถแข่ง อยากจะเป็นเพื่อนกับคุณครับ”
เสิ่นเฉียว “……”
เสี่ยวเหยียน “……”
หานเส่โยวเบ้ปาก แล้วพูดด้วยความประชดว่า “บริษัทตระกูลจ้าว? นายจะนับเป็นอะไรได้ ยังอยากจะมาเป็นเพื่อนกับพวกฉันอีก? ไม่มองดูตัวเองเลยว่าเหมาะสมหรือเปล่า?”
คำพูดประโยคหนึ่งพูดจนสีหน้าของคนรอบๆ ข้างเปลี่ยนไปหมด บนใบหน้าของจ้าวหยู่ทั้งเขียวทั้งซีดขาว มองหานเส่โยวโดยที่พูดอะไรไม่ออก
ถึงแม้ว่าเสิ่นเฉียวไม่อยากสนใจคนที่อยู่ข้างหน้า แต่ว่าคำพูดประโยคเมื่อกี้ของหานเส่โยวพูดเกินไปเล็กน้อยแล้ว อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดพวกนั้นจะออกมาจากปากของหานเส่โยว ฉะนั้นเธอก็เลยมองหานเส่โยวด้วยความแปลกใจไปหนึ่งที
ตั้งแต่มี่หานเส่โยวได้เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหานมา ก็มีผู้คนมากมายเชิดชูเธอ ปกติก็หยิ่งยโสมาก เพราะว่าผู้คนส่วนมากเห็นแก่ฐานะเธอจึงไม่กล้าทำอะไรเธอ แต่ว่าแค่อยู่ต่อหน้าเสิ่นเฉียวถึงได้ทำพฤติกรรมในแบบเมื่อก่อน ตอนนี้พอเจอจ้าวหยู่ ทันใดนั้นก็ลืมไปแล้ว
พอนึกถึงจุดนี้ หานเส่โยวจึงรีบปรากฏรูปลักษณ์คนดีออกมา
“เฉียวๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น…ฉันแค่รู้สึกว่า….” เธอขยับไปใกล้เสิ่นเฉียวแล้วพูดพึมพำไปหนึ่งประโยค จากนั้นก็ทำให้เสิ่นเฉียวเปลี่ยนสีหน้าได้สำเร็จ
“นายไปเถอะ” เสี่ยวเหยียนเร่งจ้าวหยู่ “การแข่งขันชนะหรือไม่ชนะไม่เกี่ยวกับเฉียวเฉียว เดี๋ยวถึงเวลาแพ้แล้วอย่ามาโทษที่พวกเราละกัน ความผิดแบบนี้พวกเราไม่รับ”
จ้าวหยู่รู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดไป สีหน้าอายเล็กน้อย “ขอโทษนะ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
หลังจากพูดเสร็จแล้วเขาก็เดินจากไป
หลังจากนั้นการแข่งขันว่ายน้ำชายก็ได้เริ่มขึ้นภายใต้เสียงนกหวีด เพราะว่าตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ข้างหน้าพอดี ฉะนั้นเสี่ยวเหยียนจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ หยิบโทรศัพท์แล้วถ่ายพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ตะโกนดังว่า “ประธานเย่สู้ๆ! ประธานเย่สู้ๆ!”
หุ่นของเย่หลิ่นหานดีมาก สุดท้ายแล้วเสี่ยวเหยียนถึงขั้นตะโกนไปด้วยหยิบโทรศัพท์ถ่ายรูปไปด้วย ใส่รองเท้าส้นสูงกระโปรงยาว เสิ่นเฉียวดูแล้วยังเป็นห่วงแทนเธอ
ผลการแข่งขันไม่มีที่สงสัย ผู้ชนะเลิศคือเย่หลิ่นหาน
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้หญิง เกือบทุกคนต่างก็เห็นหุ่นของเย่หลิ่นหาน ในตอนที่เขาออกมาจากสระน้ำ มีเพียงแต่……เสิ่นเฉียวที่สังเกตเห็นเย่โม่เซินที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากข้างหลัง
เขายังอยู่บนรถเข็น ถึงแม้ว่าสีหน้าจะไร้ความรู้สึก แววตาเย็นชา ราวกับว่าไม่สนใจเรื่องใดทั้งนั้น
แต่ว่าเสิ่นเฉียวกลับรู้สึกเป็นสงสารเขาขึ้นมา
ถ้าหากว่า….ถ้าหากว่าเขาไม่ได้พิการ งั้นค่ำคืนนี้….เขาสามารถว่ายน้ำอยู่ในสระเหมือนกับทุกคน แต่เพราะว่าเขาไม่สามารถขยับได้ ฉะนั้น
สายตาของเธอหยุดอยู่บนตัวของเย่โม่เซินตลอดเวลา แค่เพียงแป๊บเดียวเย่โม่เซินก็รู้ตัวแล้ว แววตาที่แหลมคมพุ่งตรงมา เสิ่นเฉียวตกใจ รีบหลบตาไปทางอื่น
แววตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนเป็นแววตาที่ดูถูก
แววตาเมื่อกี้……กำลังสงสารหรอ?
สงสารเขา?
หลังจากเสิ่นเฉียวก้มหน้ามองลงข้างล่างไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็กลับมาแล้ว ควงแขนของเธอ “เธอกำลังคิดอะไรอยู่? การแข่งขันเมื่อกี้โดดเด่นขนาดนี้เธอไม่ดูเลย ฉันถ่ายรูปมาเยอะมาก ต่างก็เป็นรูปของรองประธานเย่ กลับไปแล้วฉันส่งให้เธอนะ”
“ส่งให้ฉัน?”
“ใช่แล้ว รองประธานเย่กำลังจีบเธออยู่ไม่ใช่หรอ ให้เธอดูร่างกายของเขาก่อนไง คุ้นชินคุ้นชินหน่อย”
พูดถึงคำว่าร่างกาย เสิ่นเฉียวก็นึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนฝนตกคืนนั้น ผู้ชายกดทับเธอลงไปยังเก้าอี้หนัง ลมหายใจและความเร่าร้อนนั้น ทำให้สั่นไปทั้งตัว
สีหน้าของเธอซีดขาวไปหมด “เธออย่าพูดไปมั่วแล้ว!”
จากนั้นเธอก็หันหลังไปยังที่นั่งของตัวเอง หยิบแก้วน้ำที่อยู่บนมือขึ้นมาดื่ม ไม่ได้สังเกตเลยว่าแก้วบนมือของตัวเองถูกคนอื่นเปลี่ยนไปแล้ว
กาวหยุนและชุยหมิ่นลี่ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เห็นภาพนี้แล้ว ก็ยิ้มมุมปากด้วยความได้ใจ
“กาวหยุน ฉันว่าแล้ว พวกเราต้องมีโอกาสรังแกเธอได้แน่นอน”
กาวหยุนยิ้มอย่างได้ใจ “ขอแค่เธอดื่มแก้วนั้นลงไป เดี๋ยวผ่านไปสักพัก….ร่างกายของเธอก็จะเร่าร้อน เวียนหัวสับสน เธอไปบอกหัวหน้าสวี่ให้เขารอรับคนอยู่ข้างหลังเถอะ”
“ได้~”
ชุยหมิ่นลี่รีบส่งข้อความให้สวี่เลี่ยว
การแข่งขันของผู้หญิงเริ่มขึ้นแล้ว เสี่ยวเหยียนและหานเส่โยวต่างก็ไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้ว ในตอนที่ผู้หญิงทุกคนออกมาเสิ่นเฉียวตกใจมาก เพราะว่าส่วนใหญ่ต่างก็สวมชุดบิกินี่ ไม่มีใครสวมชุดที่ปกปิดเลย วันนี้เป็นวันนัดหมายรวมตัวของผู้ชายทั้งเมืองเป่ย มีคนส่วนมากต่างก็อยากสร้างโอกาสขึ้นมา
เพราะว่าหานเส่โยวและเสี่ยวเหยียนต่างก็ไปแข่งขันแล้ว ก่อนที่เสี่ยวเหยียนจะไปได้บอกกับเธอไว้ว่าต้องไปให้กำลังใจเธอนะ เสิ่นเฉียวตอบตกลงแล้ว แล้วยังตกลงกับเธอด้วยว่าจะถ่ายรูปเซ็กซี่ๆ สวยๆ ให้เธอ
เสี่ยวเหยียนจึงดินไปด้วยความสง่างาม
เสิ่นเฉียวทานผลไม้ไปสองคำ จากนั้นก็นำโทรศัพท์ที่เสี่ยวเหยียนฝากไว้กับตัวเองขึ้นมา กำลังเตรียมตัวจะไปถ่ายรูปเธอ
แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าพอยืนขึ้นมา ก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว
ฉะนั้นเธอก็เลยนั่งกลับไป ยื่นมือไปนวดหน้าผากของตัวเอง น่าแปลก ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง? หรือว่าเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่พอหรอ? พอนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวก็สะบัดศีรษะ กลับรู้สึกว่าสุราที่อยู่บนโต๊ะของตัวเองกลายเป็นเงารางๆ ไปหมด
เธอยังจะต้องถ่ายรูปให้เสี่ยวเหยียนและหานเส่โยวอีก
พอคิดแบบนี้แล้ว เสิ่นเฉียวก็ยื่นมือหยิกไปที่ขาของตัวเอง ความเจ็บปวดทำให้เธอได้สติขึ้นมากะทันหัน แล้วเสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้นมา เดินตรงไปทางสระว่ายน้ำ
เดินไปไม่กี่ก้าว เสิ่นเฉียวเห็นว่าร่างกายของตัวเองอ่อนแอไม่ไหวแล้ว จึงล้มลงข้างๆ ไป
มีคนพยุงเธอขึ้นมา “นี่ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง เสิ่นเฉียวสะบัดศีรษะ แล้วพูดขอบคุณไปทางคนนั้น
ถึงแม้ว่าจะไม่มีแรงถ่ายแล้ว เธอก็ต้องบอกเสี่ยวเหยียนและหานเส่โยว ไม่เช่นนั้น…..พวกเขาอาจจะรอเธออยู่ก็ได้
“นี่ เธอไม่สบายหรือเปล่า? ฉันพยุงเธอไปพักผ่อนที่ข้างหลังไหม” มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เสิ่นเฉียวฟังแล้วรู้สึกคุ้นเคยมาก แต่ว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเป็นใคร เธอพยายามลองที่จะมองว่าฝ่ายตรงข้ามคือใคร แต่ว่าข้างหน้ากลับมืดมัวมาก
ภายใต้สมองที่สับสน เสิ่นเฉียวพยักหน้า
ภายใต้การพยุงของคนอื่นแล้วมาถึงด้านหลังที่พัก เสิ่นเฉียวนึกอะไรออก พูดเสียงเบาว่า “รบกวนเธอ ช่วยบอกเสี่ยวเหยียนว่า….”
“ห๊ะ!”
ประโยคยังไม่ทันพูดจบ เสิ่นเฉียวก็ถูกผลักด้วยแรง แล้วคนทั้งคนของเธอก็ล้มลงไป
ปัง!
ประตูข้างหลังมีเสียงถูกปิดปัง เสิ่นเฉียวคิดว่าตัวเองล้มลงแล้ว แต่กลับถูกอ้อมกอดหนึ่งโอบกอดไว้
“ลิ้มรสดีดีละกันนะ~”
“ในที่สุดก็มาแล้ว รอเธอมานานมาแล้ว”
มีเสียงที่คุ้นเคยของผู้ชายดังขึ้น เสิ่นเฉียวรับรู้ได้ถึงความไม่ดี พยายามที่อยากจะลืมตามองผู้ชายที่โอบกอดเธอ คนคนนั้นคงจะนึกว่าประตูถูกปิดแล้ว จึงให้เธอถอยหลังอย่างอิสระ
เสิ่นเฉียวพยายามลืมตากว้าง
เงาของผู้ชายคนนั้น ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาตรงข้างหน้าของเธอ
“หัวหน้า?”
คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าจะเป็นสวี่เลี่ยว
ได้ยินเธอตะโกนเรียกเขา สวี่เลี่ยวก็เผยรอยยิ้มที่เสแสร้งขึ้นมา
“สาวสวย~”
“เมื่อกี้….คนที่พยุงฉันเข้าคือ….”
“กาวหยุน เธอเป็นถึงตัวกลางของระหว่างเราสองคนเลยนะ รอให้ได้เรื่องแล้ว เราสองคนต้องขอบคุณเธอมากๆ ”
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปเลย ความมึนงงเมื่อกี้ยังถูกตกใจจนตื่นด้วย เธอวิ่งไปที่ข้างประตู แล้วยื่นมือออกไป