เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 201 จอมเผด็จการ
“คุณเป็นห่วงเหรอ?” เย่หลิ่นหานดึงริมฝีปาก หัวเราะขำๆ “งั้นคุณยอมเป็นห่วงผมเพิ่มอีกหน่อยได้ไหม? คิดซะว่าสงสารๆคนอย่างผมเถอะ ให้โอกาสผมสักครั้งนึงนะ?”
เสิ่นเฉียง:”เย่หลิ่นหานคุณ……”
“ต่อไปเรียกชื่อของได้แล้ว ไม่ต้องเรียกว่าพี่ชายอีก ผมไม่ได้อยากเป็นพี่ชายของคุณ ผมยอมให้คุณเรียกชื่อผมพร้อมนามสกุล”
เย่หลิ่นหานพูดชัดเจนแล้ว อะไรที่ควรพูดก็พูดให้เสิ่นเฉียวฟังแล้ว หลังจากที่พูดไปหมดแล้วก็รอเวลาอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ค่อยๆรุกต่อ เวลาต่อจากนี้เขาก็ไม่รีบร้อนอีก เสิ่นเฉียวยังไม่ทันได้ปฏิเสธเขาก็ถอยตัวออก
“วันนี้ขนสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ ให้คุณหยุดพักวันนึงดีไหม?”
เขาเปลี่ยนเรื่องคุย เสิ่นเฉียวก็ไม่พูดเรื่องนั้นต่อ จึงพูดตอบเขาว่า:”ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร”
เธอแค่หลับไม่สบายพอ ไม่ได้ไม่สบายซะหน่อย
“ไปบริษัทระยะทางประมาณ 20 นาที ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ผมจะขับช้าๆ ให้คุณหลับบนรถเอา พอถึงแล้วผมค่อยเรียกคุณ”
เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่เลว จึงเลยพยักหน้า พิงหลังเบาะที่นั่งแล้วก็หลับตาลง
ใจเธอกระวนกระวายไปหมด สิ่งที่เย่หลิ่นหานพูดให้เธอฟังเมื่อกี้ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาแค่อยากให้เธอเข้ามาอยู่ในศึกสงครามระหว่างพวกเขาสองพี่น้องแต่หลังจากที่เขาสาบานแล้วเสิ่นเฉียวก็เริ่มไม่แน่ใจ
ถ้าหากเขาไม่ได้จริงใจ งั้นทำไมเขาต้องพูดแบบนั้นล่ะ?
แค่อยากให้เธอเชื่อ ก็ไม่ควรพูดอะไรที่ทำให้ตนเองไม่ตายดีแบบนั้นสิ?
ในสมองสับสนไปหมด แต่หนังตาหนักมาก เพียงแป๊บเสิ่นเฉียวก็นอนหลับไป
ไม่นาน การหายใจของเธอก็สม่ำเสมอขึ้น
เย่หลิ่นหานใช้เวลาว่างช่วงติดไฟแดงชอบๆดูเธอที่กำลังหลับปุ๋ย
ใบหน้าของเสิ่นเฉียวงดงามมาก ตอนนอนหลับทำให้ขนตาดูงอนยาวและดูเยอะ รอบๆดวงตามีสีดำอ่อนๆ ร่องตาเธอดูลึก เลิกยิ่งกว่าตอนแรกๆที่เธอเพิ่งแต่งงานเข้ามาในบ้านตระกูลเย่
ตั้งแต่เธอแต่งงานมาน้ำหนักก็ลดลงเรื่อยๆ ผอมจนคางดูแหลมๆ ใบหน้ายังไม่ใหญ่เท่าฝ่ามือของเขา
เย่หลิ่นหานถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะปัดเส้นผมตรงหน้าผากเธอออก กล่าวเสียงต่ำ:”ต่อไปผมจะดูแลปกป้องคุณเอง”
การนอนในครั้งนี้เสิ่นเฉียวเหมือนนอนไปนานเลย สงสัยจะใจจดใจจ่อกับเรื่องทางไปบริษัท หลังจากเธอตื่นมาคำแรกที่ถามก็คือถึงหรือยัง? พ่อถามจบโทษถึงพบว่าพวกเขาได้มาถึงที่จอดรถแล้ว เสิ่นเฉียวตกใจหมดเลย
“ถึงแล้วหรอ?”
เย่หลิ่นหานเรื่องเล็กน้อย “เพิ่งมาถึง อย่ารีบร้อนสิ ยังมีเวลาอยู่”
เสิ่นเฉียวอยากหยิบมือถือจากกระเป๋าออกมาดูเวลา เย่หลิ่นหานกลับยื่นถุงให้เธอ:”กินเสร็จค่อยขึ้นไป”
“นี่คือ?” เสิ่นเฉียวมองดูถุงด้วยความสงสัย หลังจากรับมาเพราะว่ายังโอนอยู่ เธอเปิดถุงดูพบว่าข้างในเป็นนมวัวอุ่นๆถุงนึงและขนมปังทาร์ตไข่
ถือว่าเป็นของที่เธอชอบกิน เสิ่นเฉียวแววตาขยับเล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย”เสิ่นเฉียวรับถุงมา “แต่ว่าฉันขึ้นไปกินบนตึกดีกว่า ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะ”
นี่เป็นรถของเขา กินอาหารที่นี่ เดี๋ยวจะมีคนมาพบเห็นเอา ไม่อยากให้คนอื่นไปนินทา
“ยังเรียกพี่ชายอีก? บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าให้เรียกชื่อ?” เย่หลิ่นหานยิ้มๆ เหมือนไม่จงใจถาม แต่เสิ่นเฉียวอายเหลือเกิน ถ้าฉันเรียกชื่อเขาได้ยังไงและแล้วเธอก็ดึงสายตากลับมา ไม่พูดต่ออีก
“ช่างเถอะ”สุดท้ายก็เย่หลิ่นหานต้องเป็นคนยอมแพ้ก่อน เธอถอนหายใจอย่างหนัก:”ผมไม่ควรบังคับคุณ ผมควรให้เวลาคุณชินกับมันก่อน คุณขึ้นไปก่อนเลย”
“อืม ขอบคุณค่ะ”เสิ่นเฉียวกล่าวขอบคุณจบ จึงถือถุงแล้วเปิดประตูรถออกไป
เสิ่นเฉียวกลับไปที่แผนกของตนเอง ก็เห็นคนกำลังย้ายของบนโต๊ะเธออยู่พอดี คนล้อมรอบๆก็ต่างคนต่างนินทากัน เธอตะลึงอยู่หลายวินาทีแล้วเดินเข้าไปถาม:”นี่พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่? นี่เป็นโต๊ะของฉันนะ”
พวกผู้ชายในชุดสูทหลายคนกล่าวอย่างไร้สีหน้า:” คุณหนูเสิ่น นี่เป็นคำสั่งของคุณชายเย่ครับ”
“คำสั่งของคุณชายเย่? เย่โม่เซิน?
ใช่แล้ว เสิ่นเฉียวนึกได้ว่าเมื่อคืนเขาเคยบอกกับตน ให้เธอกลับไปทำงานอยู่ข้างๆเขาต่อ เขาก็กลับไปตอนเที่ยงคืนแล้ว เสิ่นเฉียวคิดว่าเรื่องนี้จะจบลง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะให้คนมาย้ายของแบบนี้
อาการสีหน้าของเสิ่นเฉียวเริ่มเปลี่ยน กองไฟในใจรุกเผาขึ้นมาทันที
เที่ยงคืนแบบนี้เขายังทำประชดประชันกับเธอ ก็จะรับสายสีหน้าเขายังเหมือนถูกรบกวนอยู่เลย แต่พอรับสายโทรศัพท์แล้วก็ออกไปทันที ก่อนออกไปยังสั่งให้ให้เธอรอเขา เธอรอเขาทั้งคืนสุดท้ายแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเงาของเขา ยังสั่งให้คนมาย้ายของบนโต๊ะเธออีก
มีสิทธิ์อะไรอ่ะ?
มีสิทธิ์อะไรกันแน่?
“ไม่ต้องย้ายแล้ว ยังไงฉันก็ไม่ไปหรอก”เสิ่นเฉียวกล่าว
พวกผู้ชายหยุดแป๊บนึง ไม่ได้ทำตามที่เธอพูด บอกเพียงว่านี่เป็นคำสั่งของคุณชายเย่ เสิ่นเฉียวไปยืนตรงหน้าประตู ขวางทางของพวกเขา
“ฉันไม่อนุญาตให้พวกคุณย้ายโต๊ะของฉัน ขอบคุณบอกว่านี่เป็นคำสั่งของคุณชายเย่ แล้วเขาอยู่ไหน?”
“พวกเราเพียงแค่ได้รับคำสั่งมา ก็เลย…… ”
“งั้นก็แสดงว่าไม่เห็นคนล่ะสิ ในเมื่อไม่ใช่ตัวเขาที่ออกคำสั่งให้พวกคุณ พวกคุณจะรู้ได้ยังไงว่ามันจริงหรือเปล่า? อย่าแตะต้องของของฉันเอาไปเก็บที่เดิม คุณออกไปเถอะ”
“เอิ่ม..คือว่า…..”
แต่ละคนมองตากัน ส่งสายตากันจบ สุดท้ายก็ยังกล่าวอีกครั้งว่า:”ขอโทษครับคุณหนูเสิ่น นี่เป็นคำสั่งของคุณชายเย่ ถ้าพวกเราไม่ทำตาม พวกเราก็จะต้องได้รับบทลงโทษแน่ๆ
พูดจบ คนหนึ่งในนั้นแยกตัวออกมามือเปล่า แล้วออกแรงดึงตัวเสิ่นเฉียวไปอยู่อีกด้านข้าง แล้วให้คนอื่นยกโต๊ะและสิ่งของออกไปโดยเร็ว
เสิ่นเฉียวเห็นเหตุการณ์กะทันหันแบบนี้ถึงกับเงิบ
ต้อง…บ้าอำนาจขนาดนี้เลยหรอ?
รอพวกเขาลงมือเรียบร้อย คนที่จับกุมมือเธอไว้ถึงปล่อยเธอ แล้วก็กล่าวอย่างเกรงใจ:”ขอโทษด้วยค่ะคุณหนูเสิ่น ที่เมื่อกี้ผมต้องลงมือต้องขออภัยด้วย ของเราไปก่อนนะครับ ส่วนเรื่องอื่นคุณสามารถไปถามคุณชายเย่โดยตรงนะครับ”
เสิ่นเฉียว:”……”
หลังจากพวกเขาไปแล้ว คนอื่นๆในแผนกรีบล้อมเข้ามาทันที
“โอ้โหเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? เมื่อวานรองประธานเย่จะย้ายตำแหน่งคุณไม่ใช่หรอ? ทำไมวันนี้คุณชายเย่ก็มาย้ายโต๊ะไปแล้วอ่ะ? พวกเขาคิดจะย้ายของของคุณไปไหนเนี่ย?”
“โอ้พระเจ้าอย่าบอกนะว่าจะย้ายไปข้างบนตึก? น้องเสิ่นคุณถูกย้ายกลับไปตำแหน่งเดิมแล้วหรอ?”
“แต่คุณชายเย่ทำแบบนี้ มันหักหน้ารองประธานเย่ชัดๆไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้วเมื่อวานรองประธานเย่ยังบอกให้ย้ายตำแหน่ง วันนี้คุณชายเย่ให้เธอกลับไปตำแหน่งเดิม สองพี่น้องนี้…..เกิดเรื่องอะไรกันเนี่ย? ”
“น้องเสิ่น คุณกับพวกเขาเป็นความสัมพันธ์อะไรกัน? คุณชายเย่กับรองประธานเย่กำลังตามจีบคุณอยู่ใช่ไหม? น่าอิจฉาจริงๆเลย? พวกเขาสองคนเป็นคนที่ผู้หญิงทุกคนในบริษัทของเราล้วนชื่นชอบทั้งนั้นนะ ถึงแม้คุณชายเย่จะพิการนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ใบหน้าของเขาก็ดูหล่อไม่เบาเลยนะ ถ้าลุกยืนได้ด้วยก็จะสมบูรณ์แบบสุดๆไปเลย!”
“ลุกยืนขึ้นไม่ได้แล้วมั้ง ขาของคุณชายคงจะพิการทั้งชีวิตแน่ๆ เฮ้อ…..น้องเสิ่นเอ้ย คุณเลือกรองประธานเย่ดีกว่านะ อย่างน้อยเขายังเป็นคนปกติ”