เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 245 รู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไรไหม
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 245 รู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไรไหม
หลังจากที่ช่วยเธอรัดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เย่หลิ่นหานถึงจะปิดประตูรถและอ้อมไปขึ้นรถอีกข้าง จากนั้นก็นึกถึงอะไร เขาถอดเสื้อสูทบนตัวลงมาและเอาไปคุมตัวเสิ่นเฉียว: “ห่มไว้ดีๆ อย่าเป็นหวัดซะล่ะ”
เสิ่นเฉียวมองบนเสื้อคลุมที่เป็นเสื้อสูทตัวนี้ แล้วก็มองไปที่เขา ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
เย่หลิ่นหาน…….ดีต่อเธอมากจริงๆ
ถ้า……เธอไม่หลงรักเย่โม่เซิน บางทีเธอจะอยู่ด้วยกันกับเขาได้
แต่ว่าตอนนี้ ในหัวสมองของเธอท่าทางจะเต็มไปด้วยเย่โม่เซิน เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีก
นึกถึงเช่นนี้แล้ว เสิ่นเฉียวหลับตาไว้ ไม่พูดคุยโต้ตอบกับเย่หลิ่นหานอีก
รถก็เดินหน้าต่อไปเรื่อย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดก็ไปถึงสนามจอดรถของตระกูลเย่
เสิ่นเฉียวกลัวจะถูกเย่โม่เซินเห็นและเข้าใจผิด ดังนั้นลงจากรถอย่างรีบร้อน อีกทั้งลงจากรถก็รีบวางเสื้อสูทเก็บเข้าไปในรถ เย่หลิ่นหานเห็นแล้ว อดใจไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น: “คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมถามคนรับใช้แล้ว เย่โม่เซินยังไม่กลับมาเลย”
ได้ยินดังนั้น เสิ่นเฉียวจึงหยุดเดินชะงักอยู่กับที่ เธอหันหลังกลับไปมองเย่หลินหาน เย่หลิ่นหานก็กำลังมองเธออยู่
“แน่นอน คุณคงไม่อยากรู้ว่าเขาไปไหน” เขายิ้มอ่อนๆนิดๆ สายตาก็ยังอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่ในตามีความแหลมคมซ่อนอยู่ เสิ่นเฉียวเห็นชัดเจนแล้วก็ก้มหน้าลง
ที่จริงแล้วไม่ต้องคิดเธอก็รู้แล้ว เพราะเมื่อคืนหานเส่โยวใส่ต่างหูคู่นั้นแสดงตนออกมาให้เธอเห็นแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไปถามร้านจิวเวลรี่แล้ว แต่ว่า……ตอนนี้เธอก็ยังไม่ค่อยตายใจ
เธอรู้สึก พนักงานขายคนนั้นอาจจะโกหกเธอนะ หรือเธออาจจะดูผิดก็ได้ ต่างหูคู่นั้นของหานเส่โยวไม่ใช่คู่ที่เย่โม่เซินซื้อ เธอจะมีอะไรกับเย่โม่เซินได้ยังไง?
ดังนั้นเธอคิดอยากจะไปหาเย่โม่เซิน ดูว่าต่างหูคู่นั้นยังอยู่ที่เขาหรือไม่ อยากจะสอบถามให้แน่ใจ
“ดังนั้นอย่ารีบร้อน ค่อยๆเดิน หรือให้ผมส่งคุณกลับห้อง”
“ไม่ต้อง” ไม่รอให้เขาเดินเข้ามา เสิ่นเฉียวก็รีบปฏิเสธความหวังดีของเย่หลิ่นหานอย่างเยือกเย็น จากนั้นตนเองค่อยๆเดินไปข้างหน้า เดินไปไม่กี่ก้าว เธอก็หยุดเดินกะทันหันและหันหลังไปมองเย่หลิ่นหาน
เย่หลิ่นหานเห็นเธอหันกลับมา สีหน้าแปลกใจ เรียกชื่อเธอออกมาอย่างไม่รู้ตัว: “เฉียวเฉียว……”
“พี่ชายใหญ่ ฉันรู้ว่าคุณดีกับฉันมาก ฉันก็ขอบคุณความจริงใจทั้งหมดที่มี แต่เรื่องความรักมันไม่สามารถฝืนใจได้ ถ้าคุณยินยอม คุณก็ยังเป็นพี่ชายใหญ่ของฉันตลอดไป ไม่ว่าฉันกับโม่เซินจะเป็นยังไง”
ได้ยินเช่นนั้น ในตาของเย่หลิ่นหานที่สว่างกลับหม่นหมองลง สักพักก็ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น: “สิ่งที่คุณอยากพูดมีแค่นี้?”
“ใช่ หลังจากนี้ฉันจะไม่พูดอีกแล้ว พี่ชายใหญ่ เรื่องเมื่อวาน ขอบคุณพี่มากนะคะ ฉันไปก่อนนะ” พูดจบ เสิ่นเฉียวหันตัวแล้วก็เดินจากไป
มองดูด้านหลังของเธอที่ไกลออกไป เย่หลิ่นหานยิ้มขึ้นมากะทันหัน มองดูฝ่ามือของตนเอง มือที่เมื่อสักครู่ได้แตะตัวเธอ ในตอนนี้บนนิ้วมือเหมือนยังมีกลิ่นหอมของเธอติดอยู่
เขายืนอยู่ที่เดิมตั้งนาน ถึงจะไป
*
เสิ่นเฉียวกลับไปถึงห้องนอน สังเกตเห็นในห้องเงียบเหงาจริงๆ เย่โม่เซินไม่กลับมาจริงๆ
เต็มๆทั้งสองคืน เวลาตั้งสองวัน เขา……ไม่เคยกลับมาเลยเหรอ?
เสิ่นเฉียวนอนอยู่โรงพยาบาลทั้งคืน รู้สึกว่าไม่สบายทั้งตัว จึงต้องไปอาบน้ำก่อน ตอนที่น้ำอุ่นสาดลงมา เสิ่นเฉียวถึงนึกขึ้นได้ว่าบาดแผลของตนเองเหมือนจะโดนน้ำไม่ได้ แต่คิดๆดูผ่านไปหลายวันแล้ว น่าจะไม่เป็นไรแล้ว ถ้ายังไม่อาบน้ำอีก เดี๋ยวบนตัวจะมีเชื้อโรค จึงไม่สนใจ รีบๆอาบเสร็จแล้ว จากนั้นเสิ่นเฉียวเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกมา
เย่โม่เซินไม่อยู่บ้าน ดังนั้นเสิ่นเฉียวแค่ใส่กระโปรงนอนชุดหนึ่งก็เดินตรงออกมาเลย
เพิ่งจะเดินออกจากห้องน้ำ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกถึงไอของความเยือกเย็นเต็มไปทั่วฟ้าปกคลุมลงมา เธอตกใจจนหยุดชะงักอยู่กับที่ มองดูคนที่อยู่ในห้องกะทันหันอย่างตกตะลึง
“เมื่อคืนคุณไปไหน?”
เสียงที่เยือกเย็นเหมือนอมน้ำแข็งไว้ กระทบไปที่สมองของเสิ่นเฉียวอย่างไม่มีความรู้สึก
คนที่อยู่ในห้องไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์ สีหน้าของเขาเย็นชา เหมือนยมบาลที่อยู่ในนรก สายตาของเขาแหลมคมดั่งมีดในตอนที่เอ่ยคำถาม
“คุณ……” เสิ่นเฉียวมองเขาอย่างนิ่งเฉย: “คุณทำไมกลับมาอย่างกะทันหันล่ะ?”
เขาไม่กลับมาสองคืนแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมมาอยู่ตรงนี้กะทันหันได้ยังไง อีกทั้งยังรู้ว่าเมื่อคืนเธอไม่กลับมา?
“ทำไม?” เย่โม่เซินยิ้มอย่างเย็นชา: “ที่นี่มันอาณาเขตของผม เย่โม่เซินอย่างผมจะมาที่นี่ก็ต้องขออนุญาตจากคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คำพูดนี้เสิ่นเฉียวฟังแล้วขนหัวลุกเลยทีเดียว จึงได้แต่อธิบายด้วยเสียงเบาๆ: “ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ ฉันก็แค่……”
คำพูดของเธอยังพูดไม่จบ เย่โม่เซินก็หมุนล้อรถวีลแชร์เข้ามาใกล้ๆ จากนั้นจับแขนเธอไว้และดึงตัวเธอมากอดไว้ที่อ้อมอก
“อ้า!” เสิ่นเฉียวตกใจตะโกนร้องออกมา ทั้งคนคว่ำอยู่บนตัวของเขา
เธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ บนตัวยังมีหยุดน้ำเปียกตัวอยู่ อีกทั้งยังไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ตอนที่แนบอยู่บนตัวเย่โม่เซินยังรู้สึกว่ามีบางที่ถูกชนจนเจ็บ จนเธอหน้าแดงทันที อยากจะผลักเขาออกไป
สีหน้าบนใบหน้าของเย่โม่เซินน่ากลัวและเข้มขรึม กลิ่นอายรอบๆตัวเต็มไปด้วยความมืด!
“ไม่ได้หมายความแบบนี้? แล้วคุณหมายความว่าอะไร? หรือว่า รู้สึกว่าผมโผล่มากะทันหัน รบกวนเรื่องดีๆของคุณ?”
“อะไร?” เสิ่นเฉียวตกใจอย่างมากและมองหน้าเขา ยื่นมือจะผลักเขาออกไป แต่ว่าแขนถูกเขาจับไว้อย่างแรง เจ็บจนเธอหน้าซีดเซียว: “คุณทำให้มือของฉันเจ็บแล้วนะ”
“คุณยังรู้จักเจ็บเหรอ?” สายตาที่เยือกเย็นของเย่โม่เซินจ้องมองเธออยู่ ออกเสียงอย่างประชดประชัน: “เมื่อคืนตอนที่ไม่กลับบ้าน คุณทำไมไม่ถึงตอนนี้ล่ะ? หืม? รู้ว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่มีผัวหรือเปล่า? รู้ว่าตนเองควรทำอะไรไหม?”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว ในที่สุดเสิ่นเฉียวก็เข้าใจสาเหตุที่เย่โม่เซินโมโห เธอลืมตาโตๆจ้องเขาอยู่: “คุณ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่กลับมานอนบ้าน?”
“คุณนึกว่าจะปิดบังผมได้เหรอ?” เย่โม่เซินหัวเราะอย่างเย็นชาหนึ่งเสียง “ดูแล้วช่วงเวลาที่แต่งเข้าตระกูลเย่ ความกล้าของคุณกล้าขึ้นมาไม่น้อยเลยนะ กล้าไม่กลับมานอนที่บ้านเป็นแล้ว พูดมา เมื่อคืนคุณไปทำอะไร?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำตำหนิ จากนั้นเหมือนกับว่าไม่ห่วงไม่ไยดีเลย
ตอนแรกเสิ่นเฉียวยังรู้สึกละอายใจนิดๆ อีกทั้งยังรู้สึกกลัวด้วย เขารู้เรื่องที่ตนเองไม่กลับมานอนบ้าน แล้วเขารู้ได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้เขากลับซักถามตนเองแบบนี้ เสิ่นเฉียวก็กลับมามีสติทันที เขามีสิทธิ์อะไรมาซักถามตนเอง?
ดังนั้นเธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สบสายตากับเย่โม่เซิน พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างนึกไม่ถึง
“ฉันไปทำอะไร คุณเป็นห่วงด้วยเหรอ?”
ได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินขมิบตา หรี่ตาลงและจ้องเธออย่างน่ากลัว “คุณพูดอะไร?”
เสิ่นเฉียวไม่กลัวเขาเลยสักนิด กัดริมฝีปากและท้าทายแววตาของเขา ยังตั้งใจกดเสียงให้ต่ำ
“ฉันพูดอะไรคุณไม่รู้เหรอคะ? เย่โม่เซิน คุณก็ไม่กลับบ้านได้ แล้วฉันทำไมจะทำไม่ได้? คุณไม่กลับมาสองวันสองคืนได้ ฉันก็แค่ไม่กลับมานอนคืนเดียว คุณก็ตะคอกใส่ฉันทำไม?”