เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 246 คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอร้องผม
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 246 คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอร้องผม
“……”
ประมาณเหมือนกับนึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดเช่นนี้ เย่โม่เซินตอบไม่ถูกและอึ้งไปสักพัก
หลังจากที่เขารู้สึกมีสติคิดได้ว่าเธอพูดอะไร ริมฝีปากบางๆของเย่โม่เซินแสยะยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น ใช้มือใหญ่ๆนั้นจับคางของเธออย่างแรง: “คุณไม่รู้ว่ากำลังพูดกับใครอยู่หรือ? พูดอะไร?”
แรงของเขาหนักมาก แค่แป๊บเดียวก็ทำให้คางของเสิ่นเฉียวเป็นรอยแดงๆ เสิ่นเฉียวรู้สึกเจ็บมา อยากจะปัดมือเขาออก
แต่ปัดไม่ออก เธอทำได้เพียงแค่กัดริมฝีปากไว้และมองเขาอย่างโกรธเกลียด: “ฉันก็ต้องรู้สิ แล้วจะทำไม? ที่ฉันพูดมันผิดเหรอ? ถือสิทธิ์อะไรที่ไม่กลับมานอนบ้านได้แค่คุณคนเดียว?”
พูดจบ เสิ่นเฉียวพยายามจะผลักเย่โม่เซินออกไป แต่เรี่ยวแรงของทั้งสองต่างกันเกินไปอย่างเห็นได้ชัด เสิ่นเฉียวผลักอยู่ตั้งนาน ก็ยังผลักเขาออกไปไม่ได้ สุดท้ายจึงหยุดนิ่งอย่างโมโหมาก
เพราะเมื่อสักครู่ใช่แรงมากเกินไป ดังนั้นหน้าที่ขาวๆของเธอตอนนี้กลายเป็นสีแดงๆ เพราะอารมณ์กำลังโกรธ ดังนั้นสองตาของเธอเย็นชาเป็นพิเศษ เหมือนดาวที่สะท้อนเงาอยู่บนแม่น้ำ ส่องแสงระยิบระยับที่ดึงดูดคน
ปกติเย่โม่เซินควรจะโมโหมากกว่า แต่ว่าหลังจากที่เธอโต้ตอบถามตนเองกลับแล้ว เขานึกถึงอะไรบางอย่าง จากนั้นหรี่ตาเข้าไปใกล้เธอและพูดด้วยเสียงเบาๆ
“นี่คุณกำลัง…..หึงหวงผมเหรอ?”
เสิ่นเฉียวตะลึงไปสักพัก เธอหึงหรือ?
“หืม? แคร์ที่ผมไม่กลับมานอน ได้ยินว่าคุณยังโทรหาเซียวซู่ กลัวว่าผมจะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เสิ่นเฉียวไม่พูดจา ได้แต่ลืมตาจ้องสบตาเขาอย่างดื้อๆ มือของเย่โม่เซินขยับยกคางของเธอขึ้นสูงนิดๆ เย่โม่เซินก้มตัวลงไป ริมฝีปากบางๆที่เยือกเย็นเกือบจะแตะโดนเธอแล้ว
“ตอบผมสิ”
น้ำเสียงแข็งเกล้าเอาแต่ใจ
มองดูหน้าของเขาที่อยู่ตรงหน้า เสิ่นเฉียวสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจโดยเฉพาะของเย่โม่เซินที่เยือกเย็น เย็นๆ เหมือนกลิ่นของผ้าห่มที่วางอยู่ในห้องนานมากๆในฤดูหนาว
เสิ่นเฉียวสะดุ้งไปสักพัก สุดท้ายก็ค่อยๆเอ่ยปากพูดเบาๆ: “ถูกคุณดูออกแล้ว”
ประโยคเดียว ก็ทำให้เย่โม่เซินตะลึง
ตอนแรกเขาคิดว่า เธอจะปฏิเสธ หรืออาจจะถกเถียง
คิดไม่ถึง…….เธอกลับยอมรับ
เสิ่นเฉียวยิ้มๆต่อหน้าเขา ริมฝีปากสีชมพูยิ้มขึ้นมา: “ก็ถือซะว่าฉันหึงละกัน ดังนั้นคุณยังจะไม่กลับบ้านอีกไหม?”
เย่โม่เซินหรี่ตาเล็กๆอย่างอันตราย โน้มตัวไปข้างหน้านิดหน่อย ปลายจมูกและหน้าผากตรงกับเธอ ลมหายใจที่เยือกเย็นได้ปกคลุมเธอไว้ด้านใน เสิ่นเฉียวกำลังมองคิ้วและนัยน์ตาอันงดงามของเขา ทันใดนั้นหัวใจก็เต้นแรงขึ้นอีกครั้งอย่างไม่เอาไหน
เขาทำให้เธอ……หวั่นไหวจริงๆ
ใจเต้นจนไม่สามารถควบคุมได้
ตรงด้านหน้าเป็นอกที่แข็งแกร่งของเขา และเธอก็เพิ่งจะอาบน้ำ หน้าอกที่นุ่มนวลก็แนบชิดกับหน้าอกของเขาอย่างไม่เหลือช่องว่างเลยสักนิดเดียว เพราะการเข้าใกล้ของเขา เสิ่นเฉียวตื่นเต้นกะทันหันจนแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากตนเอง
การเคลื่อนไหวเล็กๆโดยไม่ตั้งใจนี้ ทำให้ตาของเย่โม่เซินกระพริบ จากนั้นเกิดแรงกระตุ้นบางที่เกือบจะพุ่งออกมาจากด้านใน
“คนสวย คุณตั้งใจทำใช่ไหม?” เขาถามอย่างไม่พอใจหนึ่งคำ จากนั้นก็จูบเข้าไปที่ปากแดงๆของเธออย่างแรงในตอนที่เสิ่นเฉียวก็เอ่ยปากจะพูด
“อื้ม”
นาทีที่ปากแดงๆถูกเขาจูบ เสิ่นเฉียวทนไม่ได้ จึงต้องออกเสียงครางขึ้นมาหนึ่งเสียง
เสียงครางที่บอบบางนี้ดูเหมือนว่าจะสัมผัสจุดๆหนึ่งของเย่โม่เซิน ฝ่ามืออันใหญ่ที่กำลังจับคางเธอไว้ก็ยื่นไปดันหัวเธอไว้ด้านหลัง กดด้วยแรงๆนิดๆ จูบได้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ปากและลิ้นของทั้งสองคนพันกัน ลมหายใจทั้งหมดของเสิ่นเฉียวถูกเขาดูดไปหมด เริ่มแรกเธอยังสามารถโต้ตอบได้ จากนั้นคนทั้งคนได้กลายเป็นน้ำแห่งความสุข อ่อนเพลียไปทั้งตัวและกอดเขาไว้ในอก
เย่โม่เซินกลับไม่ปล่อยเธอเพียงแค่นี้ กลับจับเธอไว้แล้วก็จูบต่ออีกสักพัก จากนั้นก็จูบลงไปด้านล่างเรื่อยๆ จนถึงคอของเธอ
เสิ่นเฉียวเคลิ้มๆตลอดเวลา จนถึงตอนที่กระโปรงชุดนอนถูกดึงขึ้นมา จากนั้นร่างกายก็เย็นฮวบ ทำให้เธอรู้สึกตื่นขึ้นมาทันที จากนั้นผลักตัวเย่โม่เซินออก
“……” เย่โม่เซินกำลังมึนเมาอยู่ในโลกของตนเอง ถูกขัดขวางกะทันหันและขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“อยากตายเหรอ?” เขาเอ่ยปากด่าเธอหนึ่งคำ เสียงแหบจนขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาหวั่นไหวในใจจริงๆแล้ว
เสิ่นเฉียวรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วก็ผลักเขา: “เย่โม่เซิน คุณอย่ามาทำแบบนี้เลย คุณคิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะสามารถทำให้ฉันลืมเรื่องที่คุณไม่กลับมานอนบ้านอย่างนั้นเหรอ?”
“ทำไม?” เย่โม่เซินเหมือนคิดอะไรอยู่และมองเธอด้วย: “เพราะผมไม่กลับมานอน ดังนั้นคุณก็ไม่กลับมานอนเพื่อแก้แค้นผมเหรอ?”
“ใช่แล้วจะทำไม?” เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากด้านล่างไว้ ปากที่เพิ่งถูกจูบจนแดงบวม ถูกฟันสีขาวของเธอกัดไว้ มองเห็นอย่างได้ชัด “คุณทำได้ งั้นฉันก็ทำได้?”
“……คุณ!” เย่โม่เซินโมโหอย่างมาก “ฟังให้ชัดๆ สิ่งที่ผมทำได้ไม่ได้หมายความว่าคุณก็ทำได้ นอกจากผม ผมไม่อนุญาตให้คุณพูดคุยติดต่อกับผู้ชายคนไหนอีก ได้ยังไหม?”
เสิ่นเฉียวไม่โต้ตอบ มองดูเขาอย่างน่าตลก
“แล้วคุณล่ะ? ไม่ยอมให้ฉันคบหากับชายคนอื่น แล้วคุณจะคบกับผู้หญิงอื่นไหม?”
จนคำถามสุดท้าย เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าหัวใจของตนเองจะหยุดเต้นอย่างนั้น มีคำตอบอะไรก็อยากจะตะโกนตอบมาให้หมด
พูดถึงเรื่องนี้ สายตาของเย่โม่เซินหม่นหมองลงไปนิดหนึ่ง จากนั้นสายตาที่มองดูเธอก็สับสนยิ่งขึ้นกว่าเดิม และเสิ่นเฉียวได้ยินเขาถาม: “ผมไปมาหาสู่กับผู้หญิงอื่น คุณแคร์ด้วยเหรอ?”
เสิ่นเฉียว: “……”
เสิ่นเฉียวพูดด้วยความรีบร้อนอย่างไม่ตั้งใจ: “ที่คุณพูดมันไร้สาระสิ้นดี?”
พูดจบแล้วเสิ่นเฉียวเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่นี้ตนเองได้ยอมรับอะไรไป สีหน้าเธอจึงเปลี่ยนไป อยากจะกระโดดลงจากตัวของเย่โม่เซิน กลับถูกเขาดึงแขนไว้
“มองดูแล้วคูณแคร์จริงๆนี่นา”
“คำเมื่อกี้ฉันพูดมั่วๆน่ะ!” เสิ่นเฉียวรีบร้อนอธิบาย
ปากของเย่โม่เซินยิ้มขึ้น “คำพูดที่พูดออกมาแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดทิ้งไปแล้ว อีกทั้งยังพูดให้ผมฟังด้วย สำหรับในที่นี้ของเย่โม่เซินอย่างผมไม่มีทางให้โอกาสคุณเก็บคำพูดคืนไปได้หรอก!”
เสิ่นเฉียวมองหน้าเขาอย่างเหม่อลอยสักพัก จากนั้นปากของเธอก็เอ่ยคำถามขึ้น: “ดี ฉันไม่เก็บคืนหรอก แล้วคุณล่ะ?” วันหลังคุณยังจะไม่กลับมานอนบ้านอีกไหม? คุณจะคบกับผู้หญิงอื่นลับหลังฉันอีกหรือเปล่า?”
ได้ยินแล้ว เย่โม่เซินขมวดคิ้ว เหมือนจะไม่พอใจกับคำพูดของเธอ
“ทำได้ไหม?” เสิ่นเฉียวยังไม่ตายใจและถามอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะมาถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าเย่โม่เซินและหานเส่โยวมีอะไรกัน เธอคิดว่ามันต้องใช่ความบังเอิญแน่นอน!
ริมฝีปากบางๆของเย่โม่เซินขยับเบาๆ ยื่นมือไปนวดๆที่หัวเธอ: “ใครบอกว่าผมไม่กลับบ้านก็ต้องไปกลับผู้หญิงคนอื่นล่ะ? คุณเห็นกับตาเหรอ?”
เสิ่นเฉียว: “……ไม่ใช่ แต่ว่ามันมีเรื่องอะไรที่สำคัญขนาดนั้น คุณถึงต้องไม่กลับมาตั้งสองวันสองคืน? คุณบอกฉันได้ไหม?”
เย่โม่เซินหรี่ตาลงเล็กๆ มองหน้าเธออย่างอันตราย
“เรื่องของผม คุณอย่ามายุ่งดีที่สุด”
ได้ยินดังนั้นแล้ว เสิ่นเฉียวทนไม่ไหวและหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเธอมันขมขื่นมาก
“มองดูแล้ว คุณแค่อยากจะให้ผมแคร์คุณเท่านั้น”
พูดจบ เธอปล่อยมือเขาออก จากนั้นลุกขึ้นออกจากตักของเขา ยืนอยู่ห่างๆจากเขาอีกที่หนึ่ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอร้องผม?”