เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 355 เด็กที่น่ารัก
“จะว่าไปก็ใช่แหละ”
“ทำงาน ๆ !”
หานมู่จื่อพาเสี่ยวหมี่โต้วเดินไปยังโซนอาหารสด ร่างเล็ก ๆ ของเสี่ยวหมี่โต้วแต่กลับต้องเข็นรถเข็นนั้น ก็ตรงไปที่ด้านหน้าของหานมู่จื่อ แล้วพูดขึ้น: “หม่ามี๊ น้าเสี่ยวเหยียนทำปลาทอดได้อร่อยที่สุดเลย อีกเดี๋ยวพกวเราไปซื้อปลามาแช่ไว้ในตู้เย็น พอตกค่ำก็ให้น้าเสี่ยวเหยียนกลับมาทำให้กินดีมั้ย?”
“ได้สิ งั้นพวกเราไปดูกันเถอะ”
“อื้ม!”
2 แม่ลูกนั้นดูกันอยู่นาน สุดท้ายก็เลือกเอาปลาสวย ๆ ที่มีไขมันมากมาตัวหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปเลือกเนื้อวัว
อย่าคิดว่าเสี่ยวหมี่โต้วนั้นมีแค่แก้มกลม ๆ กับร่างเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เขานั้นยังเป็นนักกินตัวน้อยที่แท้จริงอีกด้วย เขาชอบที่จะหลอกล่อให้เสี่ยวเหยียนทำอาหารอร่อย ๆ ให้เขากินอยู่เสมอ เวลาที่ได้มาซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นสำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
หลังจากที่ใช้เวลาไปได้สักพัก เสี่ยวหมี่โต้วก็เลือกของหยิบของใส่เข้าไปในรถเข็นไม่น้อย
ตอนที่อยู่ต่างประเทศ ส่วนมากแล้วมักจะเป็นเสี่ยวเหยียนที่พาเสี่ยวหมี่โต้วไปซูเปอร์มาร์เก็ต ดังนั้นหานมู่จื่อจึงไม่ค่อยได้เดินซื้อของนัก จะไปก็แค่ซื้อข้าวของเครื่องใช้ประจำวันเป็นบางครั้ง เพราะงั้นเธอจึงไม่ค่อยเข้าใจนักเกี่ยวกับเรื่องของสด
แต่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วนั้นกลับสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี หลังจากดูดีแล้วก็หยิบมันใส่ลงไปในรถเข็นทันที
เมื่อพวกเขาซื้อของที่โซนของสดเสร็จ รถเข็นก็แน่นแล้ว
“นี่ลูกรัก ทั้งหมดนี่เรียนมาจากน้าเสี่ยวเหยียนอย่างนั้นเหรอ?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้า: “ใช่ครับหม่ามี๊ ก่อนหน้านี้เวลาที่แม่ออกไปหาแรงบันดาลใจ ผมกับน้าเสี่ยวเหยียนก็มักจะมาเลือกซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ควรจะซื้อของแบบไหนยังไงน้าเสี่ยวเหยียนต่างก็เป็นคนสอนผม”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวหมี่โต้วก็เชิดคางขึ้นเพื่อรอรับคำชม
หานมู่จื่อยื่นมือไปลูบหัวน้อย ๆ ของเขา ด้วยความชื่นชมอย่างไม่ลังเล: “เก่งมากเสี่ยวหมี่โต้วน้อยของแม่ หลังจากนี้โตไปอยากจะเป็นเชฟมั้ย?”
เมื่อได้ยิน เสี่ยวหมี่โต้วรีบส่ายหน้าทันที: “ไม่ดีกว่าครับ!”
“ทำไมล่ะ?”
“น้าเสี่ยวเหยียนบอกว่า หน้าตาดีแบบผมเนี่ย โตขึ้นไปแล้วต้องไปเป็นดาราไม่งั้นงจะน่าเสียดายแย่”
หานมู่จื่อ: “……”
แม่สาวคนนี้นี่ สอนอะไรให้กับเสี่ยวหมี่โต้วกันนะ?
เธอยิ้มขึ้นเล็กน้อย และถามขึ้นโดยไม่รอช้า: “งั้นเสี่ยวหมี่โต้วเองล่ะอยากจะเป็นดารามั้ย?”
เสี่ยวหมี่โต้วก็ยังคงส่ายหน้า: “ไม่ชอบครับ”
รอยยิ้มของหานมู่จื่อก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก: “งั้นเสี่ยวหมี่โต้วอยากทำอะไรล่ะ?”
ทันใดนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็กำมือขึ้นมาในอากาศ: “หม่ามี๊ โตขึ้นไปเสี่ยวหมี่โต้วอยากจะเป็นทหาร รับใช้ประเทศชาติ!”
เมื่อได้ยิน ฝีก้าวของหานมู่จื่อก็หยุดชะงักลงในทันที เสี่ยวหมี่โต้วเงยหน้าขึ้น: “เป็นอะไรไปหรอครับหม่ามี๊?”
“เปล่าหรอกจ้ะ” หานมู่จื่อหยุดเดินก้มหน้าลงและบีบเนื้อที่แก้มของเสี่ยวหมี่โต้ว: “เป็นความฝันที่ดีมากเลยล่ะ ขอแค่เสี่ยวหมี่โต้วชอบ หม่ามี๊ก็จะไม่ห้ามเอาไว้หรอก”
“ขอบคุณครับหม่ามี๊!ผมรู้อยู่แล้วว่าหม่ามี๊น่ะต้องซัพพอร์ตเสี่ยวหมี่โต้วแน่นอน!”
เสี่ยวหมี่โต้ว นั้นจับและลูปที่หน้าของหานมู่จื่อ หลังจากนั้นก็จุ๊บลงที่แก้ม 1 ที รอยยิ้มในแววตาของหานมู่จื่อนั้นก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น: “เธอเนี่ยน้า……ไปกันเถอะ พวกเราไปดูที่ชั้นสองกัน ไปดูข้าวของเครื่องใช้กัน。”
“แต่ว่าหม่ามี๊ รถเข็นนี่อาจจะใส่ของไม่พอแล้ว พวกเราไปคิดเงินของพวกนี้ก่อนแล้วค่อยไปชั้นสองดีกว่า ~”
“ได้สิ”
หานมู่จื่อจึงได้พาเสี่ยวหมี่โต้วไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน หลังจากนั้นก็เอาของต่าง ๆ วางเอาไว้อีกด้าน และสองแม่ลูกก็ขึ้นไปที่ชั้นสองด้วยกัน
หลังจากขึ้นไปที่ชั้นสองแล้ว หานมู่จื่อก็ได้ไปเห็นเข้ากับเสื้อผ้าที่นั่นพอดี และพบว่าเสื้อผ้าชุดนั้นดูค่อนข้างแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูให้ละเอียดสักหน่อย
เสี่ยวหมี่โต้วมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นก็พูดขึ้น: “หม่ามี๊แม่รอผมอยู่ที่นี่สักเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมไปเอารถเข็นมาให้ ~”
“อื้ม ระวังหน่อยล่ะ”
เป็นเพราะว่าเสี่ยวหมี่โต้วนั้นมีความสามารถและความมั่นใจในตัวเองมาก ดังนั้นหานมู่จื่อจึงไว้ใจเค้าเป็นอย่างมาก แค่เขาบอกว่าจะไปเอาก็ปล่อยให้เค้าไปเอาได้
เสี่ยวหมี่โต้วรีบก้าวเพื่อที่จะไปเอารถเข็นมาอย่างรวดเร็ว
“โม่เซิน ช่วยเอาของข้างบนนั้นใส่รถเข็นให้ฉันหน่อยสิ” ส้งอานชี้ไปยังแก้วที่อยู่บนสุดของชั้นวาง เย่โม่เซินนั้นตัวสูง เพียงแค่เอื้อมมือขึ้นไปหยิบแก้วลงมาก็เรียบร้อยแล้ว “ซื้อพอรึยัง?”
ส้งอานเหลือบตาไปมองเขา: “ทำไมเธอถึงใจร้อนนักล่ะ?นาน ๆ ทีจะได้มาเมืองซู วันนี้มื้อเที่ยงก็อยู่กินข้าวที่นี่สิ?เดี๋ยวป้าเข้าครัวเอง แถวนี้เองก็คงไม่มีอะไรที่จะต้องซื้อแล้ว ไปดูของสดที่ชั้นล่างเถอะ”
เมื่อพูดจบ ส้งอานก็หันตัวเพื่อที่เดินไปชั้นล่าง เมื่อเดินไปข้างหน้าก็ได้เห็นเข้ากับเด็กตัวน้อยแสนน่ารัก ที่หันหลังเข็นรถเข็นอยู่ แถมยังอยู่ตัวคนเดียวอีกด้วย รูปร่างตัวน้อย ๆ ของเขานั้นทำให้เป็นที่น่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
พริบตานั้นส้งอานก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่ผูกพันกัน เหมือนกับว่าอยากที่จะก้าวตามเขาไป
“ลิฟต์ลงชั้นหนึ่งไปทางนี้”
เสียงอันเย็นชานั้นดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้ส้งอานได้สติกลับมา เธอหันหน้ามาและพูดขึ้น: “ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันกลับมา”
หลังจากนั้นเมื่อหันหน้ากลับไปก็พบว่าเด็กตัวน้อยที่เข็นรถเข็นกลับไม่อยู่ซะแล้ว
เอ๋ เมื่อกี้เค้าก็ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนี่?
ส้งอานอดไม่ได้ที่จะเดินตรงไปลองมองหาเขาดู แต่สุดท้ายก็กลับไม่พบร่างของเด็กนั่นเลย
ส่วนทางด้านเย่โม่เซินนั้นก็ดูเหมือนว่าจะอดทนรอไม่ไหวแล้ว เข็นรถเข็นตามมาและถามด้วยเสียงอันเย็นชาว่า: “มีอะไร?”
“เปล่าไม่มีอะไร” ส้งอานส่ายหน้า: “เมื่อกี้นี้เห็นเด็กน้อยคนนึงหน้าตาน่ารักมาก แค่เห็นด้านหลังก็รู้สึกว่าน่ารักแล้ว ไม่คิดว่าแค่แป๊บเดียวก็หาไม่เจอซะแล้ว”
เมื่อได้ยิน เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น: “ถ้าชอบงั้นก็คลอดออกมาสักคนสิ”
ส้งอานเหลือบตาไปมองเขา: “พูดบ้าอะไรกัน?อายุฉันก็ปูนนี้แล้วจะให้มีลูก จะไม่เป็นที่น่าขายหน้าของคนอื่นเอาหมดรึไง?”
พูดจบส้งอานก็หันตัวและเดินจากไป เย่โม่เซินก็ตามไปโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
ส้งอานที่อยู่ด้านหน้าก็กลับพูดขึ้นมาอย่างไม่ระวังว่า: “ฉันว่าเธอน่ะรีบหาภรรยาสักคน แล้วมีลูกก็ไม่เลวนะ แบบนี้ป้าอย่างฉันเองก็ได้ผลดีไปด้วย แล้วก็ตอนนี้ฉันก็ไม่ต้องทำงานยุ่ง พอถึงเวลาก็สามารถช่วยดูแลเด็กแทนพวกเธอสามีภรรยาได้”
เมื่อได้ยินคำว่าลูก ใบหน้าของเย่โม่เซินก็มืดมนขึ้นมาบ้าง
ทันใดนั้นก็พูดขึ้น……5 ปีก่อนเสิ่นเฉียว ตอนที่มีเสียงร้องขอให้รักษาเด็กเอาไว้นั้น
ถ้าหาก……ถ้าหากว่าตอนนี้เธอไม่ได้จากไป จนถึงตอนนี้เด็กก็คงจะมีอายุราว ๆ 5 ปีแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เย่โม่เซินก็มีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาบ้าไปแล้วรึไงกันนะ?ลูกนั่นไม่ใช่ลูกของเขาสักหน่อย แล้วเขาจะมาคาดหวังอะไรกับเด็กคนนี้กัน?เย่โม่เซินหลับตาลง และเอามือบีบที่ขมับของตนเอง
“หลังจากนี้อย่าพูดเรื่องพวกนี้อีกล่ะ น่ารำคาญ”
ส้งอานหันหน้ากลับไปมองเขา “เธอคิดว่าฉันอยากจะพูดเหรอ?อายุก็มากปูนนี้แล้ว อยากเรียนรู้ความโดดเดี่ยวแบบป้าคนนี้หน่อยอย่างงั้นเหรอ?นั่นน่ะคงจะไม่ได้หรอก ถ้าเกิดว่าเธอตัวคนเดียวไปจนแก่ แล้วถ้าฉันตายไปจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอแม่ของเธอกัน”
“……ไม่ต้องพูดแล้ว” เย่โม่เซินได้ยินเธอพูดถึงความตาย ก็ต่อว่าออกมาอย่างไม่พอใจ
ส้งอานก็ทำเสียงไม่พอใจขึ้นมาก ชิ: “เรื่องอะไรก็ห้ามไม่ให้พูด เธอนี่เรื่องเยอะจริง ๆ เลยนะ คนแบบเธอเนี่ย……นอกจากหล่อและรวยแล้วก็คงจะไม่มีอะไรดีแล้วล่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงยังเป็นโสดมาถึงตอนนี้”
นอกจากหล่อและรวย ก็คงจะไม่มีอะไรดีแล้วอย่างงั้นเหรอ?
เย่โม่เซิน: “……”
“ไปเถอะ ลงไปชั้นล่างเลือกซื้อที่โซนอาหารสดสักหน่อย!”