เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 390 ระยะห่างยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 390 ระยะห่างยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
พอหลินชิงชิงได้ยินก็เลิกคิ้วอย่างมีความสุขแล้วกอดแขนของคุณแม่หลินไว้: “คุณแม่ดีจริงๆ เป็นคุณแม่ที่ไปหาคุณป้าส้งเหรอ?”
พอได้ยิน คุณแม่หลินก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วตอบเสียงเบา: “ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าลูกสาวของแม่กำลังคิดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น แม่ก็รู้สึกว่าผู้ชายครั้งนี้ดูไม่เลว เพียงแต่…ดูแล้วอีกฝ่ายมีท่าทีที่ไม่ยอมนัดบอด ไม่รู้ว่าจะ…”
“คุณแม่ ไม่ค่ะ หนูได้ยินมาแล้ว เย่โม่เซินยังไม่มีแฟน ถ้าไม่อย่างนั้นคุณสมบัติอย่างคุณป้าส้งจะให้เขามานัดบอดเหรอ?”
“ที่พูดก็ถูก พวกเราต้องเชื่อในตัวป้าส้งของลูก”
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินชิงชิงจึงเดินลงมาชั้นล่าง พอเห็นส้งอานเธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “สวัสดีค่ะคุณป้าส้ง ทำไมวันนี้ถึงมีเวลาว่างมาได้ล่ะคะ?”
สายตาของส้งอานตกอยู่บนร่างของหลินชิงชิง
วันนี้เธอสวมชุดท่อนบนเป็นเสื้อถักสีชมพูเรียบง่ายและกระโปรงผ้าบางเบาคลุมเข่า ผมลอนสวยตกลงมาบนไหล่ของเธออย่างสง่างาม เธอแต่งหน้าเป็นพิเศษ ใบหน้าขาวเนียนรูปไข่จึงดูน่ารักอ่อนหวานขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้ เป็นแบบที่ส้งอาน ชื่นชอบ
ฐานนะทางบ้านของตระกูลหลินนับว่าเป็นตระกูลที่ไม่เลว คุณพ่อเปิดบริษัท ส่วนคุณแม่เป็นคุณหมอในโรงพยาบาล
ฐานะทางบ้านดีอย่างนี้ แต่หลินชิงชิงกลับไม่มีท่าทีที่หยิ่งผยอง
ผู้หญิงแบบนี้หายากมาก ส้งอานคิดว่าจะต้องแนะนำให้เย่โม่เซินอย่างแน่นอน
“ป้าส้งมาทำอะไร เธอไม่รู้เหรอ?” พูดเสร็จ ส้งอานก็ยกรอยยิ้มของตัวเองขึ้นมา
คุณแม่หลินที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดยิ้มไม่ได้ เดิมทีหลินชิงชิงได้ยินแบบนี้ก็แก้มแดงแล้ว อายจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ได้แต่ยืนอยู่กับที่สักพักแล้วเดินไปอยู่ข้าง ๆ ส้งอาน แล้วเป็นฝ่ายนั่งลงไปข้างๆ จากนั้นดึงมือของส้งอานและกัดริมฝีปากพูดเบา ๆ : “คุณป้าส้ง คุณล้อชิงชิงเล่นแล้ว”
พอมองท่าทางเขินอายน่ารักของเห็นคนนี้แล้ว ส้งอานก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะจมูกของเธอ: “เด็กคนนี้นี่นะ ป้าส้งล้อเธอเล่นที่ไหนกัน เห็นชัดๆ ว่ามองทะลุความคิดเธอได้ อีกสักพักเธอก็ไปทานข้าวกับป้าเถอะ จากนั้นป้าจะหาโอกาสเรียกโม่เซินมา”
หลินชิงชิงพยักหน้าอย่างเขินอาย: “ขอบคุณค่ะป้าส้ง ป้าส้งดีกับฉันจริง ๆ แต่ว่าโม่เซินเขาจะมาเหรอคะ? ”
“โม่เซินค่อนข้างเชื่อฟังฉัน เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาเย็นชาแต่ใจร้อน บางทีอาจจะต้องใช้ความคิดมากในการอยู่ร่วมกับเขา ดังนั้นป้าส้งเลยอยากจะถามเธอก่อนว่า เธอมีความมั่นใจไหม?”
มีความมั่นใจไหม? หลินชิงชิงอึ้งไปสักพัก ยิ้มอยู่พักใหญ่จึงตอบ: “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ ป้าส้งกำลังถามว่าฉันมีฉันความมั่นใจที่จะละลายภูเขาน้ำแข็งนี้หรือไม่? ”
ส้งอานพยักหน้า
“วางใจเถอะป้าส้ง ฉันจะไม่ยอมทิ้งเพราะนิสัยของเขา ตรงกันข้าม…ฉันกลับชอบนิสัยแบบนี้เป็นพิเศษ เขาเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่ง นั่นหมายความว่าเขายังเป็นภูเขาน้ำแข็งสำหรับผู้หญิงคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่กับฉันคนนี้ ดังนั้นขอแค่เขายังไม่มีใคร อย่างนั้นฉันก็มีโอกาส แล้วอีกอย่าง…ฉันเฝ้ารอวันที่ภูเขาน้ำแข็งละลาย ”
พอพูดจบ หลินชิงชิงก็ดูเหมือนจะทนไม่ไหว ก้มหน้าที่เขินอายลงไป
ส้งอานเหลือบมองเธอด้วยแววตาที่มีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตาคุณแม่หลิน
“เด็กดี ป้าส้งรู้ว่ามองคนไม่ผิดแน่นอน อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ร้านอาหานเต๋อเป่า
“ฉันนัดเขาให้มาทานอาหารตรงเวลา พวกเราสั่งอาหารก่อน โม่เซินเด็กคนนี้มาตรงเวลาเสมอ เขาจะมาแน่”
พอได้ยิน หลินชิงชิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองแวบหนึ่ง ยังเหลืออีกห้านาทีก็จะถึงเวลาแล้ว เธอจึงหยิบเมนูขึ้นมาดูแล้วสั่งของว่างกับส้งอาน
พอถึงเวลา ตอนนี้เย่โมเซินก็ได้ปรากฏตัวในร้านอาหาร
เมื่อเขาเข้าประตูไปดวงตาสีดำของเขาก็ค้นหาร่างของส้งอานในฝูงชน พอเห็นว่าด้านข้างเธอยังมีเงาคนอีกคนหนึ่ง เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจทันที
คุณป้าคนนี้ยุ่งมากจริง ๆ
โทรศัพท์บอกเขาว่าจะกลับเมืองซูแล้ว ให้มาทานอาหารก่อนจากลากัน
คิดไม่ถึงว่าจะเตรียมคู่นัดบอดให้เขาอีกแล้ว
หึ
ก็ไม่มีอะไร เขาเย่โม่เซินก็คิดเสียว่ามื้อนี้มาทานอาหารก่อนจากลา
“โม่เซิน!”
ในระหว่างที่คิดอยู่นั้น ส้งอานก็ได้เรียกชื่อเขาแล้ว
เย่โม่เซินมีรูปร่างที่สูงใหญ่ พอเดินเข้ามาก็ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อย ในตอนที่เดินไปหาพวกของส้งอานเขาก็ยิ่งดึงดูดความสนใจมากขึ้น
พอได้เห็นผู้ชายที่หล่อราวกับเทพบุตรคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หัวใจที่เต้นแรงของหลินชิงชิงแทบจะพุ่งออกมาจากลำคอของเธอ มือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะก็จับเข้าหากันแน่น
ผู้ชายคนนี้…เป็นของเธอ
ถึงตอนนี้จะไม่ใช่ แต่หลังจากนี้…ต้องมีสักวันที่เป็นของเธอ!!
“มามามา นั่งลง” ส้งอานยิ้มปริ่มแล้วลากเย่โม่เซินเข้ามา หลังจากนั้นลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “วัยรุ่นอย่างพวกเธอคุยกันเถอะ ฉันจะไปซื้อของใกล้ ๆ นี้ก่อนนะ”
พอได้ยิน ดวงตาที่เยือกเย็นของเย่โม่เซินก็ตกลงบนหน้าของเธอ: “มื้ออาหารก่อนจากลา?”
บนใบหน้าของส้งอานมีความลำบากใจอยู่สักหน่อย พอหลินชิงชิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินก็รู้แล้วว่าเย่โม่เซินถูกส้งอานหลอกให้มา แต่เธอต้องทำให้ได้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องอาย
“พวกเธอค่อยๆ ทานนะ ต้องนั่งให้ได้ถึงครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยไปนะ ฉันไปก่อนแล้ว”
พูดจบส้งอานก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ตอนกลางวันหานมู่จื่อไม่มีความอยากอาหาร เพียงกินข้าวแค่ไม่กี่คำก็ไปพักผ่อน พอเธอตื่นจากการงีบหลับช่วงกลางวันก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว เธอตื่นตระหนกแล้วรีบโทรหาหลินชิงชิง
ในตอนที่หลินชิงชิงรับโทรศัพท์ ก็ดูเหมือนจะลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย
“Shelly?”
“สวัสดีค่ะคุณหลิน ใกล้จะถึงเวลานัดของพวกเราแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้รับที่อยู่ที่คุณจะส่งให้เลย ขออนุญาตถาม…”
“อ้อ ขอโทษนะคะ Shelly ตอนนี้ฉันกำลังทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหานเต๋อเป่า เลยลืมส่งข้อความให้คุณแล้ว”
“ร้านอาหานเต๋อเป่า?” หานมู่จื่อรีบลุกขึ้นไปที่หน้าต่าง แล้วมองร้านอาหานเต๋อเป่าแห่งนั้นที่อยู่ไม่ไกล อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ย “คุณหลินอยู่ที่ร้านซึ่งอยู่ถนฝั่งตรงข้ามกับบริษัทของพวกเราใช่ไหม?”
หลินชิงชิงอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นพยักหน้า: “ดูเหมือน…จะใช่ค่ะ”
“อย่างนั้นคุณรอสักครู่ เดี๋ยวฉันไปหาคุณ”
หลินชิงชิงมองผู้ชายหล่อเหลาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ในตอนที่กำลังจะบอกว่าไม่ต้องนั้น ทางฝั่งของหานมู่จื่อก็ตัดสายทิ้งไปแล้ว
พอได้ยินเสียงโทรศัทพ์ดังตู๊ดตู๊ด หลินชิงชิงก็กระพริบตา
เธอกำลังจะบอกว่าตัวเองไม่สะดวก รอเย็นอีกหน่อยค่อยนัดกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายนั้น…
“คุณหลินมีธุระ?”
ในขณะที่กำลังเหม่อลอย ทางฝั่งเย่โม่เซินก็ถามอย่างเย็นชาทันที
หลินชิงชิงก็ได้สติทันที แล้วนำโทรศัพท์มือถือเก็บใส่ในกระเป๋า
“ไม่มีค่ะ ไม่มี”
ถ้าเธอพูดว่ามีธุระหรือจ้องที่โทรศัพท์อีกครั้ง เย่โม่เซินก็คงจะจากไปทันที
เย่โม่เซินเลิกคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้…ให้ตายก็ไม่ยอมล้มเลิกจริงๆ
ดูเหมือนผู้ชายแบบเขา มองเธอด้วยสายตาเย็นชาก็แล้ว เธอก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้
เย่โม่เซินลุกขึ้น หลินชิงชิงรีบเอ่ยอย่างตื่นตระหนกทันที: “คุณเย่ คุณจะไปไหนคะ?”
เย่โม่เซินหยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา: “ห้องน้ำ”
ส้งอานไม่ใช่ให้เขารอให้ครบครึ่งชั่วโมงหรอกเหรอ? เขาแค่ทำให้เธอพอใจ
แต่เวลาครึ่งชั่วโมงนี้ ไม่ได้จำกัดไว้ว่าเขาจะต้องอยู่ที่ไหนนิ?
พอเห็นว่าเย่โม่เซินไม่ได้จากไป แต่แค่ไปเข้าห้องน้ำ หลินชิงชิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก