เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 384 รู้จักตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 384 รู้จักตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว
“ออเหรอ?” หานมู่จื่อยักคิ้ว: “พูดต่อสิ”
เสี่ยวเหยียนพูดต่อ: “เธอกับจ้าวยี่หรูไม่ใช่เดินแนวเดียวกันจ้าวยี่หรูแสดงละครเรื่องหนึ่งแล้วก็โด่งดังกะทันหัน แต่ว่าเป็นซีรี่ส์เกี่ยวกับความรักวัยรุ่น พูดได้ว่าไม่ค่อยมีความน่าสนใจเท่าไหร่ แค่เอาไว้ฆ่าเวลาเท่านั้น แต่ว่าหลังจากที่ดูจบแล้วไม่มีอะไรน่าจดจำในนั้น แต่หลินซิงหั่วคนนี้ไม่เหมือนกัน เธอเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก ตัวละครที่แสดงส่วนมากเป็นตัวเด่นของเรื่อง โดยทั่วไปแล้ว คนที่เดินทางสายนี้จะไม่ค่อยดัง ไม่ค่อยมีความน่าติดตาม แต่เธอกลับไม่เหมือนกัน เพราะเธอเป็นคนสวยมาตั้งแต่เกิด บวกกับที่เธอแสดงเก่งมีฝีมือ ดังนั้น……สามารถพูดได้ว่ามีงานตลอดอย่างไม่ขาดสาย”
ได้ยินเสี่ยวเหยียนพูดแล้วหานมู่จื่อได้รู้และเข้าใจ
“ที่สำคัญคือ ได้ยินมาว่าดาราหญิงคนนี้ยังเป็นลูกสาวคนตระกูลใหญ่ คุณสมบัติและนิสัยดีมาก ไม่เคยจะดูถูกเหยียดหยามหรือประจบสอพลอ ไม่เหมือนจ้าวยี่หรูคนนั้น”
ฟังแล้วหานมู่จื่อหันไปมองเสี่ยวเหยียน: “ดูแล้วแกท่าทางจะพอใจลูกค้าใหม่ของเราคนนี้มากเลยนะ?”
“พอใจสิ ต้องพอใจอย่างแน่นอน! แกไม่รู้ว่าฉันดีใจแค่ไหน เราต้องชนะใจลูกค้าคนนี้ให้ได้ ให้จ้าวยี่หรูคนนั้นอกแตกตายไปเลย”
หานมู่จื่อ: “ตื่นๆ เรื่องจ้าวยี่หรูมันผ่านไปแล้ว เราจะเอาชนะใจลูกค้าคนนี้เพื่อชื่อเสียงของบริษัท นี่เป็นออเดอร์แรกนะ อย่าไปคิดถึงความรู้สึกส่วนตัวให้มากนัก รู้ไหม?”
ถูกหานมู่จื่อว่าเช่นนี้ เสี่ยวเหยียนถึงจะรู้ตัวว่าใช้อารมณ์ส่วนตัวมากไป
“ก็ได้ ฉันรู้แล้ว”
ติง ——
ทั้งสองคนเดินออกจากลิฟต์ หานมู่จื่อเดินไปด้วยพูดไปด้วยว่า: “เตรียมงานต่างๆให้พร้อมก่อน อีกสักพักเราก็คงได้เจอหน้าแล้ว”
เวลาที่ทั้งสองฝ่ายนัดกันคือสิบโมง
อีกฝ่ายมีเวลาอีกแค่สิบห้านาที
ตอนเวลาสิบโมง ได้มีรถตู้สีดำคันหนึ่งมาจอดอยู่ชั้นล่าง ตอนที่ใกล้ถึงเวลาแล้ว เสี่ยวเหยียนและหานมู่จื่อลงไปรอชั้นล่าง เตรียมจะไปต้อนรับด้วยตนเอง
หลังจากที่ประตูรถเปิดออก ผู้จัดการส่วนตัวลงจากรถก่อน
จากนั้นเขามองดูรอบๆด้วยความระวัง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีนักข่าวตามมาก็แจ้งเข้าไปด้านใน
“ซิงหั่ว ลงมาได้แล้ว”
หานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียนมองดูภาพนี้อยู่ข้างๆ
มีคนๆหนึ่งที่ปิดหน้าปิดตาไว้อย่างเข้มงวดออกมาอยู่ตรงหน้าของเสี่ยวเหยียนและหานมู่จื่อ
มีผู้หญิงลงมาจากในรถ เธอสวมหมวก ตั้งแต่หัวจรดเท้าปิดมิดชิด เห็นแต่ดวงตาที่สวยๆหนึ่งคู่
หานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียน: “……”
“ว้าว ที่นี่ก็คือบริษัทของดีไซน์เนอร์คนนั้นเหรอ? ดูแล้วไม่เลวนะเนี่ย!”
ผู้จัดการของหลินซิงหั่ว: “……ซิงหั่ว เข้าไปข้างในบริษัทก่อน เดี๋ยวจะถูกขโมยถ่ายรูป”
“ออ”
หลินซิงหั่วเดินไปเรื่อยๆจนถึงด้านใน มองข้ามหานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ข้างประตู
ผู้จัดการเหมือนจะรีบร้อนตามเข้าไป เสี่ยวเหยียนก็เรียกเขาไว้: “สวัสดีค่ะ ท่านคือผู้จัดการเฉิน ใช่ไหมคะ?”
ผู้จัดการเพิ่งจะเห็นข้างประตูมีคนยืนอยู่สองคน เห็นพวกเธอแล้ว จึงถามด้วยความสงสัย: “พวกคุณ……”
เสี่ยวเหยียนเอ่ยปากแนะนำ: “นี่คือดีไซน์เนอร์ Shelly ฉันคือผู้ช่วยของคุณ Shelly ฉันชื่อเสี่ยวเหยียน”
ได้ยินดังนั้นแล้ว ผู้จัดการเฉินจึงเข้าใจทันที “ที่แท้นี่ก็คือดีไซน์เนอร์ Shelly สวัสดีครับ ผมชื่อเฉินเฟย เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณหลินซิงหั่ว”
“สวัสดีค่ะ” หานมู่จื่อยื่นมือไปหาเขา
ทั้งสองคนจับมือกัน เฉินเฟยบอกว่า: “ซิงหั่วเข้าไปแล้ว เราก็รีบเข้าไปกันเถอะ”
หลังจากที่เข้าไปแล้ว หลินซิงหั่วแอบอยู่ด้านหลังเสา เห็นเฉินเฟยเดินเข้ามา จึงโผล่ออกมาและพูดว่า: “เฉินเฟย ทำไมตั้งนานยังไม่เข้ามา? สองท่านนี้คือ?”
หลังจากที่มองเห็นหานมู่จื่อ หลินซิงหั่วลืมตาโต
“คุณก็คือ Shellyเหรอ?”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อตะลึงสักพัก แล้วมองหน้าเธออย่างคิดไม่ถึง
“สวัสดีค่ะ คุณรู้จักฉัน?”
หลินซิงหั่วดึงผ้าปิดปากออกและยิ้มให้เธอ
“ฉันจำคุณได้!”
จำเธอได้? หานมู่จื่อแปลกใจขึ้นมาทันที นี่มันหมายความว่ายังไง?
“ก่อนหน้านี้ฉันไปร่วมงานแฟชั่นวีคที่ต่างประเทศ ชุดที่ฉันชอบ ผู้ออกแบบก็คือคุณ Shelly”
“ตอนนั้นฉันยังตั้งใจสอบถามพนักงานว่าท่านไหนคือคุณ Shelly เห็นคุณนั่งอยู่ตรงที่นั่งแขกรับเชิญวีไอพีพอดี”
“เพราะว่าคุณหน้าตาสวยมากเกินไป ดังนั้นฉันเห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้แล้ว”
แป๊บเดียวหลินซิงหั่วพูดไปหลายประโยค ทำให้หานมู่จื่องงเลยทีเดียว เสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆอดใจไม่ได้ที่จะลืมตาโตๆ: “ว้าว พวกคุณเคยเจอกันตั้งแต่ตอนที่อยู่ต่างประเทศแล้ว”
“ใช่ไหมใช่ไหม? ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน!”
หลินซิงหั่วยิ้มๆและก้าวเท้าเดินหน้าเข้าไปจับมือของหานมู่จื่อด้วยความกระตือรือร้น: “ตอนนั้นฉันก็อยากจะเข้าไปรู้จักคุณสักหน่อย แต่ว่าหลังจากที่ฉันร่วมงานแฟชั่นวีคเสร็จแล้ว ก็ถูกผู้จัดการส่วนตัวรีบพาไปขึ้นเครื่องกลับ ฉันรู้สึกเสียดายมาก นึกไม่ถึงว่าปีนี้คุณกลับมาในประเทศแล้ว”
หานมู่จื่อเคยร่วมงานแฟชั่นวีคมามากมาย เธอนึกไม่ออกว่าเจอตอนไหน เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยที่เธอไม่รู้เรื่องเลย
แต่เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมองเธอด้วยแววตาที่เจิดจ้า เหมือนแฟนคลับที่เห็นไอดอลของตัวเองเช่นนั้น
เธอพูดเช่นนี้ก็รู้สึกเกรงใจหลินซิงหั่วเป็นนางฟ้าในใจของคนตั้งมากมาย
หานมู่จื่อยิ้มอย่างเกรงๆ: “ขอบคุณที่ชื่นชมค่ะ”
“พูดกันตรงนี้ไม่ค่อยสะดวก ถ้างั้น……เราไปคุยกันที่สำนักงานกันดีไหม?” เฉินเฟยถูกละเลยอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นมากะทันหันเพื่อแสดงตัวตน
หลินซิงหั่วรีบพยักหน้า: “ใช่ๆ อยู่ที่นี่คุยกันไม่สะดวก เราไปคุยที่สำนักงานของคุณกันเถอะ”
พูดจบเธอยังรีบเอาผ้าปิดปากมาใส่ที่หน้าเหมือนเดิม หน้าตาตื่นเต้นและมองดูรอบๆ เหมือนกลัวถูกคนอื่นมองเห็น
เฉินเฟย: “คุณหนูของฉัน ตอนนี้คุณเพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้คุยกันไม่สะดวก มันไม่ช้าเกินไปหน่อยเหรอ?”
ได้ยินดังนั้น หลินซิงหั่วมองหน้าหานมู่จื่อด้วยความเขินอาย “ไม่เป็นไร เราขึ้นไปกันเถอะ”
หานมู่จื่อพยักหน้า เดินนำทางอยู่ข้างหน้า
ในใจกำลังคิดอยู่ว่าหลินซิงหั่วคนนี้…….ไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาที่เสี่ยวเหยียนพูดเมื่อสักครู่นี้ เธอนึกว่าถึงแม้ว่าเธอจะไม่เย่อหยิ่งยโส แต่อย่างน้อยน่าจะมีเหตุมีผล ดูเป็นผู้หญิงที่มั่นคงถึงจะถูก
แต่ว่าท่าทางและสถานะของหลินซิงหั่วกลับดูแล้วเหมือนดาราสาวน้อยที่เพิ่งจะเข้าวงการ
อีกทั้งยังเป็นกันเอง กระตือรือร้นคุยสนุก น่าคบขนาดนี้
คิดแล้วหานมู่จื่อยิ้มเบาๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดี มองดูแล้วการร่วมงานของบริษัทและเธอน่าจะไม่มีปัญหาแล้ว
หลังจากที่ถึงสำนักงานแล้ว ห้องทำงานที่เงียบเหงาเต็มไปด้วยเสียงที่น่ารักของหลินซิงหั่ว เธอเดินไปเดินมารอบๆสำนักงาน แล้วก็ตื่นเต้นตกใจร้องว้าวๆไปด้วย
“ว้าว! ที่นี่ตกแต่งได้สวยจังเลย? แล้วก็ยังมีรูปภาพนี้ นี่มันเป็นภาพวาดที่ฉันเห็นในงานประมูลก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ? โอ้โห นึกไม่ถึงว่ามันจะมาอยู่ที่นี่ด้วย Shelly คุณรวยจังเลย เห้ย เก้าอี้นี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน นุ่มมากเลย ~~”
หานมู่จื่อ:“……”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เฉินเฟย:“……”
ทั้งสามคนต่างก็มองหลินซิงหั่วอย่างเหงื่อตก
หลังจากนั้นสักพัก เฉินเฟยอดใจไม่ไหวจนต้องบอกว่า: “ต้องขอโทษคุณสองคนด้วยนะ ซิงหั่วคนนี้เธอ……” คำพูดหลังจากนั้นเขาไม่รู้ควรจะพูดยังไง ทำลายชื่อเสียงนักแสดงของตนเอง? เขาทำไม่ได้ แต่สำหรับคนอย่างหลินซิงหั่วที่เป็นแบบนี้ ไม่ว่าสักคำก็กระไรอยู่
แต่หานมู่จื่อยิ้มแล้วก็พูดเบาๆ: “ไม่เป็นไรค่ะ คุณหลินเป็นคนใสซื่อน่ารักเช่นนี้ ไม่ใช่ใครๆก็จะเป็นได้”