เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 254 ก็ไม่แน่ที่เธอจะขโมย
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 254 ก็ไม่แน่ที่เธอจะขโมย
เสิ่นเฉียว: “……เธอคิดมากไปแล้ว”
“ฉันคิดมากไปที่ไหน? เธอกล้าบอกว่าฉันพูดไม่ถูก ถึงแม้เขาจะทำดีกับเธอ แต่เธอเป็นคนมีสามีแล้ว มือที่สามผู้ชายกับมือที่สามผู้หญิงหน้าตาน่ารังเกียจ”
ฟังถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวอดไม่ได้ที่จะไปมองเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนจ้องมองเธออย่างไม่ยอมแพ้ : “อะไร? แล้วเธอคิดว่าฉันพูดผิดหรอ?”
เสิ่นเฉียวยิ้มเล็กๆ พยักหน้า : “เปล่า ฉันรู้สึกว่ามุมมองทั้งสามของเธอถูกต้อง ตรงกับที่ฉันคิดไว้
ทันใดนั้น เธอก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้ แล้วถามขึ้นมาว่า : “งั้นถ้าหาก ……สามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้รักกันล่ะ? อีกอย่างฝ่ายชายก็รักกับผู้หญิงคนนึงแล้ว พวกเขารักกัน เธอคิดว่าฝ่ายหญิงควรจะหลีกทางให้พวกเขาไหม?”
“โอ้ ทำไมต้องหลีกทาง? นี่แต่งงานแล้วยังจะมีรักนิรันดร์อะไรแบบนั้นอีกหรอ? ทำไมก่อนแต่งงานไม่มีล่ะ? แต่งงานแล้วรักนิรันดร์นั่นก็น่ารังเกียจแล้ว ถึงแม่ไม่ได้มีความรู้สึกก็ไม่ควรทำแบบนี้”
เสี่ยวเหยียนพูดอย่างจริงจัง สักพักเธอเหมือนกับสังเกตเห็นอะไร หันหัวไปมองเสิ่นเฉียว สายตานั่นมองจนเสิ่นเฉียวขนลุกไปหมด “อะไรของเธอ?”
เธอคว้าไหล่ของเสิ่นเฉียว : “ที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง? หลีกทางอะไรหรอ? อะไรคือรักนิรันดร์? ที่พูดนั่นเธอหมายถึงคุณชายเย่กับหานเส่โยวหรอ?”
เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว เสิ่นเฉียวก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ เธอหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วพยักหน้า : “เธอฉลาดมากจริงๆ เสี่ยวเหยียน”
“พระเจ้า! เสี่ยวเหยียนสักพักโกรธเอามากๆ ด่าออกมา : “หานเส่โยวนังสารเลว ฉันบอกกับเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอดูไม่น่าจะเป็นคนดี ตอนนั้นเธอไม่เชื่อฉันแล้วยังโกรธฉันอีก ตอนนี้รู้แล้วละสิ?”
เสิ่นเฉียว: “……เรื่องแบบนี้ ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธ สองคนก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
เสี่ยวเหยียน: “เพราะฉะนั้นนี่เธอยืนยันว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว?”
เสิ่นนิ่งไปสักพัก “ใช่แหละ”
“อะไรคือใช่แหละ” เสี่ยวเหยียนท่าทางไม่พอใจเอามากๆ : “เธอถามจากปากเย่โม่เซินจากปากแล้วหรอ? เขาบอกว่าเขาไม่รักเธอแล้วรักหานเส่โยว?”
“……ไม่แน่นอน!”
“รักนิรันดร์บ้าอะไรล่ะ เธอสมองมีปัญหาหรือเปล่า? เธอจินตนาการเอาเองหรอ?”
“แต่ว่า……” เสิ่นเฉียวมองไปที่เสี่ยวเหยียน เอาเรื่องต่างหูนั่นมาบอกเธอ
เกี่ยวกับเรื่องต่างหูสีชมพูนั่น เสี่ยวเหยียนถือว่าเป็นคนฉลาดที่สุดในนั้น จริงๆ แล้วได้ยินเธออธิบายแล้ว เธอโกรธจนคนไม่ไหว แต่ว่ากลับเย็นลงอย่างไว จากนั้นก็แจกแจงให้เสิ่นเฉียว
“เธอว่าต่างหูสีชมพูที่หานเส่โยวใส่อยู่นั่น? บังเอิญที่คุณชายเย่ไม่เจอพอดีเลย?”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า
“ดังนั้นเธอว่าต่างหูสีชมพูคู่นั้นเป็นคุณชายเย่ให้เธอหรอ?”
“งั้นไม่ใช่หรอ?”
“ความรักทำให้คนตาบอด ก็ไม่แน่ว่าหานเส่โยวจะขโมยไป?”
คำพูดของเสี่ยวเหยียนคำเดียวทำให้คนตื่นจากฝัน
“ได้ ได้ยังไง?” เสิ่นเฉียวไม่กล้าจะเชื่อ
“เธออย่าไม่เชื่อ ฉันไม่ใช่ไม่เคยคลุกคลีกับเธอ นอกจากนี้สายตาที่คุณชายเย่มองเธอก็ดูชอบเธอ เหมือนกับพ่อของฉันมองแม่ของฉันเป๊ะ! เฉียวเฉียว นอกจากคุณชายเย่เป็นผู้ชายเลวๆ จับปลาสองมือ ไม่งั้น……เขาไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก นอกจากนี้ ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ควรที่จะเชื่อหานเส่โยวอีกแล้ว ต่างหูนั่นไม่ว่าจะเป็นเธอขโมยหรือว่า คุณชายเย่ให้ก็ตาม เธอก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพี่น้องกับเธอแล้ว ถ้าหากเธอคิดว่าเธอเป็นพี่น้องจริงๆ งั้นก็คงไม่ยอมรับต่างหูคู่นั้นเข้าใจไหม?”
คำพูดเหมือนสายฟ้าฟาด
เสิ่นเฉียวอึ้งอยู่ตรงนั้น จากหัวถึงเท้าชาราวกับคนเอาน้ำเย็นมาราดใส่ ในใจหนาวจนเธอแทบจะสั่น
ริมฝีปากขาวอมชมพูสั่นสะท้าน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีคำพูดออกมาสักประโยค
เสิ่นเฉียวก้มหัว ขนตายาวปกปิดดวงตา
เธอ…..เธอทำไมไม่เข้าใจละ?
ก็เพราะว่าเข้าใจ เธอถึงไม่ยอมยกโทษให้หานเส่โยวไง
แค่เป็นพี่น้องกันมาไม่กี่ปี เธอยังหาคำแก้ตัวแทนเธอ หวังว่าจะลดความผิดของเธอลง
“ฉันพูดแทงใจดำเธอแล้วใช่ไหม? เสี่ยวเหยียนตรวจดูขนตาของเธอ ทันใดนั้นเสียงก็เบาลง : “ที่จริงเธอค่อนข้างให้ความสำคัญกับความรู้สึก เมื่อก่อนตอนเธอพูดแทนเธอฉันก็ดูออกแล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ แต่ที่เธอทำดีกับเธอ มันมีจุดประสงค์อยู่ งั้นความดีแบบนี้ไม่ดีแล้วแหละ”
“ฉันกับเส่โยวรู้จักกันมานานแล้ว ก่อนฉันจะแต่งงานกับเย่โม่เซิน” เสียงของเสิ่นเฉียวค่อนข้างเบา เธอมองไปที่ปลายนิ้ว คิดถึงเวลาที่ทั้งสองอยู่ในมหาวิทยาลัย “ฉันคิดไม่ถึง…..”
“เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้เธอคิดจะทำยังไง? ถ้าหากเธอก็ชอบคุณชายเย่ เรื่องนี้ต้องไปสืบให้ชัดเจน ต่างหูคู่นั้นแท้จริงแล้วเป็นหานเส่โยวขโมยหรือว่าคุณชายเย่ให้ด้วยมือตัวเอง”
อันนี้……
เสิ่นเฉียวทันใดนั้นยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างเย็นชา : “เหมือนกับไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
เขาให้กับมือกับหานเส่โยวขโมยต่างกันยังไง?
ต้องเขาให้โอกาส เส่โยวถึงจะมีโอกาสขโมย ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหนถึงให้โอกาสได้? สองวันสองคืนไม่ได้กลับบ้าน…….ใครจะไปรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่?
“อะไรกัน ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จริงๆ! เสี่ยวเหยียนโกรธจนหันไปทางนอกหน้าต่าง โกรธจนเอ่ยปากออกมาว่า : “ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงรีบไปคาดคั้นหานเส่โยวแล้ว ไม่ ฉันน่าจะไปคาดคั้นเย่โม่เซิน! ถามเขาว่าสุดท้ายแล้วมันเรื่องอะไรกัน! ก็แต่งงานแล้ว กล้าที่จะโกงฉันก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้ในสิ่งที่ต้องการ”
เมื่อเทียบอารมณ์โกรธกับเสี่ยวเหยียน เสิ่นเฉียวดูเงียบสงบมาก
เสี่ยวเหยียนด่ามานานก็เหนื่อยแล้ว ดูเธอล้มลงบนรถด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ได้แต่หยุดปาก จากนั้นเสี่ยวเหยียนพาเสิ่นเฉียวกลับบ้านตัวเอง แล้วทำแผลให้เธอ ทำเสร็จแล้วก็ให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
“เกือบจะบ่ายแล้ว วันนี้เธออยู่กินข้าวที่บ้านฉันเถอะ”
ได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวเงยหน้าตอบสนองมองที่เธอ : “เสี่ยวเหยียน ขอบคุณนะ”
สายตาของเธอจริงจัง จ้องจนเสี่ยวเหยียนทำอะไรไม่ถูกแล้ว เบะปากแล้วพูดว่า : “ถึงแม่เธอจะขอบคุณฉันขนาดนี้ ฉันก็ไม่ซาบซึ้งอะไรหรอก เธออยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ”
จากนั้นหลังจากเสี่ยวเหยียนออกมาแล้วก็ส่งข้อความให้เย่หลิ่นหาน บอกเขาว่าเสิ่นเฉียวปลอดภัยดี
ส่งเสร็จแล้ว เธอก็คิดอะไรขึ้นได้ ถอนหายใจ
ความรู้สึกระหว่างเสิ่นเฉียวกับสองที่น้องตระกูลเย่ ช่างสับสนจริงๆ ในสายตาเธอที่ชาญฉลาดเย่หลิ่นหานดูก็รู้แล้วว่าเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ เสิ่นเฉียวไม่ได้มีความรู้สึกกับเขา แต่เย่หลิ่นหานก็ไม่ตาย
หานเส่โยวกับเย่โม่เซินก็……
คิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนหันกลับไปมองที่ห้องของตัวเอง แล้วถอนหายใจแรงๆ
เสิ่นเฉียวอยู่ที่บ้านของเสี่ยวเหยียน ตอนแรกก็เตรียมจะอยู่ที่บ้านเธอต่อไป แต่ใครจะรู้ว่าถึงตอนกลางคืนสายของเย่โม่เซินก็โทรเข้ามา
ตอนมองไปที่หน้าจอแล้วเห็นชื่อเขา เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้อยากรับ เลยเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างๆ
เสี่ยวเหยียนยกโทรศัพท์ดู : “สายของคุณชายเย่นิ เธอไม่รับหรอ?”