เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 376 ถูกบีบบังคับให้นัดบอด
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 376 ถูกบีบบังคับให้นัดบอด
เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงไม่ยอมเชื่อฟังและไม่ยอมนอนแต่โดยดี แล้วลงจากเตียงและใส่รองเท้าลงไปชั้นล่าง เทนมมาให้หานมู่จื่อหนึ่งแก้ว
“หม่ามี๊”
หานมู่จื่อได้กลิ่นหอมของนม ถึงรู้สึกว่า เสี่ยวหมี่โต้วได้นำนมมาให้เธอหนึ่งแก้ว เธอตะลึงไปสักครู่ และเงยหน้าขึ้นมามองเสี่ยวหมี่โต้ว สังเกตเห็นสองตาของเขาดำจนน่าตกใจ กำลังจ้องมองเธออยู่อย่างน่าสงสาร
เหมือนกำลังบอกเธอว่า หม่ามี๊สนใจหนูหน่อย หนูอยู่คนเดียวเหงามาก
สองสามวันมานี้ เธอมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน ทุกคืนยุ่งจนถึงกลางดึก ตื่นแล้วก็ต้องทำงานต่ออีก เหมือนว่า……ละเลยความรู้สึกของเสี่ยวหมี่โต้ว
คิดถึงเช่นนี้แล้ว หานมู่จื่อรู้สึกว่า ตนเองไม่ควรทำแบบนี้เลยจริงๆ
เธอไม่ยื่นมือไปรับนมแก้วนั้น แต่รีบจัดเก็บข้อมูลในคอมให้เรียบร้อย จากนั้นปิดคอมแล้วมองไปทางเสี่ยวหมี่โต้ว จึงค่อยๆยื่นมือไปรับนมในมือของเขา: “แม่ขอโทษนะเสี่ยวหมี่โต้วสองวันนี้หม่ามี๊มัวแต่ทำงานจนลืมดูแลลูก ขอโทษจริงๆ”
หานมู่จื่อพูดไปด้วย แล้วยื่นมือไปโอบไหล่ของเสี่ยวหมี่โต้วมากอดไว้ในอ้อมอกของตนเอง
เสี่ยวหมี่โต้วเข้าใกล้เธอแล้ว จึงยื่นมือออกมากอดคอของหานมู่จื่อไว้ จากนั้นพูดเบาๆ: “หม่ามี๊ไม่เป็นไรหรอกครับ เสี่ยวหมี่โต้วรู้ว่าหม่ามี๊มีงานต้องทำ ดังนั้นไม่ถือสาหรอกครับ”
“หนูไม่ถือสา หม่ามี๊ถือสา แม่ควรจะนึกได้เร็วกว่านี้ หลังจากนี้ไปหม่ามี๊จะไม่ทำงานตอนกลางคืนอีกแล้ว จะคอยดูแลหนูนะ”
ถึงแม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ว่าตอนที่ได้ยินว่าหานมู่จื่อคอยดูแลเขามากๆ แววตาของเขาสว่างจ้ากว่าตอนเมื่อกี้มากขึ้นเยอะเลย เด็กก็คือเด็ก ต้องการความรักความห่วงใยจากพ่อแม่
เขาขาดความรักจากพ่อแล้ว ก็ไม่ควรขาดความรักของแม่อีก
หานมู่จื่อยื่นนมให้เขา: “หม่ามี๊ไม่ต้องดื่มนม นมแก้วนี้เสี่ยวหมี่โต้วเอามาเอง งั้นให้เสี่ยวหมี่โต้วดื่มดีไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบๆตา: “แต่ว่าหม่ามี๊ นี่ผมเอามาให้ท่านโดยเฉพาะเลยนะ”
ได้ยินว่าเขาเอามาให้ตนเองโดยเฉพาะ ถ้าหานมู่จื่อไม่ดื่มก็ไม่ดี จึงพยักหน้า: “ได้ งั้นหม่ามี๊ดื่ม”
จากนั้นหานมู่จื่อก็ดื่มนมให้หมดแก้ว แล้วอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วกลับไปที่เตียง “คืนนี้หม่ามี๊ไม่ทำงานแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนหนู เสี่ยวหมี่โต้วอยากจะฟังนิทานอะไร?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้า: “ดีจังเลยครับหม่ามี๊ คืนนี้จะเล่านิทานอะไร?”
“อืม งั้นหม่ามี๊คิดดูก่อนนะ เดี๋ยวเล่า……ให้หนูฟัง”
“กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว……”
*
วันที่สอง
โรงพยาบาล
ตอนที่ส้งอานส่งโจ๊กไปที่โรงพยาบาล กลับเห็นในห้องผู้ป่วยจัดเก็บได้เรียบร้อยเกือบหมดแล้ว ส่วนเย่โม่เซินกำลังก้มลงไปใส่ร้องเท้า
“แก แกกำลังทำอะไร?” ส้งอานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เดินหน้าเข้าไปวางโจ๊กไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้า
เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นมามองเธอ: “น้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ออกจากโรงพยาบาล?” ส้งอานถาม “จัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
เพิ่งจะพูดจบ เซียวซู่ที่ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาพอดี หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้วเห็นส้งอาน จึงเรียกด้วยความเคารพหนึ่งคำ: “คุณน้าส้ง”
ส้งอานหันกลับไปมองเขา “แกไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเหรอ?”
เซียวซู่ตะลึงไปสักครู่ จากนั้นรีบพยักหน้า: “นายเย่บอกว่าตนเองไม่เป็นไรแล้ว ดังนั้น……”
“ใครบอกว่าเขาไม่เป็นไร?” ส้งอานเดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วแย่งใบเสร็จจากมือของเขา แล้วหันไปมองทางเย่โม่เซิน: “ใครให้แกตัดสินใจเอง? ออกจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนี้ แกรู้หรือไม่ว่าแกเกิดอุบัติเหตุ เกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่แผลธรรมดา!”
ได้ยินดังนั้น เย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ พูดตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “อุบัติเหตุรถชนแล้วยังไง ผมไม่ได้บาดเจ็บหนัก มันก็แค่บาดแผลธรรมดา”
ส้งอาน: “……”
“ดี แกต้องการจะดื้อกับน้าเล็กใช่ไหม? ได้! วันนี้ฉันจะจัดการนัดบอดให้แก ครั้งก่อนฉันก็บอกแกแล้ว รอให้แกออกจากโรงพยาบาลจะหาคู่ให้ ปรากฏว่าแกรีบร้อนออกจากโรงพยาบาลขนาดนี้ ที่แท้ก็รีบร้อนให้น้าเล็กของแกหาคู่ให้ใช่ไหม?”
เย่โม่เซินหรี่ตา สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ใครบอกว่าผมจะรับปาก?”
“เหอะ” ส้งอานหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น จากนั้นหยิบมือถือออกไปโทรศัพท์ข้างนอก เย่โม่เซินมองดูอย่างอัดอั้นตันใจ สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรอีก
ปล่อยให้เธอไม่พูดเองเถอะ ยังไงเขาก็ไม่ยอมไปอยู่แล้ว ไม่สนใจว่าเธอจะหาคนแบบไหนมาให้หรอก
เย่โม่เซินลุกขึ้น ใส่กระดุมเสื้อสูทให้เรียบร้อย จากนั้นพูดอย่างเย็นชา: “กลับบริษัท”
เซียวซู่ที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า แล้วก็ตามหลังไปด้วย
ใครจะรู้ว่าเดินไปถึงแค่ประตูห้องผู้ป่วย ตัวของส้งอานก็รีบเข้ามาขวางทางพวกเขา: “จะไปไหน? ไม่มีคำสั่งของฉัน วันนี้แกจะไปไหนไม่ได้!”
เย่โม่เซินปิดปากบางๆไว้ บนตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเยือกเย็น
“โม่เซิน แกไม่ยอมนอนโรงพยาบาลและไม่ฟังคำพูดของน้าไม่เป็นไร น้าสั่งแกไม่ไหวไม่เป็นไร แต่ถ้าแกไม่ยอมไปนัดบอด งั้น……น้าจะไปกระโดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตายไปฟ้องแม่ของแก!”
เย่โม่เซิน: “… …”
เซียวซู่: “… …”
เขาตกใจจนต้องกลืนน้ำลายตนเอง เอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่ติดอ่าง: “เอ่อ……น้าส้ง อย่าจริงจังถึงขนาดนี้สิครับ? ร่างกายของนายเย่แข็งแรงดี ถึงจะออกจากโรงพยาบาลล่วงหน้า คงจะไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกมั้งครับ?”
“ก็เพราะแกนั่นแหล่ะ” ส้งอานมองหน้าเซียวซู่: “ร่างกายของเขาแข็งแรง เป็นหุ่นยนต์อย่างนั้นเหรอ? ไม่ต้องพักผ่อนหรือไง? เคยได้ยินผู้ป่วยคนไหนที่ออกจากโรงพยาบาลก็ไปทำงาน ไม่พักฟื้นเลย? นึกว่าร่างกายของตนเองทำด้วยเหล็กงั้นหรือ?”
เซียวซู่: “น้าส้งผม……”
“พอแล้วแกหุบปาก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก วันนี้ให้แกหยุดหนึ่งวัน กลับไปพักผ่อนเถอะ”
เซียวซู่ได้ยินดังนั้น สีหน้าดีใจทันที: “จริงเหรอครับ?”
ปรากฏว่ายังไม่ทันดีใจได้นานนัก เซียวซู่ก็รู้สึกว่ามีสายตาที่แหลมคมกำลังเล็งมาที่ตนเอง เขาตกใจจนขนลุกซู่และรีบยืดเอวขึ้นมายืนตรงๆ
“อย่าดีกว่าครับ วันนี้ถ้าไม่ไปทำงาน เดี๋ยวสิ้นปีนี้ผมไม่มีโบนัสพิเศษ”
“ใช่เหรอ?” ส้งอานหรี่ตาและมองเย่โม่เซิน: “ถ้าเขาไม่ให้โบนัสสิ้นปีแกล่ะก็ โบนัสสิ้นปีของแกเท่าไหร่ ฉันจ่ายให้สามเท่า”
ได้ยินดังนั้นแล้ว เซียวซู่รีบลืมตาโตๆ: “น้าส้ง นี่…….”
“ดังนั้นแกก็ไปพักผ่อนตามสบายเถอะ”
ไม่รอให้เซียวซู่เอ่ยปากอีกครั้ง ส้งอานก็ดึงแขนของเขาและผลักออกไปโดยตรง
ในห้องผู้ป่วยเหลือแต่เย่โม่เซินกับส้งอาน
ส้งอานขวางอยู่ตรงหน้าประตู ไม่ให้เขาไป
ทั้งสองคนจ้องตากันสักพัก เย่โม่เซินจึงกลับไปที่เตียงผู้ป่วย เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ให้ผมอยู่นี่หนึ่งอาทิตย์ก็ได้ อย่าหาคู่ให้ผมไปนัดบอดอีกเลย”
“ฮาฮา ตอนนี้ถึงแกบอกว่าจะพักหนึ่งเดือน ฉันก็ไม่รับปากแล้ว”
ส้งอานหัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชาหนึ่งครั้ง ปิดประตูห้องและเดินเข้าไป
“ฉันคุยกับฝ่ายโน้นแล้ว ทางโน้นเค้าบอกว่าตอนเย็นให้พวกแกไปเจอหน้ากันได้แล้ว เย่โม่เซิน แกคงไม่คิดว่าน้าของแกกำลังล้อเล่นอยู่หรอกนะ? ฉันจะบอกให้ว่าไม่มีทาง วันนี้ถ้าแกไม่ยอมไปนัดบอดแต่โดยดี ฉันก็จะ……ไปโดดลงแม่น้ำไปฟ้องแม่ของแกในนรก!”
เย่โม่เซิน: “… …น้าเล็ก ท่านทำไมต้องบังคับผมด้วยล่ะ?”
“ใครบังคับใคร? แกรู้รึเปล่าว่าตอนนี้แกอายุเท่าไหร่แล้ว? หลายปีมานี้แกทำอะไร? น้าเป็นผู้ใหญ่ของแก ฉันหาคนมาดูแลแกมันผิดอะไร?”