เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 359 หักหน้า
ฟังจบ หานมู่จื่อไม่ได้โกรธ แต่กลับเลิกคิ้วและยิ้มน้อยๆ
“อย่างงั้นหรือคะ? ตอนแรกผู้จัดการของมาหาฉันที่เป็นดีไซเนอร์ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูจ้าวกลับหางานอีกสายหนึ่ง นี่เป็นผู้จัดการของคุณที่ทำผิด เห็นทีการร่วมมือของเราคงต้องยกเลิก ผู้จัดการของคุณหนูเจ้า สัญญานั้นตอนแรกเป็นคุณที่เซ็นมัน ในเมื่อตอนนี้สัญญาเป็นโมฆะ รบกวนโอนเงินเข้าบัตรของฉันตามกำหนดด้วยนะคะ”
หานมู่จื่อจับมือเสี่ยวเหยียน จากนั้นจึงยิ้มให้จ้าวยี่หรู “ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอบคุณสำหรับการผิดสัญญาด้วยนะคะ เสี่ยวเหยียน พวกเราไปกันเถอะ”
การพลิกกลับนี้เสี่ยวเหยียนยังคงไม่ทันได้สติดี เธอถูก หานมู่จื่อดึงออกมาจากประตูไปทั้งๆ ที่กำลังงุนงง
“นี่นี่เกิดอะไรขึ้น? ”
แม้แต่ผู้จัดการของ จ้าวยี่หรูก็เองก็ยังคงไม่ได้สติกลับมาดี เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าหานมู่จื่อจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ราวกับเธอไม่สนใจชื่อเสียงของตนสักนิด ถึงกับไม่มีลูกค้าอยู่ในสายตา
เขาคิดไปว่า..เธอจะมาขอโทษด้วยตนเอง โค้งคำนับอะไรก็ว่าไป
คิดไม่ถึง – เขาประเมินเธอต่ำเกินไป
“นี่คือดีไซเนอร์ที่คุณหาให้ฉัน? คุณกล้าบอกได้ยังไงว่าผลงานของเธอนั้นชั้นเลิศ? ”
“ไม่ใช่ยี่หรู เธอเป็นระดับแนวหน้าจริงๆ Shellyเป็นนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมมาก คุณสามารถค้นหาผลงานของเธอได้บนอินเทอร์เน็ต แต่ว่า…ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศเธอดูเหมือนจะสบายๆ คาดว่า…. ยี่หรูท่าทางของเธอจะช่วยลดลงมาหน่อยได้ไหม?”
“หึ ตลกตาย ดาราแนวหน้าอย่างฉันจะต้องปฏิบัติต่อดีไซเนอร์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งดีหน่อย? คุณฝันอยู่หรือไง? ดีไซเนอร์แบบนี้ ฉันว่าออกแบบอะไรออกมาก็คงไม่ดัง! ให้เธอรีบไสหัวไปดีที่สุด!”
“แต่ว่า….แล้วชุดสำหรับงานแถลงข่าวของคุณล่ะ? เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว การไปหาดีไซเนอร์คนอื่น… ”
“ต่างประเทศไม่ใช่ยังมีดีไซเนอร์คนอื่นๆ อีกหรือไง? คุณไปหามาอีกสักคนก็ได้แล้วนี่? ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาก็ซื้อแบบที่สำเร็จรูปก็ได้ ใครไปอยากใส่เสื้อของเธอกัน? คิดว่าตัวเองสูงส่งนักหรือไง คนที่คิดจะออกแบบชุดราตรีให้กับฉันจ้าวยี่หรูมีตั้งมากมาย เธอกล้าหักหน้าฉัน ฉันจะฟ้องเธอ! ”
“ฟ้อง ฟ้องเธอเหรอ?” ผู้จัดการกระพริบตาปริบๆ
“ถูกต้อง เธอบอกว่าคุณละเมิดสัญญาไม่ใช่หรือไง? ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปฟ้องเธอที่ศาล ดูสิว่าเธอจะกล้าพูดอย่างนั้นหรือไม่! ”
*
เมื่อเสี่ยวเหยียนถูกหานมู่จื่อดึงออกมาจากห้อง เธอก็ยังคงสับสน ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะกลับมาตอบสนอง “เอ่ย…. มู่จื่อ!”
เธอดึงหานมู่จื่อเอาไว้ จากนั้นจึงเบิกตาโต “เมื่อกี้นี้…เธอทำอะไรน่ะ?”
“เธอก็เห็นทั้งหมดไม่ใช่เหรอ? ” หานมู่จื่อตอบอย่างไม่แยแส
“แต่แบบนี้พวกเราก็เท่ากับไปทำให้เธอขุ่นเคืองแล้วนะ เธอเป็นถึงนักแสดงหญิงยอดนิยมของประเทศเรา อีกทั้งเธอก็เห็นว่าหล่อนไม่ใช่คนที่จะยอมจ่ายเงินที่ผิดสัญญาอย่างเชื่อฟังแน่! เธอไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ง่ายๆ !”
“ฉันรู้ว”
“เรื่องนี้ต้องโทษฉัน ถ้าฉันไม่มาสายไปหนึ่งนาทีเรื่องก็คงไม่มาถึงขั้นนี้ เดิมทีฉันโกรธเธอมาก แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องกลับกลายเป็นแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอเลยมู่จื่อ ฉันไปขอโทษเธอแล้วกัน เรื่องนี้ถือว่าแล้วไป”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็สะบัดมือของ หานมู่จื่อแล้วหันกลับเดินไปยังทิศทางของห้องพัก
หานมู่จื่อยืนอยู่ที่เดิม เธอกอดอกและเอ่ยเสียงเย็น “ฉันเพิ่งจะพาเธอออกมา ตอนนี้เธออยากกลับไปอีก?”
“ไม่กลับไป แล้วจะให้เป็นอย่างนี้หรือ? นี่เป็นงานแรกที่เรารับตั้งแต่กลับมา หากเกิดเรื่องแบบนี้จะมีผลต่อการเติบโตเธอในอนาคตรึเปล่า?”
“ดังนั้นเธอกลัวว่าจะกระทบต่อการเติบโตของฉัน ทุกครั้งที่เจอคนรับมือยากแบบนี้ เธอก็ยินยอมที่จะก้มหัวต่อไป แม้กระทั่งบอกว่าเธอคู่ควรแค่ถือรองเท้าให้เธอก็ไม่โกรธ?”
“โกรธสิ! ” เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างของเธอด้วยความโกรธ “แต่ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนก็ไม่เกินกว่าเงินนี่ เงินของอีกฝ่ายเห็นอยู่ชัดๆ ว่าไม่น้อย มู่จื่อ…”
“ฉันถามเธอ” หานมู่จื่อถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เธอมาช้าไปหนึ่งนาทีใช่มั้ย? ”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า
“ขอโทษเธอหรือเปล่า? ”
“ขอโทษแล้ว ฉันพูดอะไรดีๆ ไปตั้งมากมาย แต่เธอไม่ได้สนใจฉันเลย”
“อันที่จริงมันไม่มีอะไรหรอก เพราะฉันเองก็มาสายจริงๆ แม้ว่ามันจะแค่นาทีเดียวแต่ฉันก็มาสาย ดังนั้นฉันจึงรู้ดีถึงความผิดพลาดของตัวเองและเข้าไปขอโทษเธอ แต่ฉันไม่คาดคิดว่ามันจะ … ”
“เธอไม่คาดคิดว่าหล่อนจะไม่ยอมรับคำขอโทษของ แต่กลับตั้งใจทิ้งเธอเอาไว้ ดังนั้นจึงโทรหาฉันเรียกฉันมาแล้วสงสัยถึงตัวตนของฉัน ใช่ไหม?”
“ใช่….แต่ถึงจะโกรธอีกแค่ไหน ฉันก็ไม่กล้าไปเผชิญหน้าจริงๆ เธอเองก็รู้ ฉันกล้าแค่ส่งเสียงซุบซิบต่อหน้าเธอเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเอง เธอโกรธจนแทบจะหัวเราะออกมาแล้ว จากนั้นเธอขึงเอื้อมมือไปจิ้มหน้าผากของเสี่ยวเหยียน “ถ้าอย่างนั้นเธอต้องรับผิดชอบต่อเสียงซุบซิบนั่น ส่วนฉันจะรับผิดชอบต่อคนที่ไม่มีคุณภาพเองโอเคมั้ย? ”
“แต่งาน…..”
“เธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าฉันเป็นคนสบายๆ กับเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่ทำงานนี้ฉันก็ไม่ได้เสียหายอะไร อีกทั้งคนที่อีกฝ่ายกำลังตามหาไม่ใช่ดีไซเนอร์แต่เป็นพนักงานให้บริการต่างหาก ถึงแม้ว่าจะเป็นคนดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน ดังนั้นไปกันเถอะ เสี่ยวหมี่โต้ว ยังรอเธออยู่ที่บ้าน ”
หานมู่จื่อพูดจบก็หันกลับไปทันที เสี่ยวเหยียนตามเธอไปอย่างไม่มีทางเลือก แต่ในใจก็ยังคงเศร้า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้เพราะฉันมันเลยกลายเป็นแบบนี้? หากรู้แต่แรกไม่โทรหาเธอ เรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่เลวร้ายแบบนี้”
“ไม่ต้องกังวล ด้วยนิสัยเจ้าอารมณ์ของหล่อน ต่อให้เธอไม่โทรมา เรื่องนี้ก็มีแต่จะแย่ลง”
เสี่ยวเหยียน “…..งั้นหรือ?”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปข้างหน้า จู่ๆ ก็มีคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของ หานมู่จื่อ
เป็นผู้ช่วยผู้กำกับที่คิดว่าเป็นแฟนคลับคนนั้น เสี่ยวเหยียนจำเขาได้และรีบถามทันที “ผู้ช่วยผู้กำกับ คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
ดวงตาของผู้ช่วยผู้กำกับตกลงบนใบหน้าของ หานมู่จื่อการแสดงออกของเขาในตอนนี้แตกต่างจากท่าทางจริงจังก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เขามองไปที่ หานมู่จื่อด้วยรอยยิ้ม
“ได้ยินมาว่า คุณเป็นนักออกแบบจากต่างประเทศ”
หานมู่จื่อเลิกคิ้วและพยักหน้า “สวัสดีค่ะ”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกรงใจ ผมเห็นว่าคุณทุกๆ ด้านล้วนไม่เลว คิดจะเป็นนักแสดงไหม? ตอนนี้กองของเรากำลังขาดนักแสดงสมทบหญิงพอดี การแสดงของเธอผมไม่ค่อยพอใจ ประเด็นคือภาพลักษณ์ของเธอไม่สอดคล้องเอาอย่างมาก คุณอยากลองดูไหม?”
สำหรับคนธรรมดา โอกาสแบบนี้คือขนมตกใส่จากฟ้า
นั่นเพราะคุณก็แค่มากองถ่ายครู่เดียวแต่ผลคือผู้ช่วยผู้กำกับกลับหมายตาคุณ คิดอยากให้คุณไปลองเล่นเป็นบทสมทบ หากเป็นนักแสดงตัวเล็กๆ คงคิดว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายไปแล้ว”
แต่สำหรับหานมู่จื่อแล้ว นี่กลับเป็นเรื่องที่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเรื่องหนึ่ง
“ขอบคุณอย่างมากสำหรับความกรุณาของผู้ช่วยผู้กำกับนะคะ แค่ว่า..ฉันไม่ได้สนใจวางการนี้ ดังนั้นต้องขอโทษด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาของผู้ช่วยผู้กำกับก็ฉายแววแห่งความผิดหวัง “อย่างนั้นหรือ…” แต่ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา “คุณเป็นดีไซเนอร์ไม่ใช่หรือ? ผมรู้จักนักแสดงหญิงคนหนึ่ง เธอกำลังอยากหาดีไซเนอร์อยู่พอดี คุณสนใจไหม?”