เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 396 พาเธอไป
“แย่แล้ว ลุงหลินกำลังโมโหอีกแล้ว”
ซีซีหน้าเปลี่ยนสี
หานมู่จื่อนิ่งไปสักพัก แล้วหันไปมองเสี่ยวเหยียนและพูดออกมาทันที: “รีบไปแอบก่อน”
“อะไร?”
เสี่ยวเหยียนที่ยังไม่ได้สติกลับมา ก็ถูกหานมู่จื่อลากไปแอบที่มุมข้าง ๆ ซีซีที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้สติกลับมา แล้วแอบอยู่กับพวกเธอ
เธอมองหานมู่จื่ออย่างชื่นชมแวบหนึ่ง: “คุณเก่งจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะเดาความคิดพี่หลินเจิงได้”
“ความคิดอะไรเหรอ?” เสี่ยวเหยียนงุนงงที่ถูกลากมาแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้สติกลับมา
คนที่กำลังผิดหวังและท้อใจอยู่ คงไม่ชอบให้ใครเห็นแน่นอน
ชายหนุ่มที่ชื่อหลินเจิงคนนั้น ปกติมักจะเย็นชาสันโดษ ดูแล้วคนประเภทนี้เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี
คนที่เป็นแบบนี้ จะยอมให้คนอื่นเห็นท่าทางที่ท้อแท้ผิดหวังได้อย่างไร?
ถ้าเธอกับเสี่ยวเหยียนออกไปคงจะทำให้เขาลำบากใจเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็เม้มปากแล้วพูดว่า: “ในเมื่อเขาไม่ได้เกิดเรื่องอะไร อย่างนั้นพวกเราก็กลับบริษัทเถอะ”
พอได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็พูดไม่ออกไปสักพัก: “จะกลับบริษัทแล้ว? แต่พวกเรายังไม่ได้เจอหน้าเขาเลยนะ”
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย: “คืนนี้พวกเรายังต้องทำงานล่วงเวลา ไม่ว่างมาเสียเวลาที่นี่ กลับก่อนเถอะ”
“อย่างนั้นก็ดี ฉันเชื่อฟังเธอทุกอย่าง”
พอได้ยินว่าทั้งสองจะกลับแล้ว ซีซีก็ไม่ได้รั้งเธอ แต่มองหานมู่จื่ออย่างซาบซึ้งแล้วเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ พวกคุณเป็นคนดีจริง ๆ พวกคุณเดินทางกลับปลอดภัย จำไว้ว่าคุณต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาลอีกครั้งนะคะ”
“ได้ค่ะ ฉันจะไป”
ในตอนที่ทั้งสองออกมาจากพื้นที่ยากจนด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าจะเจอรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้น
ดูเหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้า คนในรถจึงชะโงกหน้าออกมาดู
“ในที่สุดพวกคุณก็ออกมาแล้ว”
หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนมองหน้ากัน
ฉากนี้ ทำไมถึงรู้สึกคุ้นจัง
อ้อใช่ ครั้งก่อนที่เธอกับเสี่ยวเหยียนไปตามหาจ้าวยี่หรูที่สตูดิโอเหตุการณ์ก็เป็นแบบนี้
คนขับรถเมืองเป่ยนี้ มีคุณภาพดีแบบนี้กันหมดหรือเปล่า?
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? ผมยังรู้สึกว่าที่นี่อันตรายเกินไป พวกคุณเป็นผู้หญิงสองคนเข้าไปคงไม่ปลอดภัยเกินไป ดังนั้นเลยรออยู่ที่นี่สักพัก คิดว่าถ้าพวกคุณยังไม่ออกมาจะโทรแจ้งตำรวจ”
พอพูดจบ เขาก็ลูบศีรษะตัวเอง แล้วยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย
“แต่พอดูตอนนี้ ดูเหมือนฉันจะยุ่งมากไปแล้วล่ะ ผมคนนี้น่ะ…มีแค่เรื่องนี้ที่ไม่ดี เห็นชัด ๆ ว่าไม่มีเรื่องอะไร แต่ผมก็ยังสงสัยเยอะอีก จากนี้ผมจะเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยอีกไม่ได้”
หานมู่จื่อเดินไปข้างหน้า มองเขาอย่างจริงใจแล้วเอ่ยขอบคุณ
“คุณลุงขอบคุณมากนะคะ พวกเราไม่เป็นอะไร แต่รบกวนคุณช่วยส่งพวกเรากลับไปที่เดิมหน่อยได้ไหม?”
“ได้ครับ พวกคุณขึ้นรถสิ”
ทั้งสองนั่งรถของคุณลุงกลับไปที่บริษัท ก่อนจะไปหานมู่จื่อก็ยังขอนามบัตรของคุณลุงไว้ จากนั้นเดินเข้าไปที่บริษัท
“หลังจากพวกเรากลับจากต่างประเทศมาก็เจอคนขับรถคุณภาพแบบนี้โชคดีเกินไปแล้วว่าไหม? เมื่อก่อนมักจะเห็นข่าวฆ่าคนเหล่านี้บนอินเตอร์เน็ตทำฉันตกใจแทบตาย เกิดเป็นความกลัว แต่คิดไม่ถึงเลย…บนโลกนี้จะยังมีคนดีอยู่”
พอได้ยิน หานมู่จื่อก็ยิ้มเล็กน้อย “โชคดีกับโชคร้ายมักจะอยู่คู่กันเสมอ มีที่มืดก็ต้องมีที่สว่าง เรื่องนี้…หลายครั้งที่ขึ้นอยู่กับโชค”
ในตอนที่ทั้งสองเดินเข้าไปก็ดึกแล้ว หานมู่จื่อไปหาของอะไรทานที่โรงอาหารก่อน น่าเสียดายที่มือเธอเจ็บอยู่ เลยมีปัญหาตอนถือตะเกียบ สุดท้ายก็ไม่ได้กินอะไรลงไป
“อย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ มือของเธอยังทำงานไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้อย่าเพิ่งทำงานล่วงเวลาเลย”
“ไม่ได้ กลับไปที่ตึกก่อนเถอะ”
สุดท้ายหานมู่จื่อก็กลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เสี่ยวเหยียนไปซื้อแซนวิชใกล้ ๆ กลับมาให้เธอถือกิน หานมู่จื่อทำได้เพียงกินแค่ไม่กี่คำ
หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็ยังอยากทำงานต่อ แต่ประตูห้องทำงานกลับถูกเคาะ
“เข้ามา”
ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา เสียงฝีเท้าที่สงบนิ่งดังขึ้น
หลังจากนั้นก็หยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของเธอ หานมู่จื่ออึ้งไปสักพัก รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างจนปัญญา
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นหานชิงที่อยู่ในชุดสูท
ดวงตาที่ดำของเขามองเธออย่างจนปัญญา จากนั้นเขาก็มองลงไปแล้วก็เห็นมือที่พันด้วยผ้าพันแผลเต็มไปหมดของเธอ ภายในใจก็รู้สึกเป็นทุกข์: “บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ยังจะบังคับให้ตัวเองทำงานอีก?”
หานมู่จื่อ: “……”
หานชิงมาที่นี่ได้อย่างไร?
เธอคิดสักพัก หลังจากนั้นก็มองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เสี่ยวเหยียนรีบหยิบข้อมูลออกมาบังหน้าตอนเองไว้แล้วไอเบา ๆ
ยัยปากกว้างคนนี้ เธอจะต้องเป็นคนบอกหานชิงว่าตนเองได้รับบาดเจ็บแล้วแน่ ๆ
เสี่ยวเหยียนพูดเบา ๆ หนึ่งประโยค: “ฉันไม่ได้พูดนะ ฉันแค่บอกเสี่ยวหมี่โต้วเท่านั้น”
เธอรู้สึกอายต่อหน้าเทพบุตรอยู่แล้ว จะมีความกล้าไปส่งข้อความหาเขาได้อย่างไร ตอนนี้เธอรู้สึกอายนะรู้ไหม?
“พี่ชาย” หานมู่จื่อลุกขึ้นมา ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ย: “คุณมาที่นี่ได้อย่างไร? ฉันยังต้องทำงานล่วงเวลานะ แย่เลย คงไม่สามารถดูแลคุณได้”
“เธอคิดว่าฉันมาให้เธอดูแลเหรอ?” หานชิงเดินอ้อมโต๊ะมาแล้วคว้าข้อมือเธอ “กลับบ้าน”
หานมู่จื่อหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย: “ไม่ได้ คืนนี้ฉันต้องอยู่ทำงานล่วงเวลา”
“บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ยังจะทำงานล่วงเวลา?” สีหน้าของหานชิงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มทันที แล้วจ้องเธออย่างไม่สบอารมณ์: “ฉันเปิดบริษัทก็เพื่อจะให้เธออยู่เมืองเป่ยอย่างมั่นคง แต่ไม่ได้ให้เธอไม่ระวังแบบนี้ แม้แต่อาการบาดเจ็บของตัวเองก็ไม่ใส่ใจ”
หานมู่จื่อ: “พี่ชาย ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ”
“คืนนี้ปฏิเสธทำงานล่วงเวลาไปเสีย แล้วกับบ้านกับฉัน หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”
“ฉันไม่ไป” หานมู่จื่อก็มีนิสัยดื้อรั้นเช่นเดียวกัน: “นิ้วของฉันแค่ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้หนักหนาสาหัส”
วินาทีต่อมา มือของหานชิงก็ออกแรงมากขึ้นแล้วลากเธอเดินไปข้างนอก หานมู่จื่อหน้าเปลี่ยนสี: “พี่ชาย พี่ชาย! คุณปล่อยฉันก่อน!”
แต่ดูเหมือนว่าหานชิงจะไม่ฟังเธอ ยังคงลากเธอเดินไปข้างนอก เสี่ยวเหยียนที่เห็นเหตุการณ์ ก็รีบลุกขึ้นแล้วเก็บของกับกระเป๋าแทนหานมู่จื่อ จากนั้นก็วิ่งตามออกไปส่ง
ในที่สุดก็พาหานมู่จื่อเข้าไปในรถแล้ว เสี่ยวเหยียนยิ้มปริ่มแล้วส่งของให้หานชิง: “อย่างนั้นคงต้องรบกวนคุณหานแล้ว!”
พอพูดเสร็จเธอก็รีบวิ่งหนีเข้าไปในตึก แกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาราวกับจะฆ่าคนของหานมู่จื่อ
หลังจากขึ้นตึก เสี่ยวเหยียนก็สังเกตเห็นคนรวมกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตรงหน้าต่าง
“ทำอะไรน่ะ? หานชิงปรากฏตัวใช่ไหม? แถมเขายังมีท่าทางก้าวร้าวมันเกิดอะไรขึ้น? ผู้หญิงคนนั้นทำให้หานชิงโกรธใช่ไหม? อย่างนั้นพวกเราก็จะได้เปลี่ยนหัวหน้าใหม่เร็ว ๆนี้? จุ๊ๆ ฉันบอกแล้วไง เข้ามาโดยใช้ทางลัดมักจะอยู่ได้ไม่นาน”
จางยู่พูดเสียดแทงอย่างสาแก่ใจ แล้วพูดเยาะเย้ยต่อเสียงดัง
เลิงเยาเยาที่อยู่ด้านข้างมองเธอแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา: “เธอเป็นคนบอกเองว่าให้พวกเราอยู่ทำงานล่วงเวลา แต่ตัวเองกลับก่อนแล้ว?”
“พวกเธอคุยโม้อะไรกันอยู่? มู่จื่อเธอได้รับบาดเจ็บที่มือทำงานต่อไม่ได้ พวกเธอทำงานล่วงเวลากันต่อ คืนนี้ฉันจะเป็นคนตรวจผลงาน!”
“เธอ? เธอทำเป็นเหรอ?”
“ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ ตอนนี้พวกเธอสามารถเก็บของแล้วไสหัวไปได้เลยนะ”
“เธอ!”
เสี่ยวเหยียนเชิดคางขึ้น เฮ้ มีตำแหน่งติดตัวนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ