เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 360 กลับไปที่เมืองเป่ย
เมื่อได้ยินดังนี้ หานมู่จื่อและ เสี่ยวเหยียนก็สบตากัน
ในขณะที่เสี่ยวเหยียนคิดจะพยักหน้า แต่หานมู่จื่อกลับหยุดการกระทำของเสี่ยวเหยียนเอาไว้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงเอ่ยอธิบายอย่างนุ่มนวล “ฉันขอโทษจริงๆ นะคะ ช่วงนี้เกรงว่าฉันจะไม่มีเวลารับงานอื่นๆ”
“อย่างนั้น…ทิ้งนามบัตรเอาไว้ได้ไหม? วันหลังฉันค่อยติดต่อกลับไปเมื่อคุณว่าง? ”
อีกฝ่ายรู้จักรุกรู้จักถอยหานมู่จื่อเองก็ไม่พูดอะไรอีก เธอทำแค่เหลือบตาไปมองที่เสี่ยวเหยียน
เสี่ยวเหยียนรีบหยิบนามบัตรของตนออกมาทันทีและยื่นไปให้ “สวัสดีค่ะผู้ช่วยผู้กำกับ ฉันเป็นผู้ช่วยของดีไซเนอร์ Shelly ชื่อ เสี่ยวเหยียน”
“อืมอืม อย่างนั้นฉันจะเก็บนามบัตรเอาไว้ พวกคุณจะไปแล้วหรือ?”
“อืม”
หลังจากบอกลาผู้ช่วยผู้กำกับ หานมู่จื่อและ เสี่ยวเหยียนก็ออกไปจากกองถ่ายด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าคนขับเมื่อครู่ยังคงรออยู่ที่นั่นเมื่อพวกเธอออกมา เมื่อเห็นพวกเธอเขาก็กล่าวทักทาย
หานมู่จื่อนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปพร้อมกับเสี่ยวเหยียน
“คุณลุง ยังไม่ไปอีกหรือคะ?”
“เฮ้อ ฉันอยากจะรออยู่ที่นี่เพื่อดูว่าจะมีนักแสดงคนไหนจากไปฉันจะได้พาพวกเธอไป คิดไม่ถึงว่ารอไปไม่กี่นาทีแล้วพวกเธอก็ออกมาพอดี”
หานมู่จื่อครุ่นคิด จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “พวกเรากำลังจะกลับไป หากสะดวกคุณลุงก็ไปส่งพวกเราเถอะ”
“ไม่มีปัญหา”
ดังนั้นพวกเธอจึงขึ้นรถไป เสี่ยวเหยียนรีบกอดแขนเธอเอาไว้ทันทีที่ขึ้นรถ “เฮ้อ งานวันนี้หลุดลอยไปแล้ว โบนัสสิ้นปีของฉันก็หายไปเป็นจำนวนมาก ผู้หญิงคนนั้นหยิ่งยโสมากไปจริงๆ ที่ผ่านมาดาราทุกคนที่เราเห็นบนหน้าจอล้วนดูอ่อนโยนและสุภาพไม่คาดคิดเลยว่าลับหลังแล้วจะมีนิสัยแบบนี้ เธอไม่กลัวโดยเปิดโปงเลยหรือไงนะ?”
หานมู่จื่อเหลือบมองเธอ “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลองไปเปิดโปงดูสิ? ลองดูว่าเพื่อนชาวเน็ตจะเชื่อคำพูดของเธอหรือไอดอลในดวงใจของพวกเขา? ขอแค่เธอไม่จมน้ำลายของชาวเน็ตตายก็ถือว่าดีแล้ว”
เมื่อได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็เอ่ยอย่างโมโห “เฮ้อ โลกที่มองใบหน้าแบบนี้ ช่างน่าสิ้นหวังจริงๆ! แต่ว่า สิ่งที่ผู้ช่วยผู้กำกับพูดเมื่อกี้ไม่เลวเลย เธอไม่ลองไปเป็นนักแสดงดู ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างเธอจะต้องทำเอาวงการดาราเลือดสาดแน่ ถึงเวลานั้นเธอค่อยเหยียบย่ำหล่อน ดูสิว่าหล่อนยังจะกล้าหยิ่งหรือไม่ ”
หานมู่จื่อ” ……ขอบคุณ แต่น่าเสียดายที่ฉันแก่เกินไป ความสามารถด้านนี้ได้แต่ปล่อยให้เธอแล้ว”
เสี่ยวเหยียน “เธอคิดว่าฉันไม่คิดหรือไง แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีใบหน้ารูปไข่”
พูดจบเธอก็กอดอกด้วยความโมโหและบ่น “แค่เทียบกันฉันก็โมโหแล้ว ก็ว่าฉันไม่มีสมองก็แล้วไป แต่นี่ฉันยังไม่มีหน้าตางดงามอีก ถ้าฉันมีมันสักหน่อย ตอนนี้…คงไม่ต้องมาเป็นผู้ช่วยเธอหรอก”
“เป็นผู้ช่วยของฉัน เธอเสียใจงั้นหรือ?” หานมู่จื่อเหลือบมองไปที่เธอ
เสี่ยวเหยียนรู้สึกเย็นวาบที่หลัง เธอหัวเราะแห้งๆ และเอ่ย “ไม่เสียใจ นี่ออกจะดี”
“แต่ฉันคิดว่าผู้ช่วยผู้กำกับนั่นไม่น่าจะยอมแพ้แน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามหานามบัตรจากฉันหรอก ฉันว่า จากนี้เธอไม่ต้องเป็นดีไซเนอร์แล้ว เป็นนักแสดงก็ไม่เลว”
หานมู่จื่อ “ไม่มีวัน”
“ทำไมล่ะ?”
“เธอลองดูอายุของนักแสดงพวกนั้น แต่ละคนล้วนยังเด็กทั้งนั้น ฉันอายุมากกว่าพวกเธอเป็นสิบปี เวลานี้เพิ่งเข้าสู่วงการไม่ถูกเยาะเย้ยแย่หรือไง?”
เสี่ยวเหยียน “ที่พูดก็ถูก เธอเป็นผู้หญิงชราในวัยสามสิบแล้ว เพียงแต่…ใบหน้าของเธอมันหลอกลวงพวกเขา! ฉันรู้ว่ามีหลายคนที่เปลี่ยนอายุในวงการบันเทิง เธอเองก็สามารถโกงอายุตนเองให้เด็กลงได้”
“อย่าคิดไปเรื่อยเปื่อย หากเธอคิดจะเป็นนักแสดง เธอก็ไปลองแนะนำตัวกับผู้ช่วยผู้กำกับดู”
เสี่ยวเหยียนกอดอกและส่ายหัวทันที
“ไม่เอา! ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในวงการบันเทิงที่วุ่นวายแบบนั้น อีกทั้งฉันจะไม่มีวันแสดงทำตัวเพื่อผลประโยชน์แบบนั้นได้! ดังนั้น ฉันจะไม่เข้าสู่วงการบันเทิง! ”
เธอพูดอย่างยืนหยัดในความชอบธรรม หานมู่จื่อผลักเธอออกไป “เธอไม่อยากเข้า แต่มาแนะนำให้ฉันเข้าไป? ”
“นั่นไม่เหมือนกันนี่ เธอหน้าตาดีขนาดนี้ อีกทั้งยังมีคนต้องการดึงเข้าไป เธอเข้าไปฉันก็จะได้เป็นผู้จัดการ”
หานมู่จื่อ “…..”
หากยังคุยกับเธอต่อตนคงโกรธตนเองแน่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตอบกลับ รถไม่นานนักก็กลับมาถึงหมู่บ้านคอนโดรุ่ยซิน
*
เดิมที หานมู่จื่อวางแผนที่จะกลับเมืองเป่ยไปตระกูลหาน ในไม่กี่วันนี่ เพราะนึกได้ว่าจ้าวยี่หรูเองก็ต้องย้ายกองละครไปที่ เมืองเป่ย เพื่อถ่ายทำในอีกไม่กี่วัน คาดไม่ถึงว่าธุรกิจของเธอจะพังลงเร็วขนาดนี้ พริบตาเดียวเธอก็ไม่มีเป้าหมายในการไปเมืองเป่ย
ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะหารือกับหานชิงเกี่ยวกับการเลื่อนเวลาในการกลับไปยังตระกูลหาน
ใครจะรู้ว่าพอหานชิงได้ฟังเธอพูด เขาก็หัวเราะเย็น และออกคำสั่งตายมาทันที
บอกว่าเธอจะต้องนำ เสี่ยวหมี่โต้ว กลับโดยรถยนต์ในวันพรุ่งนี้
หานมู่จื่อ “ไม่ได้ พรุ่งนี้เร็วเกินไป อีกทั้งฉันยังไม่ได้ซื้อตั๋ว”
หานชิง “ฉันจะขับรถไปรับตอนกลางคืน”
หานมู่จื่อ “อย่า! ”
“ไปกลับก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันไหว”
แม้ว่าหานชิงจะพูดแบบนั้น แต่จากน้ำเสียงของเขาที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
หากบอกว่าหานมู่จื่อไม่สนใจเขาก็คงโกหก ในเมื่อเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตน อีกทั้งยังเป็นพี่ชายที่ดีอย่างยิ่ง ดังนั้นหานมู่จื่อจึงได้แต่รับปาก
“ตกลง พรุ่งนี้ฉันจะปลุก เสี่ยวหมี่โต้วแต่เช้าและขึ้นรถไปที่นั่น โอเคไหม?”
หานชิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบด้วยความพึงพอใจ “ฉันจะให้คนขับรถไปรับ”
หานมู่จื่อ “ฉันบอกแล้วนี่ว่าจะนั่งรถไปเอง?”
“รถจิต ออกมาตอนค่ำเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้คนขับไปรับ พวกเธอทานข้าวเย็นเสร็จพักผ่อนสักครู่ก็เตรียมตัวออกมาได้แล้ว”
หานมู่จื่อ “หานชิง! นายช่างได้คืบเอาศอกจริงๆ! ”
เห็นชัดๆ ว่าพูดว่าพรุ่งนี้ แต่ผลคือจู่ๆ ก็เลื่อนขึ้นมาก่อนหนึ่งคืนอย่างไร้สุ้มไร้เสียง แม้กระทั่งนอนยังไม่ปล่อยให้เธอนอนดีๆ
ถูกเธอดุใส่ หานชิงไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ซ้ำยังหัวเราะเสียงต่ำ “เด็กดี มาถึงแล้วค่อยนอนต่อ”
หลังจากวางสาย หานมู่จื่อก็ทึ้งผมยาวๆ ของเธออย่างช่วยไม่ได้
พี่ชายของเขาเก่งทุกอย่าง เพียงแต่….ชอบควบคุมน้องสาว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตามหาเธอมาตลอด 20 ปี อีกทั้งยังหาผิดคน จนกระทั่งมาเจอเธอถึงได้รู้สึกผิด ดังนั้นถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้ หรือเป็นเพราะแต่เดิมเขาก็มีนิสัยควบคุมน้องสาวแบบนี้อยู่แล้วกันแน่
แต่ตามที่ซูจิ่วเคยบอกไว้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจไยดีหานเส่โยว
บางทีนี่อาจจะเป็นพลังของเครือญาติก็เป็นได้
คืนนั้น เสี่ยวเหยียนลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง เสี่ยวหมี่โต้ว ได้กินปลาตุ๋นน้ำแดงที่ฝันถึงในที่สุด หลังจากอิ่มแล้วก็ลูบท้องน้อยๆ ของตน และมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของหม่ามี๊
“หม่ามี๊ ปลาตุ๋นน้ำแดงที่น้าเสี่ยวเหยียนทำอร่อยมากจริงๆ ~”
หานมู่จื่อได้ฟัง เธอก็หันไปมองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดติดตลก “อย่างนั้นต้องการให้ป้าเสี่ยวหยานแต่งงานกับคุณมาเป็นลูกสะใภ้หรือไม่? ”
เสี่ยวเหยียนเกือบจะสำลักอาหาร
เสี่ยวหมี่โต้ว ส่ายหัวอย่างจริงจัง “ไม่เอา”
“ทำไม? ”
“หม่ามี๊โง่หรือเปล่า? เสี่ยวหมี่โต้ว อายุแค่ห้าขวบ อย่างน้อยๆ ก็ต้องรออีก 20 ปีถึงจะแต่งงานได้ ถึงเวลานั้นน้าเสี่ยวเหยียนก็จะเป็นคุณยายเสี่ยวเหยียน หน้าตาไม่ดีแล้ว~”