เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 24 บังอาจตบผู้หญิงของฉันเย่โม่เซิน
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 24 บังอาจตบผู้หญิงของฉันเย่โม่เซิน
เสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เย่โม่เซินจู่ ๆ ก็เงยหน้าและพูดเสียงดังขึ้นมาและขมวดคิ้วแน่น
เสียงที่ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ทุกคนตกใจ
เสิ่นเฉียวที่น่าสงสาร ยามถูกรังแกก็ไม่ตอกกลับ แต่กลับเปลี่ยนไปเพราะเย่โม่เซิน!
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาพูดกับคนอื่นแบบนี้?”
ตั้งแต่ที่นายท่านเย่เรียกเธอไปพูดคุยที่ห้อง เสิ่นเฉียวก็พบว่าคนบ้านนี้ไม่ได้ความนับถืออะไรเย่โม่เซินเลย เย่โม่เซินปล่อยให้เธอเก็บเด็กในท้องเอาไว้ ท่าทีที่เสิ่นเฉียวมีต่อเขาจึงเปลี่ยนไป
เธอรู้ดีว่านั่นคือปมด้อย
การที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องนั่งวีลแชร์มาตลอดหลายปีก็เป็นแผลใจของเขาอยู่แล้ว นี่ยังมาถูกคนอื่นปากเสียพูดถึงมันอีก!
เย่โม่เซินจะรู้สึกเจ็บใจขนาดไหน?
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ล่ะเสิ่นเฉียว? ฉันอุตส่าห์หวังดีพูดให้เขาอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้นะ เธอรู้ไหมว่าราคาชุดที่เธอทำพังน่ะเธอจ่ายไม่ไหวหรอกนะ หรือว่าเธอยังจะคิดให้คนพิการนั่นช่วยจ่ายให้อีกเหรอ? ซือฉีนเป่าพูดจบก็ถอนหายใจออกมาประหนึ่งว่าเศร้าใจมาก “ที่จริงเห็นแก่ที่เธอดูแลหลินเจียงมานานหลายปี ถ้าเธอคุกเข่าขอร้องฉันดี ๆ ไม่แน่ฉันอาจจะให้หลินเจียงช่วยเธอก็ได้นะ”
เสิ่นเฉียวตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ไม่เห็นต้องโกรธเลย แค่สิบล้านเอง ขอแค่ฉันเต็มใจเอ่ยปาก แน่นอนว่าหลินเจียงก็เต็มใจให้อยู่แล้ว ผ่านมาตั้งหลายปีเขายังคงเอาใจฉันมาตลอดไม่เหมือนตอนที่อยู่กับเธอ”
เมียน้อยคนนี้ พัฒนาสถานะตัวเองไปถึงขั้นสูงสุดแล้ว ยังจะมาพูดเธอยกตนข่มท่านแบบนี้อีกเสิ่นเฉียวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมา ยกมือขึ้นอย่างต้องการที่จะตบหน้าเธอสักฉาด
“อ๊ะ!” แต่เสิ่นเฉียวยังไม่ทันตบ ซือฉีนเป่าก็ร้องออกมาแล้วถอยหลังไป “ฉันหวังดีอยากจะช่วยเธอแต่เธอกลับคิดที่จะตบฉันเหรอ ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ล่ะ สามี!”
หลินเจียงรีบก้าวเข้ามาช่วยเธออย่างรวดเร็ว ซือฉีนเป่าคว้าแขนหลินเจียงไว้แล้วแสร้งตกใจ “สามี เธอตบฉัน ทำไมไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเลยนะ คุณรีบสั่งสอนเธอให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หลินเจียงรู้สึกละอายใจ เมื่อกี้ใคร ๆ ก็มองออกว่ามือของเสิ่นเฉียวยังไม่โดนหน้าของซือฉีนเป่า ถ้าเขาเข้าไปสั่งสอนแทนจริง ก็เท่ากับว่า…
“สามี ฉันเจ็บท้องแล้วนะ คุณรีบลงมือสักทีสิ”
หลินเจียงไม่มีทางเลือก เข้าไปกระซิบกับเธอ “ไม่เอาน่าเป่าเอ๋อ เมื่อกี้เธอไม่ได้ตบโดนเสียหน่อย เราไปกันเถอะ อย่ามีปัญหาเลย”
ซือฉีนเป่าได้ยินแบบนั้นขอบตาก็เริ่มแดงขึ้นมา “หลินเจียงนี่คุณเกิดกลับไปคิดรักกับเธออีกใช่ไหม? คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ? เธอรักแกฉันกับลูกนะ”
หลินเจียงไม่มีทางเลือก เขาไล้ริมฝีปากแห้งของตัวเองแล้วเดินไปหาเสิ่นเฉียว
เสิ่นเฉียวยืนนิ่งมองดูเขาเดินตรงเข้ามาหา สายตาพยายามไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “เฉียวเฉียว ผมขอโทษ”
เสิ่นเฉียวยิ้มอย่างขมขื่น “คุณถึงกับจะต้องสั่งสอนฉันแทนเธอเลยเหรอ?”
“ผมขอโทษจริง ๆ แต่…ผมต้องโกรธแทนเป่าเอ๋อ!”
พูดจบหลินเจียงก็ยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อคลอเต็มดวงตา “ฉันทำอะไรผิด ระยะเวลาตลอดสองปีเต็มที่ผ่านมาคุณตอบแทนฉันแบบนี้เหรอ?”
หลินเจียงมองเห็นน้ำตาของเธอ ดวงตาของเขาก็สั่นระริก แล้วก็ยังถูกผู้หญิงด้านหลังนั่นเร่งเร้าอีก หลินเจียงยกมือขึ้นตบหน้าเธอ
น้ำตาของเสิ่นเฉียวหยุดไหล ไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกตบเข้าจริง ๆ เธอหลับตาด้วยความสิ้นหวัง
น้ำตาคลออยู่ที่หัวตาพร้อมจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อ
คิดว่าถ้าถูกหลินเจียงตบเข้า หน้าของเสิ่นเฉียวจะต้องบวมมากแน่ ๆ แต่ตั้งแต่เสิ่นเฉียวหลับตาก็ยังไม่รับรู้ถึงความเจ็บนั้นเลย
“คิดจะตบผู้หญิงของฉัน เย่โม่เซิน ถามกันหรือยัง?”
เสิ่นเฉียวลืมตาอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเฉียวไม่รู้ว่าเย่โม่เซินมายืนอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ มือของเขากันมือของหลินเจียงเอาไว้
ปกติเห็นแค่เสิ่นเฉียวนั่ง จึงไม่รู้ความสูงจริง ๆ ของเขา แต่เมื่อเขายื่นมือมาปกป้องเธอจากหลินเจียงก็รู้ว่าเย่โม่เซินตัวสูงมากแม้จะนั่งอยู่บนรถเข็นเมื่อเทียบกับหลินเจียงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวทั้งสองคนไม่แพ้กันเลย!
ตรงกันข้ามแล้วอาจจะมากกว่าหลินเจียงด้วยซ้ำไป
“เย่โม่เซิน!!!นี่ฉันฟังอะไรผิดหรือเปล่า?”
“คุณชายสองแห่งตระกูลเย่น่ะนะ! คือประธานของตระกูลเย่น่ะเหรอ? พระเจ้า!”
“ได้ยินมานานว่าตระกูลเย่คุณชายสองนั่งวีลแชร์ พระเจ้า ทำไมเมื่อกี้พวกเราไม่คิดได้กันนะ? ออร่าออกจะเด่นชัดขนาดนี้มีเพียงเย่โม่เซินเท่านั้นแหละ!”
“หล่อมากเลย เมื่อกี้ฉันก็อยากจะถามว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ไม่คิดเลยว่าจะเป็นประธานเย่แห่งตระกูลเย่! แล้วคนที่เขาช่วยเอาไว้เมื่อกี้เป็นใคร?”
“ไม่รู้สิไม่เคยเห็น…แต่เห็นเขาปกป้องขนาดนั้นคงจะเป็นคนสำคัญมากนั่นแหละ”
ความคิดเห็นของคนรอบตัวเข้ามาในหูของเสิ่นเฉียวไม่หยุด
ได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเสิ่นเฉียวก็เกิดอาการเต้นเร็วขึ้นมา
หลินเจียงมองเย่โม่เซินอย่างตกตะลึงแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา เซียวซู่ก้าวไปข้างหน้าจับมือของหลินเจียงแล้วกล่าวเย้ยหยัน “ชุดละสิบล้าน คุณชายเย่จ่ายไม่ไหว? อย่าว่าแต่สิบล้านเลย จะเป็นร้อยล้าน พันล้าน ก็ไม่อยู่ในสายตาของบริษัทตระกูลเย่!”
หลินเจียงถอยกลับไปไม่กี่ก้าวเพื่อทรงตัว ซือฉีนเป่าขยับไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองอีกแรง “สามีคุณเป็นอะไรไปคะ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“ผมไม่เป็นไร” หลินเจียงมองดวงตาสีดำคล้ำที่แสนอันตรายของเย่โม่เซินอย่างไม่เชื่อสายตา จนกระทั่งซือฉีนเป่ามายืนข้างตัวแล้วสอบถามเขาอย่างเป็นห่วง สติถึงกลับมา
ซือฉีนเป่าเห็นว่าสีหน้าเขาไม่สู้ดีนักก็ประคองท้องแก่เดินไปข้างหน้าเพื่อคุยกับเซียวซู่ “นายเป็นใคร? กล้าดียังไงมาจับมือสามีของฉัน ฉันจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ”
จริง ๆ แล้วเซียวซู่อยากจะต่อกรกับเธอ ในสายตาเขาไม่มีแยกชายหญิง แต่พอมองเห็นเธอที่เดินเข้ามาพร้อมกับท้องแก่นั่นก็เกิดอาการลังเล
ผู้หญิงตั้งครรภ์มีข้อดีอย่างหนึ่ง
เวลาเธอทะเลาะกับคุณ คุณจะทำอะไรเธอไม่ได้เลยเพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอและเด็ก มันจะกลับมาหาคุณในเวลาต่อมา
เซียวซู่ถอยกลับสองก้าว
บนใบหน้าของซือฉีนเป่าปรากฏรอยยิ้มแห่งชัยชนะ เท้าสะเอวแล้วมองไปยังเย่โม่เซินและเสิ่นเฉียว แล้วเยาะเย้ย “เสิ่นเฉียว เธอไปหานักแสดงพิการมาจากไหน? มานั่งวีลแชร์แสร้งว่าเป็นประธาน แม้ว่าเธอจะหานักแสดงมาช่วยเธอ แต่เธอคิดเหรอว่ามันจะใช้ได้ผล? ฉันรู้ว่าเธอโกรธที่หลินเจียงทิ้งเธอ แต่รสนิยมเธอก็ไม่ควรจะต่ำลงไม่ใช่เหรอ? ประธานอะไรนั่น เธอเมคขึ้นมาล่ะสิ? จริง ๆ ก็แค่ไม่อยากจะจ่ายเงิน!”
พูดจบซือฉีนเป่าก็มองไปที่พนักงาน “เธอยังไม่รีบมาอีก ชุดราคาสิบล้านนี่พวกเขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจ่ายไหว? เธอรีบมาเก็บเงินสิ ฉันอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าจ่ายได้จริงหรือแค่พูดเท่านั้น!”
คำเตือนของซือฉีนเป่าทำให้พนักงานได้สติ ก้าวไปข้างหน้า
“ขออภัยค่ะคุณลูกค้า ชุดนี้ราคาสูงมากจริง ๆ ถ้าคุณจ่ายได้จริง กรุณาจ่ายให้ฉันตอนนี้ด้วยค่ะ”
เสิ่นเฉียวขยับปากแต่ไม่มีเสียงพูดออกมา
ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากใด ๆ จากเย่โม่เซิน และเพราะเจ้านายไม่ขยับเซียวซู่เองก็ไม่ขยับเช่นกัน!
“น่าขำจริง นี่ก็เห็น ๆ กันแล้วหรือเปล่าว่าจ่ายไม่ได้? ยังจะแสร้งทำเป็นประธานอีกเหรอ?