เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 368 นี่คือสาเหตุที่คุณประสบอุบัติเหตุหรือ
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 368 นี่คือสาเหตุที่คุณประสบอุบัติเหตุหรือ
ห้องผู้ป่วยเงียบลง มีเพียงเสียงพัดลมที่ห้อยลงมาจากเพดานที่ดังขึ้น
ลมพัดผ่านเส้นผมที่ปรกลงหน้าผากของเย่โม่เซิน เขาเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงจู่ๆ ก็จางหายไป
“ไม่มีอะไร”
หรือบางทีเขาอาจจะตาฝาดไป
แค่เพียงพริบตาก็หายไป ไม่แน่อาจเป็นเขาเองที่ดูผิดไป
ส้งอานเห็นดวงตาของเขาจมลึก ก็นึกไปถึงคำพูดเมื่อครู่ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถาม “นี่คือสาเหตุที่แกเกิดเรื่องหรือ?”
เย่โม่เซินไม่เอ่ย เป็นการยอมรับไปโดยปริยาย
ในเวลานั้นเขาแค่เพียงเหลือบไปมองเท่านั้น จากนั้นจึงเห็นโครงร่างด้านข้างที่คล้ายกับในความทรงจำนั้นอย่างยิ่ง แต่ไม่นานนักก็หายไปในสายตาของเขา
แต่เขากลับตะลึงอยู่นาน ราวกับว่าความคิดและสติของเขาถูกดึงเข้าไปในความทรงจำของตนเอง พอได้สติกลับมารถก็ชนไปแล้ว
ต้องขอบคุณทักษะการขับรถที่ดีของเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ชนกับรถคันอื่นๆ
รถของเขาก็ชนเข้ากับรั้วกั้น และเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บบางส่วน
แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร
หลังจากสังเกตอาการในโรงพยาบาล 2-3 วัน หากไม่มีอะไรก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
ส้งอานถอนหายใจยาว “ดูเหมือนว่า หลายปีมานี้แกยังจำเธอไม่ลืม แต่เด็กคนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว แกไปเห็นเธอได้ยังไง? ฉันเดา….แกกำลังหลอนอยู่รึเปล่า?”
ภาพหลอน?
ในใจของเย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตนเอง
“อาจจะ”
จู่ๆ ก็เห็นหลานชายของตนมีท่าทางโศกเศร้าอย่างยิ่ง ส้งอานก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบใจเขา แม้ว่าห้าปีมานี้อารมณ์ของเขาจะไม่เคยดีขึ้นเลย แต่ท่าทางในตอนนี้เขาดูเหมือนยังคงติดอยู่กับวังวนนั้นไม่ไปไหน
ในฐานะผู้อาวุโส เธอไม่อาจมองเขาซึมเศร้าแบบนี้ไปตลอดได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ส้งอานก็เอ่ยปาก “เอาแบบนี้แล้วกัน แกจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ รอให้แกออกจากโรงพยาบาล ป้าจะหาคู่ให้ จากนั้นแกก็ไปนัดบอดเถอะ”
ได้ฟัง เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจในทันที “ป้า พูดเรื่องอะไร? ”
“ทำไม? หรือว่าแกอยากจะโสดไปแบบนี้ตลอด? ฉันจะบอกให้ แกคิดจะอยู่ตัวคนเดียวไม่มีปัญหา แต่ฉันล่ะ? ตอนนี้ฉันจะมีชีวิตเหลือให้ใช้อีกสักกี่ปี? ฉันกลัวว่าพอถึงตอนที่ฉันไปหาแม่แก เธอจะโทษที่ฉันไม่ดูแลแกให้ดี เพราะสุดท้ายแล้วตอนแรกแม่แกก็เป็นคนฝากฝันแกให้ฉันดูแลเองกับมือ! ”
เอาสิ่งนี้มาพูดอีกแล้ว เย่โม่เซินได้ยินก็ยิ่งไม่พอใจ เขานั่งหน้านิ่งไม่ตอบอะไร
ส้งอานพึ่งรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนพูดแรงไป ดังนั้นจึงลดเสียงลง
“สรุปก็คือ เหมาะไม่เหมาะก็ลองไปเจอดูก่อน ตอนนี้แกไม่ได้เป็นเหมือนเย่โม่เซินที่นั่งบนรถเข็นคนนั้นแล้ว อย่าได้มัวแต่ทำตัวถูกข่มเหง รู้ไหม? ”
ก่อนหน้านี้ผู้หญิงหลายคนเคยชอบใบหน้าของ เย่โม่เซิน แต่เมื่อเห็นว่าเขาพิการพวกเธอก็รังเกียจ แต่เมื่อนึกถึงสถานะเยื้องหลังของเขาถึงได้ยินยอมที่จะไปมาหาสู่ด้วย
แต่ในหลาย ครั้ง การกระทำและดวงตาของผู้คนนั้นสามารถมองออกได้
พวกเธอรังเกียจที่เขาพิการ
อีกทั้งโลกภายนอกก็บอกว่าเขาไม่ปกติ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงยิ่งรังเกียจเขา
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เย่โม่เซินกลับมายืนได้แล้ว ไม่ต้องนั่งบนรถเข็นอีกต่อไป
หน้าตาดี พื้นฐานครอบครัวดี หุ่นดี และอีกทั้งยังมีหัวทางด้านธุรกิจที่เก่งกาจ
เย่โม่เซินคนนี้ใครกันที่จะไม่ชอบ?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงที่มีชื่อเสียงหลายคนเสนอตัวมาถึงหน้าประตู แต่เย่โม่เซินกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง ส้งอานมองดูก็รู้ว่าในใจของเขามีความคิดยังไง แต่เธอไม่ได้พูดออกมา?
“ฉันจะบอกกับแกให้ ป้าไม่สนว่าในใจของแกจะคิดยังไง แต่หลายปีมานี้แกรู้สึกเสียดายหรือไม่ ป้าจะบอกแกว่า ต่อให้แกเสียดาย ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่เอ่ยเรื่องหย่าก็คือแกใช่ไหม? ไม่ให้เธอเข้าไปในตระกูลเย่ก็เป็นแก แต่ให้แกเจอเธออีกครั้ง แกก็ไม่มีคุณสมบัติแล้ว เข้าใจไหม?”
เย่โม่เซิน “…..”
“นอกจากนี้ ห้าปีผ่านไปแล้ว ยากที่จะรับประกันว่าเธอจะไม่แต่งงานใหม่ ต่อให้แกเจอเธอจริงๆ แกก็ไม่สามารถไปรบกวนเธอได้ ได้ยินหรือเปล่า?”
เย่โม่เซินยังคงไม่ตอบ ส้งอานโมโหขึ้นมา เธอยื่นมือไปดึงหูของเขา
“ได้ยินไหม?”
“โอ้ย… ” เย่โม่เซินรู้สึกเจ็บ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี “ปล่อย! ”
“ตอนนี้รู้จักคำว่าปล่อยแล้ว? เมื่อกี้ฉันพูดกับแก แกไม่เห็นฉันในสายตาสักนิด?”
“ป้า…”
ส้งอานเห็นว่าหูของเขาถูกหยิกเป็นสีแดง ในใจของเธอก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง ดังนั้นจึงถอนหายใจแล้วดึงมือกลับอย่างช่วยไม่ได้
“เอาเถอะ ป้าไม่ได้ตั้งใจจะโมโหแก. แต่คำพูดที่ป้าบอกแกจะต้องจำเอาไว้ในใจ สองวันนี้ฉันจะยังไม่กลับเมืองซู รอแกออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เมื่อได้ยิน เย่โม่เซินก็นึกไปถึงคำพูดของเธอที่บอกจะแนะนำคู่ให้เขาไปนัดบอดหลังจากออกจากโรงพยาบาล ทันใดนั้นเขาก็ได้สติกลับมาทันที
“ป้าไม่ต้องมากังวลในเรื่องพวกนี้ ผมเย่โม่เซินไม่ได้กังวลเรื่องผู้หญิง”
“ใช่ ฉันรู้ว่าแกไม่กังวลเรื่องผู้หญิง แต่แกมีกะจิตกะใจไปหาผู้หญิงมั่งไหมล่ะ? แกไม่คิด ป้าก็เลยช่วยคิดให้ ยังไงเสีย เรื่องนี้ก็ว่าไปตามนี้ ถึงเวลานั้นป้าจะจัดการเอง วางใจได้ ฉันจะต้องหาคนดีๆ ให้ ไม่ปลอมแน่”
เย่โม่เซิน “….”
เมื่อเขาหลับตาลง สิ่งที่ปรากฏชัดขึ้นมากลับเป็นใบหน้าด้านข้างนั้น
บ้าไปแล้ว
บ้าไปแล้วจริงๆ
ห้าปีแล้ว เพราะเธอปรากฏตัวขึ้น ทุกอย่างของเขาจึงถูกรบกวนไปอย่างสิ้นเชิง
*
สุสาน
“พี่ ที่ที่พี่บอกว่าจะพาฉันมา คือที่นี่หรือ?”
“อืม”
หานชิงพาหานมู่จื่อเข้าไปข้างใน แม้ว่าจะยังไม่ถึงจุดหมาย แต่หานมู่จื่อก็พอเดาอะไรบางอย่างได้ หานชิงคงต้องการพาเธอไปที่หลุมฝังศพของหานมู่จื่อ
ในที่สุด หลังจากเดินไปสักพัก ฝีเท้าของหานชิงก็หยุดลงหานมู่จื่อมองตามสายตาของเขาไป
มีภาพอยู่บนหลุมฝังศพ เป็นใบหน้าของผู้หญิงที่เยือกเย็นแต่แฝงด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสุภาพ ช่วยขับเธอให้ดูเยือกเย็นยิ่งขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ หานมู่จื่อเคยเห็นบนโปสเตอร์ของตระกูลหานเมื่อห้าปีก่อน
ได้ฟังว่า นั่นคือแม่ของเธอ
แต่ในความทรงจำของ หานมู่จื่อเธอไม่รู้จักบุคคลผู้นี้เลย
เมื่อเห็นเธอ ในใจก็มีความรู้สึกผูกพันบางอย่างเกิดขึ้น และรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง
แต่…เนื่องจากไม่เคยได้พบเจอกัน ดังนั้นความสัมพันธ์จึงเลือนรางอย่างยิ่ง
“หลังจากที่เธอหายไปตอนเด็ก แม่ก็เอาแต่คอยเป็นกังวลเรื่องของเธออยู่ทั้งวันทั้งคืน อีกทั้งยังไปตามหาเธอหลายๆที่ แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสของเมื่อเธอ ในวันที่เธอเสียชีวิต แม่จับมือฉันเอาไว้ และบอกว่าชีวิตนี้จะต้องหาน้องสาวให้เจอ แม่เชื่อมั่นว่าลูกสาวของเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่แม่แค่ไม่มีมีโอกาสได้ตามหาต่ออีก ดังนั้น..หน้าที่นี้จึงตกเป็นของฉัน”
ได้ฟัง หานมู่จื่อก็แทบจะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ตอนนี้เธอก็เป็นแม่คนเช่นกัน หากวันหนึ่ง เสี่ยวหมี่โต้ว หายตัวไป เกรงว่าเธอคงเป็นบ้าแน่
ด้วยเหตุนี้ หานมู่จื่อจึงเข้าใจความรู้สึกของนายหญิงหานในตอนนั้น
เธอปวดใจเล็กน้อย แต่ว่า….โชคชะตาก็มักจะเล่นตลกแบบนี้
“แม่….เธอตายยังไง”
ตามหลักแล้ว ตอนที่เธอเสียน่าจะยังอายุไม่มาก