เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 195 อย่าทำให้เธอลำบากใจ
รอไปสักพัก เสี่ยวเหยียนตักข้าวกลับมาสองที่ ที่หนึ่งวางไว้ด้านหน้าของเธอ
“นี่ ดูท่าเมื่อคืนเธอคงลำบากมาก ฉันเพิ่มกับข้าวให้เธอด้วย” พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าเสี่ยวเหยียนได้ใจมาก: “ยังไง ฉันรักแกมากใช่มั้ยละ?”
เสิ่นเฉียวมองดูในถ้วยมีเนื้ออกไก่เพิ่มขึ้นมา พูดอย่างเอือมระอา: “เธอนี่”
“คิดเสร็จหรือยังว่าจะเล่ายังไง? รีบบอกฉันเลยเรื่องนี้มันยังไงกันแน่?”
เสี่ยวเหยียนที่อยากรู้ว่าความคิดเธอเสิ่นเฉียวเข้าใจ แต่ว่า……..เรื่องของเธอมันซับซ้อนเกินไป ให้พูดตอนนี้มันค่อนข้างยากนิดนึง
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวพูดได้เพียง: ที่นี่คนเยอะวุ่นวาย ไม่เหมาะจะคุยเรื่องนี้ หากถูกคนไม่หวังดีได้ยินเข้า ถึงเวลานั้นก็………”
เสี่ยวเหยียนก็เห็นด้วย ก็เลยพยักหน้า: “ถูกของเธอ หากคนอื่นรู้ฐานะของเธอ อาจจะกินเธอก็ได้ งั้นช่างมันเถอะ วันหลังเธอค่อยบอกฉัน”
“ขอบใจเธอนะ เสี่ยวเหยียน”
เสี่ยวเหยียนยิ้มเล็กน้อย โบกมือย่างไม่เป็นไร: “ขอบจงขอบใจอะไรล่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่นา”
“ใช่แล้ว พูดถึงเรื่องนี้ ฉันรู้สึกว่าเธอควรอยู่ห่างๆหานเส่โยวคนนั้นหน่อยนะ เมื่อคืนเธอได้ยินคำพูดที่เขาพูดกับคุณชายบริษัทตระกูลจ้าวมั้ย? ถึงแม้พวกเธอจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่ฉันก็ยังอยากจะเตือนเธอ เพื่อนคนนั้นของเธอไม่ใช่คนดีอะไร เธอต้องระวังหน่อยนะ”
ได้ฟังเรื่องไม่ดีของหานเส่โย่วจากปากของเสี่ยวเหยียนอีกแล้ว เสิ่นเฉียวไม่สบายใจจนขมวดคิ้ว
เสี่ยวเหยียน งั้นเธอรู้ไหม พูดนินทาคนเป็นเรื่องไม่ดี
“ฉันรู้สิ แต่ว่าอดไม่ได้ไง ฉันแค่เห็นหน้าเขาก็รู้สึกไม่ชอบ หลังจากเห็นหน้าแล้วความรู้สึกมันก็ไม่ได้หายไป กลับทวีคูณขึ้น เฉียวเฉียวเธอรู้ไหม? ความรู้สึกฉันมันแม่นมาโดยตลอด ยังไงเธอก็ต้องระวังหานเส่โยวหน่อย”
เสิ่นเฉียวทนฟังต่อไปไม่ไหว ลุกขึ้นโดยตรง ทำให้เสี่ยวเหยียนสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบดึงเธอไว้
“เอาละเอาละ ฉันไม่พูดละกัน เห้ย ผู้หญิงอย่างเธอนี่ฉันแค่หวังอีกกับเธอ เมื่อคืนเธอที่ต้องการที่หนึ่งยังทำขนาดไหน เป็นเพราะฉันสังเกตเห็นว่าเธอหายไป ใช่ฉันหรือเปล่า…….ฮึ่ม!
เสี่ยวเหยียนพูดไป พลางโกรธไปด้วยแล้วก็คีบซี่โครงหมูเข้าปากไปกัดกิน
“รู้ว่าเธอช่วยฉัน ดังนั้นฉันก็ทราบซึ้งมาก รอให้เงินเดือนออกฉันจะเลี้ยงมื้อใหญ่เธอ”
“คำไหนคำนั้น”
หลังจากคุยกันเรียบร้อยแล้ว กินข้าวเสร็จต่างคนต่างแยกย้าย
ตอนที่เสิ่นเฉียวกลับมาถึงแผนก พบว่าผู้ช่วยของเย่หลิ่นหานแยจื่อได้นั่งรอเธออยู่แล้ว เพราะว่าเธอเป็นคนโปรดของเย่หลิ่นหาน ดังนั้นคนในแผนกต่างมาตีสนิทเธอ เสิ่นเฉียวเข้ามาก็เห็นคนมากมายรายล้อมรอบตัวเธอ
“รองประธานเย่ของเราปกติเป็นยังไงบ้างเหรอคะ? ดูแล้วช่างเป็นคนที่อ่อนโยนเสียจริง มีแฟนหรือยังคะ?”
“พี่แยจื่อ รองประธานเย่ของเราชอบผู้หญิงแบบไหนกันคะ? เขา………”
หลังจากที่แยจื่อเข้ามาก็โดนคนพวกนี้ทำให้หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว แต่ก็ใส่อารมณ์ไม่ได้ ในที่สุดก็รอจนเสิ่นเฉียวกลับมาแล้ว เธอจึงได้ลุกขึ้นมา: “เธอมาแล้ว”
เสิ่นเฉียวยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเธอโดยไม่พูดอะไร
“เธอได้ถูกย้ายตำแหน่งแล้ว ดังนั้นฉันรับคำสั่งรองประธานเย่ มาพาเธอไปรับตำแหน่ง”
เสี่นเฉียว: “………..”
จำเป็นต้องประกาศอย่างอลังการให้คนฟังแบบนี้เลยเหรอ? สร้างศัตรูให้เธอโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว เพียงแต่…….ถึงแม้จะไม่พูดทุกคนก็รู้เรื่องที่เธอถูกปรับตำแหน่งอยู่แล้ว ถ้าจะเป็นศัตรูยังไงก็เป็นศัตรู
เสิ่นเฉียวเม้มปาก พูดอย่างเย็นชา: “ฉันรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ก็ไม่ไปละ”
แยจื่อเดินมาทางเธอ หยุดตรงหน้าเธอ “ไม่ได้นะคุณเสิ่น นี่มันคือการปรับตำแหน่ง ไม่ได้ถามความเห็น ฉันให้เวลาคุณสิบนาทีในการเก็บข้าวของ”
นี่คือการข่มขู่เหรอ?
“ไอ้หยาคุณเสิ่น รองประธานเย่ย้ายคุณไป คุณยังจะเล่นตัวให้เหนื่อยทำไม? หรือว่าจะให้รองประธานเย่มาเชิญคุณด้วยตัวเอง”
“ก็ใช่ไง ถึงจะเล่นตัว ก็ต้องให้มีขอบเขตหน่อยมั้ย รองประธานเย่ย้ายตำแหน่งให้เธอถือเป็นโชควาสนาอันใหญ่ของเธอแล้ว ทำไมเธอไม่รู้ว่ามันดีละ?”
พวกเขาต่างใช้สายตาที่มองสัตว์ประหลาดมองเสิ่นเฉียว พูดคำพูดที่ดูแคลนเหล่านั้น เหมือนเสิ่นเฉียวไม่รู้จักสำนึก หากปฏิเสธก็เหมือนคนไม่ดีอะไรประมาณนั้น
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวยิ้มที่มุมปาก: “พวกเธออยากไปขนาดนั้น ไปแทนฉันได้นะทุกคน? ผู้ช่วยแยจื่อ คุณว่าใช่หรือไม่?
พูดจบ เสิ่นเฉียวก็เดินมานั่งลงตำแหน่งของตัวเอง จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์ ไม่มีท่าทีที่จะเก็บข้าวของแต่อย่างไร
ผู้ช่วยแยจื่อ งั้นคุณคุยกับรองประธานเย่ให้พวกเราไปสิ เสี่ยวเสิ่นช่างไม่รู้จักสำนึกเสียเลย
แยจื่อมองเธอด้วยสายตาที่เอือมระอา เธอเป็นผู้ช่วยของรองประธานเย่นานขนาดนี้ ทำไมถึงจะมองไม่ออกความคิดและสายตาของเย่หลิ่นหานละ? เขาให้เธอมารับด้วยตัวเอง เธอเลยไม่กล้าใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวกับเสิ่นเฉียว วันนี้เสิ่นเฉียวไม่อยากไปเลยสักนิด แยจื่อก็ไม่กล้าพูดจารุนแรงกับเธอ
สุดท้ายทำได้เพียงไล่คนให้กลับไปทำงาน จากนั้นเดินไปที่ข้างกายเสิ่นเฉียวแล้วโน้มตัวพูด: “แม่ทูนหัว ฉันยังมารับเธอด้วยตัวเองแล้ว ไว้หน้าฉันหน่อยได้ไหม เก็บข้าวของแล้วไปกับฉันเถอะ”
เสิ่นเฉียวสบตากับเธอ ใบหน้าไร้รอยยิ้ม
ผู้ช่วยแย เชิญคุณกลับไปบอกรองประธานเย่ ให้เขาอย่ามาทำให้ฉันลำบากใจเลย ฉันทำงานอยู่ที่นี่มัน…..ก็ดีอยู่แล้ว ถ้าหากเขาคิดแทนฉันจริง เชิญกลับไปเถอะ
“อยู่ตรงนี้มีดีอะไร? หากไปทางโน้นรองประธานเย่สามารถปกป้องคุณด้วยตัวเอง แบบนี้……….คุณก็ไม่ต้องการเหรอ?”
เสิ่นเฉียวส่ายหัว: “มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันเรียกร้อง และไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรทำ คุณกลับไปเถอะ”
สุดท้ายเห็นเธอยืนกรานหนักแน่ แยจื่อจึงได้จากไป
เสิ่นเฉียวสงบมาทั้งบ่าย รอถึงเลิกงานเธอเริ่มเก็บของ เตรียมตัวนั่งรถเมล์กลับบ้าน
ที่หน้าบริษัทกลับพบคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง หลินเจียง
หลินเจียงเฝ้าอยู่หน้าประตูสายตาสอดส่องตลอดเวลา ในที่สุดก็เห็นเสิ่นเฉียว จากนั้นก็วิ่งมาทางเธอ แต่กลับถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยสกัดไว้เสียก่อน
สีหน้าเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปมาก หลบหลีกเขาแล้วเดินไปอีกทาง หลินเจียงกลับชี้ไปทางเธอโดยตรง ผมรู้จักเธอ ผมมาหาเธอ เสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวเธอมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ
คนจำนวนไม่น้อยได้ยินแล้วหันมองตามเสียงเรียก เสิ่นเฉียวทำได้เพียงเดินไปหาเขา “ขอโทษด้วยค่ะ เขาเป็นเพื่อนของฉัน คุณมากับฉันเดี๋ยวนี้”
เสิ่นเฉียวพาเขาจากไป หลินเจียงรีบเดินตามไป
จนกระทั่งไปถึงมุมที่ไม่มีคน เสิ่นเฉียวจึงหยุดเดิน
“คุณจะทำอะไรกันแน่? พวกเราหย่ากันแล้วนะ? คุณยังมาตอแยฉันอีกทำไม? คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าขยะแขยงเหรอ?”
เสิ่นเฉียวเพิ่งจะถามคำถามเหล่านี้จบลง ทันใดนั้นหลินเจียงได้คุกเข่าต่อหน้าเธอ
ท่าทางที่เล่นใหญ่นี้ทำให้เสิ่นเฉียวสะดุ้งตกใจ “คุณทำอะไร? ลุกขึ้น!”
“เฉียวเฉียว เมื่อก่อนผมไม่ดีเอง คุณให้อภัยผมเถอะ!”
เสิ่นเฉียว: “………….คุณกำลังพูดอะไรอยู่? ลุกขึ้น!”
คุกเข่ากะทันหันเพื่อขอให้เธออภัย เสิ่นเฉียวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลินเจียงไม่ลุกขึ้น แต่กลับดึงชายกระโปรงของเธอไว้: “เฉียวเฉียว ผมเป็นไอ้สารเลว ผมมันไม่ใช่คน ขอให้คุณเห็นแก่ที่เราเคยเป็นสามีภรรยากัน ให้ผู้ชายของเธออย่ามาทำแบบนี้กับผมอีกเลย……….”