เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 362 เป็นเขาหรือเปล่า
เสี่ยวหมี่โต้ว ส่ายหัวอย่างเข้าใจ “หม่ามี๊ผมไม่เหนื่อย ไม่ต้องแบกผม”
หานมู่จื่อรู้สึกสงสารเขาอย่างมาก เธอคุกเขาลงและกอดศีรษะเล็กๆ ของเขาเอาไว้ “อย่างนั้นก็พิงหม่ามี๊เอาไว้สักพัก? ขอโทษนะ หม่ามี๊ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
เธอมีความคิดตำหนิตัวเอง และมักจะอยู่เสมอรู้สึกว่า เสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับตัวเองแล้วมักจะต้องได้รับความลำบาก
แม้ว่านี่จะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับ หานมู่จื่อแต่เมื่อมันเกิดขึ้นกับ เสี่ยวหมี่โต้ว เธอก็เจ็บปวดสงสารเขา บางที…อาจเป็นเพราะตั้งแต่เด็กครอบครัวเธอก็ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเธอจึงอ่อนไหวมากเป็นพิเศษ
“ไม่เป็นไรครับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้ว ไม่เหนื่อย อีกทั้งตอนนี้ยังมีคนเยอะแยะ ครื้นเครงมาก”
หานมู่จื่อไม่ได้พูดอะไร เธอฝังหน้าลงที่คอของ เสี่ยวหมี่โต้ว และหลับตาลง
เธอรู้ดีว่า เสี่ยวหมี่โต้ว นั้นฉลาดอย่างมากมาโดยตลอด หลายๆ ครั้งเขามักจะไม่โมโหงอแงใส่ตน อีกทั้งยังเปลี่ยนเรื่องราวไม่ดีให้เป็นเรื่องสนุกสนาน อีกทั้งหลายๆ ครั้งกลับเป็นเขาที่ปลอบใจตน ยิ่งเขาเป็นแบบนี้หานมู่จื่อก็ยิ่งเศร้า
เสี่ยวเหยียนมองลงไปที่พวกเขาแล้วก็นั่งยองๆ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้ว ตำรวจบอกว่าไม่มีอะไร รอเรื่องจัดการเสร็จพวกเราก็ไปได้แล้ว หรืออาจจะอ้อมกลับไปได้ เฮ้อ ก็แค่….ดึกดื่นป่านนี้รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว บนรถดูเหมือนจะมีของกิน ฉันไปเอามาให้พวกเธอ?”
หานมู่จื่อได้สติกลับมาและเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่เอา ให้เสี่ยวหมี่โต้วก็พอ”
“เสี่ยวหมี่โต้วรอแปปนึงนะ น้าเสี่ยวเหยียนจะไปเอาขนมมาให้”
“ขอบคุณครับน้าเสี่ยวเหยียน”
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงไปขอกุญแจจากลุงหนานและกลับไปยังรถเพื่อนหยิบของกินออกมา เสี่ยวเหยียนหยิบขนมและน้ำเสร็จก็ปิดประตูรถลง เมื่อเธอหันกลับไปเธอเห็นสายตาของผู้คนกำลังมองอยู่ทางหนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะมองตามไปด้วย
จากนั้นเธอก็เห็นเงาร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหนึ่ง
ร่างของชายหนุ่มถูกซ่อนอยู่ในความมืด กึ่งหลบซ่อนกึ่งเปิดเผย มองดูแล้วสัดส่วนของร่างกายดูออกจะไม่เลว
ส่วนหน้าตา เรื่องจากเขาหันหลังอยู่จึงมองเห็นไม่ชัด
จู่ๆ ชายหนุ่มก็หันข้าง และเผยให้เห็นด้านข้างที่หล่อเหลาท่ามกลางความมืดมิด
แต่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มก็หันไป
อย่างไรก็ตาม ดวงตาคู่นั้น ทำเอาเสี่ยวเหยียนตะลึงไปชั่วครู่
ในสมองของเธอคล้ายจะมีใบหน้าคนรู้จักเก่าปรากฏขึ้น อีกทั้งเขาก็ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ได้ในตอนนี้
“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่เจอคนๆ นั้นมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ได้”
เสี่ยวเหยียนพูดเสียงเบา จากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าผมของตน
แต่หลังจากความคิดนั้นแวบผ่านเข้ามา ฉันเสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองยังทิศทางของชายหนุ่มอีกครั้ง ในใจรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ถ้าเป็นเขาจริงๆ แล้วพวกเธอจะได้พบกับเขาอีกหรือไม่ แล้วถ้ามู่จื่อบังเอิญพบเขาเข้าจริงๆ แล้วจะทำอย่างไร?”
คิดถึงตรงนี้ หัวใจของเสี่ยวเหยียนก็ตื่นตระหนกขึ้นมา
“น้าเสี่ยวเหยียน กลับมาแล้ว” เสียงเรียกของ เสี่ยวหมี่โต้ว ทำให้สติของเสี่ยวเหยียนกลับมา
เสี่ยวเหยียนได้สติกลับมา จากนั้นจึงพบว่าตนเองมาถึงหน้า หานมู่จื่อและ เสี่ยวหมี่โต้วแล้ว อาจเป็นเพราะเธอมัวแต่เหม่อลอย ดังนั้นหานมู่จื่อจึงมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
เสี่ยวเหยียนนิ่งไป ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่มีนี่”
จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปเอาตัวบังสายตาของหานมู่จื่อเอาไว้ และแกล้งยิ้มออกมา “ฉันเอาน้ำมาให้ ดื่มสักหน่อย”
พูดจบเสี่ยวเหยียนก็ยื่นน้ำไปให้หานมู่จื่อขวดหนึ่ง และส่งไปให้ลุงหนานอีกขวดหนึ่ง
ลุงหนานรับมาพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องสุภาพขนาดนี้หรอกค่ะ”
“ของนาย~” เสี่ยวเหยียนยื่นขนมที่เหลือให้กับ เสี่ยวหมี่โต้ว
จากนั้นจึงยืนอยู่สักครู่
“คุณน้าเสี่ยวเหยียนทำไมป้าถึงเอาแต่ยืนขวางหน้าหม่ามี๊ล่ะครับ?” จู่ๆ เสี่ยวหมี่โต้ว ก็ถามด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานมู่จื่อเองก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน “ตั้งแต่กลับมาเธอก็เอาแต่ยืนอยู่ที่นี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?”
สีหน้าของเสี่ยวเหยียนเปลี่ยนไป “มีที่ไหน ฉันก็แค่…รู้สึกว่ายืนตรงนี้แล้วอากาศดี ลมพักโกรก ตรงนั้นคนเยอะจะตายรู้ไหม? ยิ่งไปกว่านั้น…ลมเย็นกลางดึกพัดมาแบบนี้ฉันกลัวว่าเสี่ยวหมี่โต้ว จะได้รับลมหนาว ดังนั้นจึงตั้งใจยืนตรงนี้บังลมให้เขา นายมันเด็กใจร้าย ถึงกับไม่ซาบซึ้งไปกับน้าเสี่ยวเหยียนของนายสักนิดเลยหรือ?”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็เอื้อมมือไปบีบแก้มของ เสี่ยวหมี่โต้ว
แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยมีอะไรในหัวสักนิด ดังนั้นหานมู่จื่อเองก็ไม่ยุ่งอะไรกับเธออีก
ครู่ต่อมา เสี่ยวเหยียนหันกลับไปมองยังตำแหน่งเมื่อกี้ และพบว่าชายคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่นั่น มาตอนนี้พอมองด้านหลังของเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง ไม่ใช่คนที่อยู่ในความทรงจำของเธอคนนั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็โล่งใจ
โลกใบนี้ใหญ่มาก คงไม่สามารถพบเขาได้ง่ายๆ หรอกมั้ง ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงสบายใจขึ้นมา
หลังจากที่ทุกคนรอมานาน บางคนรู้สึกปลอดภัยแล้ว ดังนั้นจึงกลับไปที่รถเพื่อรอฟังข่าวสาร
หลายคนก็ยังคงกังวลอยู่จึงยังคงรออยู่ริมถนน บางคนถึงขนาดนั่งลงที่ริมถนน บางคนถึงกับเริ่มต่อสู้กับเจ้าของบ้าน เป็นภาพที่มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
บางคนถึงกับนำหม้อไฟของตัวเองมา และรับประทานในที่ตรงนั้น
พูดได้ว่ามีหลายรสชาติเกิดขึ้นในที่แห่งนี้ อีกทั้งยังมีพลเมืองดีเอ่ยขึ้นว่า “พวกคุณทานแล้วต้องทำความสะอาดหลังจากกินเสร็จนะ ที่นี่เป็นทางด่วน อย่าทิ้งขยะมั่วซั่ว”
“แน่นอนแน่นอน พวกเราจะทำเก็บกวาดให้เรียบร้อย”
เมื่อเวลาผ่านไป เสี่ยวหมี่โต้วที่สุดท้ายยังคงเป็นเด็ก ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว ดังนั้นจึงนอนตัวพิงร่างของ หานมู่จื่อเอาไว้
หานมู่จื่อเห็นว่าเขาง่วงนอน ดังนั้นจึงอุ้มเขาไว้ในอ้อมกอด และเอ่ย “ง่วงแล้วหรือ? หม่ามี๊พาหนูกลับไปนอนที่รถ”
“อืม ครับเสี่ยวหมี่โต้ว ไม่ปฏิเสธอีก ตอนนี้เขาง่วงมากจริงๆ
หานมู่จื่อย่อตัวลงและปล่อยให้ เสี่ยวหมี่โต้วเกาะหลังของเธอเอาไว้ เสี่ยวหมี่โต้ว ปีนขึ้นไปอย่างว่าง่าย จากนั้นจึงเอามือโอบรอบคอของเธอเอาไว้ “หม่ามี๊ระวังด้วย”
จากนั้นหานมู่จื่อก็แบกเสี่ยวหมี่โต้วกลับไปที่รถ ลุงหนานเองก็ตามมาด้วยเช่นกัน
เสี่ยวเหยียนมีความคิดในใจเล็กน้อย “พวกเธอไปก่อน ฉันอยู่สังเกตที่นี่สักครู่ อีกแปปนึงจะตามไป”
“โอเค”
ลุงหนานพยักหน้าและเดินตามหานมู่จื่อกลับไป
หลังจากที่พวกเขาจากไป เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางของชายคนนั้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าด้านหลังจะไม่ค่อยคล้ายเท่าไหร่ แต่ด้านข้างกลับทำให้เธอรู้สึกกังวล
อันที่จริงเสี่ยวเหยียนกลัวอยู่บ้าง หากพบคนๆ นั้นที่นี่ขึ้นมาจริงๆ เธอควรทำอย่างไร?
ไม่สิ เป็น หานมู่จื่อควรทำอย่างไร?
เสี่ยวเหยียนแอบปาดเหงื่อเย็นๆ จากนั้นค่อยๆ ก้าวเข้าไปด้านหน้า และแอบซ่อนตัวเองไว้ด้านหลังของรถเล็กคันหนึ่งและค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม
เขาที่อยู่ตรงนั้นเงียบสงบอย่างยิ่ง แต่เมื่อทุกคนเห็นเสี่ยวเหยียนเดินเข้าไป ผู้หญิงบางคนก็คิดว่าเธอคิดจะเข้าไปคุยกับเขา ในใจจึงเริ่มร้อนรนขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะตามไปด้วย
“สวัสดี คุณต้องการไปขอเบอร์หรือ? พวกเราไปด้วยกันเถอะ ทุกคนล้วนมีโอกาส”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ “ไม่ใช่”
“ไม่ใช่? แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่? อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม ต่อให้คุณยอมรับพวกเราก็ไม่ไล่คุณไปหรอก เรื่องดีๆ แบบนี้ทุกคนควรแบ่งปันกัน! ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้โอกาสจะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของแต่ละคนแล้ว”