เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 365 รถชน
หานมู่จื่อหลับสนิทอย่างยิ่งและเข้าสู่ความฝันไปพร้อมๆ กับเสี่ยวหมี่โต้ว
แต่เสี่ยวเหยียนกลับเอาแต่มองไปด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ คนที่สามารถนอนหลับได้เหมือนหมูอย่างเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีสติแจ่มใสอย่างยิ่ง เธอเอาแต่จ้องมองรถที่แซงพวกเขาไป แต่กลับไม่เห็นรถคันที่เห็นนั่นอีก
แต่เธอรู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นรถที่แซงพวกเธอไปหรือตามหลังพวกเธอก็ล้วนทำให้เธอกังวลทั้งสิ้น
ไม่ง่ายนักกว่าจะออกจากทางด่วนและเข้าสู่ถนนในเมือง ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็เห็นสัญญาณไปแดงเขียว และแสงจากรถยนต์มากมาย
เมืองใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ ต่อให้จะเป็นเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ก็ยังมีผู้คนและแสงไฟสว่างไสวมากมาย ช่วงชีวิตยามค่ำคืนของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ไฟถนนกะพริบทีละดวงๆ นอกหน้าต่าง หลังจากผ่านไฟถนนสีแดงหลายดวง หลังจากที่ได้เห็นรถยนต์ท้องถิ่นมากมายรอบๆ ตัวเธอ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกโล่งใจ
ต่อให้จะอยู่ในเมืองเป่ย แต่รถยนต์มากมายขนาดนี้ คิดจะจดจำได้ก็ยากอย่างยิ่ง. อีกทั้งยังแยกย้ายกระจัดกระจายไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจเปลี่ยนเส้นทางไปแล้วก็ได้
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนก็โล่งอด จากนั้นเธอจึงค่อยๆ เอนตัวกลับมาและนิ่งไป
เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว หลังจากจ้องมองออกไปตลอดทั้งคืน ดวงตาของเธอคล้ายกับกำลังจะหมดแรง
เสี่ยวเหยียนหลับตาลง เธอต้องการจะงีบหลับครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “ลุงหนาน ถึงแล้วบอกนะคะ ฉันอยากจะนอนสักครู่”
“อืม”
ลุงหนานตอบรับอย่างอบอุ่น
เสี่ยวเหยียนหลับไปไม่นานมานี้ หานมู่จื่อก็ได้รับโทรศัพท์จาก หานชิงในขณะที่มือถือสั่นเธอก็ยังไม่ได้ตอบสนอง กลับเป็น เสี่ยวหมี่โต้ว ที่รู้สึกตัวก่อน จากนั้นจึงดึงแขนเสื้อของเธอเพื่อปลุกเธอขึ้นมา
หานมู่จื่อมองเขาอย่างสะลึมสะลือ “เสี่ยวหมี่โต้ว? ”
“หม่ามี๊ มือถือสั่น” เสี่ยวหมี่โต้ว เอ่ยเตือน
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็ได้สติกลับมา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นหานชิงที่โทรมา
“น้าของลูกโทรมา ลูกรับเถอะ”
“อืม”
เสี่ยวหมี่โต้ว รับโทรศัพท์ หานมู่จื่อหลับลึกอย่างยิ่งและตื่นขึ้นมากะทันหัน ดังนั้นสมองจึงยังไงไม่แล่นอยู่บ้าง เธอจึงพิงอยู่ที่เดิมราวกับปลาตาย ไม่นานนักเสี่ยวหมี่โต้ว ก็วางสายลง เขาเอ่ยขึ้น “หม่ามี๊ คุณน้าบอกว่าจะรอเราที่แยกถัดไป”
“หืม? ลูกรู้ได้ยังไง”
“ผมเพิ่งส่งตำแหน่งให้คุณน้า”
เสี่ยวหมี่โต้ว พูดจบก็หันไปบอกลุงหนาน
ลุงหนานพยักหน้า “อืม”
เมื่อถึงสี่แยกถัดไป หานมู่จื่อก็เห็นรถของ หานชิงตามที่คาดไว้ เขายืนอยู่ไม่ไกลจากสี่แยก และกำลังมองมายังทางที่ตนอยู่ อย่างลึกล้ำและห่างไกล
“คุณน้า!” เสี่ยวหมี่โต้ว เรียกเบาๆ
หานมู่จื่อมองไปที่เสี่ยวเหยียน เธอยังคงนอนหลับสนิท
เสี่ยวหมี่โต้ว “หม่ามี๊ พวกเราต้องปลุกน้าเสี่ยวเหยียนกันไหม? ”
“ไม่ต้อง น้าเสี่ยวเหยียนของลูกเหนื่อยมาตลอดทางแล้ว กว่าจะนอนกลับไม่ง่าย ให้เธอนอนอีกหน่อยเถอะ”
ดังนั้นสองแม่ลูกจึงลงจากรถพร้อมกัน และเดินไปหาหานชิง
“พี่” หานมู่จื่อมองไปยังดวงตาสีเข้มจัดเป็นประกายของหานชิงอย่างอ่อนใจ “จริงๆ เลย ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร? ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังออกมาอีก”
หานชิงมองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากยืนยันว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จึงค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันไม่วางใจ”
หานมู่จื่อ “….ทำไมพี่ไม่ลองใช้ใจคิดๆ ดู หากฉันเกิดเรื่องจริงๆ จะสามารถส่งข้อความบอกพี่อย่างปลอดภัยได้หรือไง?”
หานชิง “ฉันไม่คิดมากขนาดนั้น ไม่มีเรื่องก็ดีแล้ว”
“คุณน้า กอดกอด”
เสี่ยวหมี่โต้วรอจนพวกเขาคุยเสร็จก็ยื่นมือออกไปขอกอด หานชิงยกมือลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดู จากนั้นจึงอุ้มเขาขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “เหนื่อยไหม?”
“ไม่เหนื่อยครับคุณลุง คุณลุงต่างหากที่ลำบากแล้ว”
“เป็นน้าไม่ดีเอง ไม่ควรรีบร้อน ทำให้พวกเธอต้องมาเจอเรื่อง”
“ไปเถอะ ขึ้นรถฉัน ฉันพากลับบ้าน”
“เดี๋ยวก่อน”
หานมู่จื่อหันกลับไป และเดินไปยังข้างหน้าต่างรถบอกกับลุงหนาน “ลุงหนานรบกวนคุณช่วยกลับไปกับพวกเราสักรอบ เสี่ยวเหยียนยังนอนอยู่ที่นี่ พอถึงแล้วค่อยปลุกเธอ”
ลุงหนานพยักหน้าให้เธอด้วยสายตาอบอุ่น
มีรถยนต์ที่ดูคุ้นเคยขับผ่านมาไป ชายที่นั่งข้างคนขับมีสีหน้าเย็นชา สายตามองตรงไปข้างหน้า
แต่ทันใดนั้น สายตาที่กำลังเหม่อลอยของเขาก็คล้ายถูกอะไรบางอย่างดึงดูดไว้ และเบนสายตาออกไปมอง
ในเวลานั้นเอง หานมู่จื่อกำลังเดินไปที่รถของหานชิง ในขณะที่หานชิงเปิดประตูรถรอไว้แล้ว จากนั้นหานมู่จื่อก็ก้มตัวเข้าไปนั่งในรถ
ใบหน้าที่บอบบางงดงามของหญิงสาวหายวับไป แต่เย่โม่เซินกลับยังคงมองอย่างตื่นตะลึง รู้สึกราวกับหัวสมองของตนกำลังถูกดึงไปสุดของฟ้า จนกระทั่งเขาได้สติกลับมาจึงค่อยพบว่ามีรถคันหนึ่งกำลังขับมาทางด้านนี้
เย่โม่เซินหรี่ตาอย่างอันตราย จากนั้นจึงหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว
ปัง–
หานมู่จื่อเพิ่งจะเข้าไปนั่งในรถได้ไม่นานเสี่ยวหมี่โต้วเองก็นั่งเรียบร้อยแล้ว ผลคือได้ยินเสียงดังลั่นขึ้น
ทั้งคู่หันไปมองยังที่มาของเสียง และเห็นรถคันหนึ่งชนเข้ากับที่กั้นและจอดสนิทอยู่
หานมู่จื่อเห็นฉากนี้เข้า ม่านตาของเธอก็หดลงทันที เธอรู้สึกหนังตากระตุกขึ้นมา จู่ๆ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ จนได้แต่เอามือไปกดเปลือกตาของตนเองไว้ เธอเอ่ยโดยไม่รู้ตัวว่า “ทำไมคืนนี้ถึงได้มีอุบัติเหตุมากมาย? ”
หานชิงเองก็เห็นฉากนั้นด้วยเช่นกัน เขาเม้มริมฝีปากบางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เป็นคนขับรถที่ประมาท คนพวกนี้จับรถไม่ค่อยระวัง พวกเรามุ่งหน้าไปก่อนเถอะ”
“อืม กลับเถอะ ฉันเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”
เสี่ยวหมี่โต้ว รีบเอื้อมมือไปกอด หานมู่จื่อ “หม่ามีไม่ต้องกลัว ~ เสี่ยวหมี่โต้วปกป้องคุณ”
หัวใจของ หานมู่จื่อรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา หลังจากสตาร์ทรถ หานมู่จื่อก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธออดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ไม่ไกลผ่านหน้าต่างอีกครั้ง
รถที่ชนรั้วกั้นนั่นไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าของรถผ่านไปเนิ่นนานยังไม่เคลื่อนไหว ประตูรถเองก็ไม่ได้เปิดออก
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนข้างใน….
หานมู่จื่อยื่นมือออกไปนวดขมับจากนั้นจึงเบนสายตาไปทางอื่น
ไม่นานนักรถก็มาถึงบ้านตระกูลหานเมื่อรถเข้าไปบ้าน หานมู่จื่อมองดูฉากตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดเป็นพิเศษ
เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ตั้งแต่เธอกลายเป็น หานมู่จื่อเธอก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย
ห้าปีที่ผ่านมา….นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกลับมาที่นี่
ตอนนี้ดูเหมือนว่า มีความทรงจำมากมายเหลือเกิน
ในเวลานั้นเธอยังไม่ได้แซ่หาน อีกทั้งยังไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลหานเธอเป็นเพียงแค่…
“ถึงแล้ว ลงจากรถเถอะ”
เสียงเย็นๆ ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของ หานมู่จื่อเอาไว้
หานมู่จื่อได้สติกลับมา จากนั้นจึงลงจากรถพร้อมกับเสี่ยวหมี่โต้ว
หลังลงจากรถ หานมู่จื่อก็เห็นรถของลุงหนานที่ตามเข้ามา เธอพูดเบาๆ “เสี่ยวเหยียนน่าจะยังหลับอยู่ ฉันจะปลุกเธอ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็เดินไปยังรถของลุงหนานท่ามกลางสายตาของลุงหนาน จากนั้นจึงเปิดประตูเพื่อปลุกเธอ
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเหยียนกำลังฝันอะไร เธอถึงกับกอดอกและหัวเราะกับตัวเองอย่างโง่งมหานมู่จื่อเรียกเธอหลายครั้งแต่เธอกลับยังไม่ตื่น กลับเป็นหานชิงที่ทนไม่ไหวอยู่บ้างและพุ่งเข้ามา