เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 356 ไฟลนก้น
“หม่ามี๊ กลับมาแล้ว” เมื่อ เสี่ยวหมี่โต้ว กลับมาพร้อมกับตะกร้าสินค้า หานมู่จื่อเองก็เพิ่งศึกษาการออกแบบชุดเสร็จ จากนั้นจึงมุ่งหน้ากลับไปรับ เสี่ยวหมี่โต้วมาด้วย
“ลำบากแล้ว เสี่ยวหมี่โต้ว ลูกเข้าไปนั่งในรถเข็นช็อปปิ้งเดี๋ยวแม่จะเข็นลูกไป”
“ได้หรือครับแม่?!” เสี่ยวหมี่โต้ว ดูเหมือนจะตื่นเต้นเล็กน้อย นิ้วมือของเขาชี้เข้าด้วยกัน ดวงตากลอกไปมา “แต่แบบนั้นออกจะดูไร้ภาพลักษณ์….”
“อุ๊บ” หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ลูกยังเด็กขนาดนี้จะมีภาพลักษณ์อะไร?”
พูดจบเธอก็อุ้มเสี่ยวหมี่โต้วลงในรถเข็น เสี่ยวหมี่โต้ว จับขอบตะกร้าสินค้าเอาไว้และนั่งลง “ก็ได้~”
ชั้นล่าง
เย่โม่เซินและส้งอานไปที่บริเวณอาหารสดและซื้ออาหารส่วนหนึ่งจากนั้นจึงไปที่เคาร์เตอร์ชำระเงิน หญิงสาววัยรุ่นหลายคนจ้องมองเย่โม่เซินด้วยดวงตาเปล่งประกาย แต่เมื่อเห็นภรรยาและลูกของเขา ประกายในดวงตาก็มืดลงไป
หลังจากได้รับเงินทอน หญิงสาวที่เก็บเงินก็พบว่าสิ่งของที่พวกเขาซื้อมาดูเหมือนจะซ้ำกันเล็กน้อย เธอรู้สึกแปลกใจ แต่ภายนอกยังคงเอ่ยด้วยท่าทีอบอุ่นว่า “คุณผู้ชาย ของของภรรยาคุณจะใส่ไปด้วยกันเลยไหมคะ? ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว”
เย่โม่เซินกลับดูเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เขายกถุงขึ้นมา สีหน้าไร้ความรู้สึก
“คุณผู้ชาย?”
ส้งอานได้ยิน จากนั้นจึงหรี่ตาลง “คุณกำลังพูดกับเขาหรือ?”
หญิงสาวประหลาดใจและพยักหน้า “ใช่”
“เมื่อครู่คุณเพิ่งพูดว่าภรรยาของเขา? ”
หญิงสาวถูกดวงตาสับสนของส้งอานมองจนรู้สึกสับสน เธอลังเลอยู่นานก่อนที่จะพูดว่า “เมื่อครู่…ด้านหลังของพวกคุณมีผู้หญิงสวยมากคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับเด็ก เมื่อครู่เธอเพิ่งจะลงไปชั้นล่าง ฉันยังคิดไปว่า….พวกคุณเป็นคู่รัก”
เมื่อได้ยิน เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ดวงตาของเขาจ้องไปที่แคชเชียร์หญิง
แคชเชียร์หญิงถูกสายตาคมปลาบของเขาจ้องจนรู้สึกเย็นชาที่หลังของเธอ มีแรงกดที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่งกดทับลงบนไหล่ของเธอทำให้เธอต้องงอหลัง
“เอ่อ…”
เมื่อส้งอานเห็นว่าเย่โม่เซินกำลังอารมณ์บูด เขาก็หัวเราะอย่างประดักประเดิด “พวกเรามาด้วยกันแค่นี้ แต่เดิมไม่มีใครตามมาด้วย คุณมองผิดไปแล้วหรือเปล่า?”
คนข้างๆ เมื่อเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือแคชเชียร์
“ขอโทษนะคะคุณทั้งสอง เพื่อนของฉันสายตาสั้นไปหน่อย เมื่อกี้มีผู้หญิงคนหนึ่งวางของไว้ที่นี่และบอกว่าจะให้สามีของเธอจัดการ เธอก็บอกมาเช่นกันว่ามากันสองคนเหมือนกับพวกคุณ ดังนั้นก็เลยเข้าใจผิดไป ขอโทษจริงๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ส้งอานส่ายหัว “ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด แก้ไขให้ถูกต้องก็โอเคแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เอาล่ะโม่เซิน ดูหน้าบึ้งตึงขอนาย นายคิดจะทำให้คุณผู้หญิงเขาตกใจหรือยังไง? ไปไป”
พูดจบ ส้งอานก็ดึงเย่โม่เซินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต
หลังจากพวกเขาออกไป แคชเชียร์หญิงก็ยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาแดงก่ำด้วยความกลัว คนข้างๆ เข้าไปปลอบเธอ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
แคชเชียร์ส่ายหัว เธอกอดอก “ฉันไม่เป็นไร ก็แค่….เมื่อครู่เขาดูดุร้ายและน่ากลัวมาก”
“ใช่ ฉันก็คิดเหมือนกัน…ดวงตานั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว ผู้ชายแบบนี้ ถึงจะดูดีก็เถอะ แต่ตัวเขากลับดูเหมือนน้ำแข็งก้อนหนึ่ง คิดอยากจะอบอุ่นก็อบอุ่นขึ้นมาไม่ได้”
“อืม” เด็กสาวที่ถูกทำให้ตกใจจนตาแดงพยักหน้า “แต่ว่า เด็กคนนั้นดูเหมือนเขาพวกเขาขนาดนั้น พวกเขา…. ”
“เฮ้อ ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แต่ที่แน่ๆ คือสิ่งที่เขาทำเมื่อครู่นี้ไม่ผิดแน่ พวกเราต่อไปอย่าได้พูดจาเรื่อยเปื่อย คนเขาวว่ายังไงก็ว่าตามนั้นเถอะ
“อืมอืม”
หานมู่จื่อและ เสี่ยวหมี่โต้ว เดินขึ้นไปชั้นบนเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ลงมาชั้นล่าง เมื่อชำระเงินเสร็จ หานมู่จื่อก็ตรวจสอบสิ่งของและพบว่าเธอซื้อของมากเกินไป เธอและ เสี่ยวหมี่โต้ว ไม่น่าจะขนย้ายออกไปได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้หานมู่จื่อก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ต้องโทษที่ปกติเธอไม่ค่อยมาซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อซื้อของก็มัวแต่จะซื้อของที่จำเป็น ดังนั้นจึงไม่ได้คิดไปถึงว่าพวกเธอสองแม่ลูกจะขนของพวกนี้ยังไง?
เมื่อจนปัญญาหานมู่จื่อจึงโทรเรียกรถ และติดต่อคนขับรถให้มาช่วยขนของและให้เงินเพิ่งกับเขา
ทันทีที่คนขับได้ยินว่าจะเพิ่มเงินให้ เขาก็รีบมาทันทีหานมู่จื่อและ เสี่ยวหมี่โต้ว รออยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างรอหานมู่จื่อก็พบว่ามีเด็กผู้หญิงกรอบตาแดงก่ำกำลังจ้องมองมาที่พวกเธอ ดวงตาของเธอดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อย
แม้ว่าหานมู่จื่อจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้เข้าไปถามอะไร จนกระทั่งเมื่อคนขับรถมาช่วยถือของ เธอก็ออกไปทันที
หลังจากคนจากไป สาวๆ เหล่านั้นก็พากันพูดคุยขึ้นอีกครั้ง
“อะไรกัน ก่อนหน้านี้ฉันยังคิดว่าพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยากันเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่?”
“ต่อให้ไม่ใช่ ผู้ชายแบบนั้นพวกเราก็ไม่กล้าเข้าไปทำให้เขาโกรธหรอก”
หานมู่จื่อและ เสี่ยวหมี่โต้ว เพิ่งขึ้นรถได้ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็โทรมา
ในเวลานี้….เธอทำงานเสร็จแล้วหรือ?
“หม่ามี๊ ให้ผมรับ! ผมอยากคุยกับน้าเสี่ยวเหยียน! ”
หานมู่จื่อส่งโทรศัพท์มือถือให้ เสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวหมี่โต้ว เมื่อได้รับมือถือมาก็รับสายทันที จากนั้นจึง เสี่ยวหมี่โต้ว โดยตรงหลังจากยึดโทรศัพท์มือถือแล้วจึงเรียกด้วยเสียง: “น้า เสี่ยวเหยียน”
“เสี่ยวหมี่โต้ว? ทำไมเป็นหนู? ”
“คุณน้าเสี่ยวเหยียน ผมกับหม่ามี๊มาซื้อวัตถุดิบมากมายในซูเปอร์มาร์เก็ต คืนนี้พวกเราทำปลาตุ๋นน้ำแดงดีไหมครับ? ”
ปกติแล้วเสี่ยวเหยียนจะต้องคุยเรื่องอาหารกับเขาแน่ แต่วันนี้เธอกลับรีบร้อนอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ไม่ตอบคำถามของ เสี่ยวหมี่โต้ว แต่ยังเอ่ยออกมาตรงๆ ด้วยว่า”เสี่ยวหมี่โต้ว ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาพูดเรื่องนี้ แม่ของนายอยู่ใกล้ๆ หรือเปล่า? เอามือถือให้แม่ของหนู ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เสี่ยวหมี่โต้ว ได้ยินน้ำเสียงกังวลของเธอจึงต้องยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้ หานมู่จื่อ “หม่ามี๊ คุณน้าเสี่ยวเหยียนดูเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วนหาแม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หานมู่จื่อจึงรับโทรศัพท์มือถือมา “สวัสดี เสี่ยวเยียว เกิดอะไรขึ้น? ”
“โอ้ย หานมู่จื่อช่วยด้วย! หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เธอยังมีกะจิตกะใจไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก!”
หานมู่จื่อเลิกคิ้ว “เรื่องอะไรหน้าสิ่วหน้าขวาน เธอยังไม่ได้บอกฉันเลย”
“ฉันจะบอกเธอให้ ฉันมาวัดตัวให้กับคุณหนูจ้าวอะไรนั่นไม่หรือไง? ผลลัพธ์คืออะไรเธอรู้ไหม? เธอถึงกลับปล่อยให้ฉันรอไปหนึ่งชั่วโมงเพราะฉันมาสายไปหนึ่งนาที! ”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนอกหน้าต่าง เธอเห็นรถบัสคันหนึ่งแล่นผ่านไป บนรถแปะโปสเตอร์ของคุณหนูจ้าว จ้าวยี่หรูที่เสี่ยวเหยียนกำลังเอ่ยถึงเอาไว้พอดี
จ้าวยี่หรูผู้มีชื่อเสียงและเสน่ห์อย่างยิ่งในประเทศจีนตอนนี้ เธอมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากบทบาทของเธอในละครเรื่อง ชั่วฟ้าทลายดินเมื่อละครออกอากาศเธอก็มีแฟนๆ ติดตามเพิ่มขึ้นมาหลายคน จากนั้นละครหลายเรื่องต่อๆ มาก็ได้รับความนิยมถล่มทลาย ปัจจุบันมีผู้กำกับละครทีวีมากมายที่อยากขอให้เธอมาแสดง แต่ก็มีข่าวว่าเธอหยิ่งอย่างมาก อีกทั้งยังช่างเลือกบท ผู้กำกับธรรมดาทั่วไปเธอไม่มีทางรับงานแน่ ตอนแรกผู้จัดการของเธอตามหาตนและบอกว่าตนสามารถออกแบบชุดออกงานให้กับเธอโดยเฉพาะ เสี่ยวเหยียนได้ยินก็ยังคิดจะปฏิเสธ แต่สำหรับหานมู่จื่อแล้วเธอคิดว่าในเมื่องานใหญ่มาถึงแล้ว จะมีเหตุผลอะไรให้ไม่ทำกัน?